สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2566

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด และมีลมฝ่ายตะวันตกพัดปกคลุม ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออก และตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนบริเวณทะเลอันดามัน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ฝุ่นละอองในระยะนี้ : ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากการระบายอากาศไม่ดี ส่วนภาคใต้ยังคงมีการสะสมน้อย เนื่องจากการระบายอากาศในบริเวณดังกล่าวยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 29-31 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 22 ? 23 เม.ย. 66 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นได้ สำหรับลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 24 - 26 เม.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และด้านตะวันออกของภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 27 - 28 เม.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มอ่อนกำลังลง ส่งผลทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง ขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพ และระวังโรคลมแดดเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 23 ? 26 เม.ย. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนองสำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย และขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 3 (113/2566) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 23-26 เมษายน 2566)


บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนได้แผ่ลงทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับมีลมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ จะเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและด้านตะวันออกของภาคตะวันออกก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป จึงขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร และสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง


โดยจังหวัดที่คาดว่าจะมีผลกระทบ มีดังนี้


วันที่ 23 เมษายน 2566

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี


วันที่ 24 เมษายน 2566

ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร ชัยภูมิ อำนาจเจริญ นครราชสีมา ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคตะวันออก: จังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด


วันที่ 25 - 26 เมษายน 2566

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


สุดตื่นตา! ธรรมชาติใต้ทะเลแสนสมบูรณ์ ณ จุดสกัดเกาะตุกนลิมา อช. หมู่เกาะลันตา



อช. หมู่เกาะลันตา เผยภาพแสนสวยงามของโลกใต้ท้องทะเล บริเวณจุดสกัดเกาะตุกนลิมา (เกาะห้า) จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียง ที่มีระบบนิเวศแสนสมบูรณ์และมีแนวปะการังสวยงามรอบเกาะ

เฟซบุ๊กเพจประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้โพสต์รูปภาพของโลกใต้ท้องทะเลพร้อมข้อความว่า

"เกาะห้า" หรือ "เกาะตุกนลิมา" แปลว่า "กองหินห้าลูก" เป็นจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียง มีระบบนิเวศเป็นแนวประการังน้ำตื้นรอบเกาะ สามารถดำน้ำลึก ดำน้ำตื้นได้ รอบเกาะมีปะการังสวยงาม อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ตั้งอยู่ในท้องที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ประกอบไปด้วยเกาะ 25 เกาะ และจัดแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน ซึ่งหมู่เกาะห้านั้นก็เป็น 1 ใน 4 ของกลุ่มเกาะในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตานั่นเอง


https://mgronline.com/travel/detail/9660000037216

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


พบซากเรือล่ม 'สุสานชาวออสซี่เหยียบพัน' สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ปิดฉากฝันร้ายยืดเยื้อ 81 ปี


(AFP PHOTO / AUSTRALIAN WAR MEMORIAL)

นักสำรวจใต้ทะเลลึกกล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน พวกเขาพบซากเรือ "มอนเตวิเดโอ มารุ" หรือเรือบรรทุกของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถูกระเบิดตอร์ปิโดยิงถล่มนอกชายฝั่งฟิลิปปินส์ ส่งผลให้ชาวออสเตรเลียเกือบ 1,000 ชีวิต ซึ่งรวมถึงเชลยศึกหลายร้อยรายบนเรือดังกล่าวถูกสังหารอย่างน่าเศร้าสลด นับเป็นการสิ้นสุดหายนะทางทะเลครั้งเลวร้ายที่สุดของออสเตรเลียที่ยืดเยื้อมานานถึง 81 ปี

มูลนิธิ Silentworld องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของออสเตรเลียทางด้านโบราณคดีทางทะเล ผู้จัดโครงการค้นหาซากเรือครั้งนี้ กล่าวว่า เรือมอนเตวิเดโอ มารุ ซึ่งจมลงสู่ท้องทะเลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1942 จากการโจมตีของเรือดำน้ำของสหรัฐ โดยไม่ทราบว่ามีเฉลยศึกโดยสารอยู่บนเรือญี่ปุ่นนั้น ถูกพบที่ความลึกมากกว่า 4 กิโลเมตร

การอับปางของเรือมอนเตวิเดโอ มารุ ถือเป็นหายนะทางทะเลครั้งเลวร้ายที่สุดที่เคยมีมาของออสเตรเลีย โดยมันได้คร่าชีวิตชาวออสเตรเลียไปประมาณ 979 ราย ซึ่งจำนววนดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ทหารอย่างน้อย 850 นาย นอกจากนี้ มูลนิธิ Silentworld ระบุอีกว่า พลเรือนต่างชาติจากอีก 13 ประเทศก็อยู่บนเรือเช่นกัน ทำให้จำนวนผู้ที่ถูกสังหารทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 1,060 คนราย

นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีสของออสเตรเลีย กล่าวว่า ในที่สุด สถานที่พำนักของวิญญาณที่สูญหายของ เรือมอนเตวิเดโอ มารุ ก็ถูกค้นพบ โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตราว 1,060 รายนี้ มีเหล่าทหารของออสเตรเลียอยู่ 850 นาย ซึ่งชีวิตของพวกเราถูกบั่นให้ขาดสะบั้น พวกเราหวังว่าข่าวในวันนี้จะช่วยปลอบโยนบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งเฝ้าระลึกถึงมาอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ หลังจากวางแผนมา 5 ปี เหล่านักสำรวจเริ่มค้นหาซากเรือเมื่อวันที่ 6 เมษายน ในทะเลจีนใต้ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ ซึ่งพวกเขาก็ได้พบกับสิ่งที่ตามหาในอีก 12 วันให้หลัง ด้วยการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งรวมยานพาหนะใต้น้ำแบบไร้คนขับพร้อมระบบโซนาร์

อย่างไรก็ดี มูลนิธิ Silentworld กล่าวว่า ซากเรือจะยังคงอยู่ที่ก้นทะเลในระดับความลึกที่อยู่ต่ำกว่าเรือไททานิค โดยที่ไม่ถูกรบกวนเพื่อเป็นการเคารพต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต โดยจะไม่มีการนำสิ่งของใดๆ หรือแม้แต่ร่างของผู้เสียชีวิตออกจากสุสานใต้น้ำดังกล่าว

จอห์น มูลเลน ผู้อำนวยการของ Silentworld กล่าวว่า การค้นพบซากเรือมอนเตวิเดโอ มารุเป็นการปิดฉากที่น่าหดหู่ของประวัติศาสตร์การทหารและการเดินเรือของออสเตรเลีย โดยหลายครอบครัวต่างเฝ้ารอข่าวคราวของบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งสูญหายไปนานนับปี ก่อนที่จะได้ทราบข่าเรือล่มอันน่าสลดใจนี้ ซึ่งบางส่วนไม่อาจยอมรับอย่างเต็มอกได้ว่าบุคคลอันเป็นที่รักของเขาตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ดังกล่าว

อันเดรีย วิลเลียมส์ ผู้สูญเสียญาติจากเหตุเรือมอนเตวิเดโอ มารุล่ม กล่าวว่า นี่เป็นเป็นวันที่มีความสำคัญอย่างสุดแสนพิเศษสำหรับชาวออสเตรเลียทุกคนที่มีความเชื่อมโยงกับหายนะทางทะเลนี้

พลโทไซมอน สจวร์ต ผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลีย กล่าวว่า การค้นหาซากเรือครั้งนี้ได้ยุติความคลุมเครือตลอด 81 ปีสำหรับเหล่าญาติของผู้ที่สูญหาย

"การสูญเสียเช่นนี้ปรากฏขึ้นตลอดหลายทศวรรษและเตือนเราถึงความเสียหายต่อชีวิตมนษย์ที่เป็นผลจากความขัดแย้ง" สจวร์ตกล่าว


https://www.matichon.co.th/foreign/news_3937960