#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมพาดผ่านหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และตอนบนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 11 มิ.ย. 66 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 9 ? 10 มิ.ย. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ยและประเทศจีนตอนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 11 ? 14 มิ.ย. 66 ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านบริเวณประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรงโดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตลอดช่วง ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักตลอดช่วง และในช่วงวันที่ 8 ? 10 มิ.ย. 66 ขอให้ประชาชนในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักมากและฝนที่ตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 11 มิ.ย. ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง คลื่นลมแรงและฝนตกหนักถึงหนักมาก ฉบับที่ 19 (179/2566) (มีผลกระทบถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2566) ร่องมรสุมพาดผ่านหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเมียนมา ภาคเหนือ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 11 มิ.ย. 66
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เอลนีโญเริ่มแล้วในแปซิฟิก คาดทำให้โลกร้อนขึ้นไปอีก นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ เผย ปรากฏการณ์เอลนีโญเริ่มขึ้นแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยคาดว่าจะทำให้อากาศร้อนขึ้นจนปี 2567 กลายเป็นปีที่โลกร้อนที่สุด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ยืนยัน ปรากฏการณ์สภาพอากาศตามธรรมชาติที่เรียกว่า เอลนีโญ เริ่มต้นขึ้นแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยคาดว่ามันจะทำให้โลกที่อุ่นขึ้นอยู่แล้วเพราะภาวะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงร้อนขึ้นไปอีก และอาจทำให้ปี 2567 เป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา นักวิทยาศาสตร์ยังกังวลว่า อากาศที่ร้อนขึ้นเพราะเอลนีโญจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และอาจกระทบต่อสภาพอากาศของหลายพื้นที่ทั่วโลก เช่นที่ออสเตรเลียอาจทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรงขึ้น ขณะที่ภาคใต้ของสหรัฐฯ อาจเผชิญกับฝนตกมากขึ้น ส่วนที่มรสุมที่อินเดียอาจมีกำลังอ่อนลง ทั้งนี้ สัญญาณที่บ่งชี้ว่าเอลนีโญเริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ คือ อุณหภูมิของน้ำทะเลต้องอุ่นกว่าปกติมากกว่า 0.5 องศาเซลเซียสติดต่อกันนานกว่า 1 เดือน ในขณะที่ชั้นบรรยากาศมีการตอบสนองต่อความร้อนนี้และต้องมีหลักฐานบ่งชี้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะคงอยู่ต่อเป็นเวลานาน ตามแถลงการณ์ขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (NOAA) นักวิทยาศาสตร์ตรวจพบเงื่อนไขทั้งหมดในเดือนพฤษภาคม พวกเขาจึงเชื่อว่าเอลนีโญเริ่มขึ้นแล้ว ?นี่เป็นสัญญาณที่อ่อนมากๆ แต่เราเชื่อว่าเรากำลังเริ่มเห็นเงื่อนไขเหล่านี้ และมั้นกำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ? ดร.มิเชล ลูรู นักวิทยาศาสตร์ของ NOAA กล่าว นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกคาดการณ์มาหลายเดือนแล้วว่าปรากฏการณ์ เอลนีโญ กำลังจะเกิดขึ้นในแปซิฟิก "ตอนนี้มันกำลังสะสมกำลังขึ้น มีสัญญาณหลายอย่างในการคาดการณ์ของเราช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่มันน่าจะไปถึงจุดสูงสุดในช่วงสิ้นปี 2566 นี้ในแง่ของความรุนแรง" นายอดัม สคาอิฟ จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาสหราชอาณาจักรกล่าว "มีความเป็นไปได้แน่นอนที่อุณหภูมิโลกในปีหน้าจะทำสถิติใหม่ มันขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้วเอลนีโญจะใหญ่แค่ไหน เอลนีโญขนาดใหญ่ในช่วงสิ้นปีนี้ จะทำให้มีโอกาสสูงที่เราจะได้บันทึกสถิติอุณหภูมิโลกใหม่ในปี 2567" นายสคาอิฟกล่าว และคาดว่า เอลนีโญจะอ่อนกำลังในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า หรือ ราวเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม https://www.thairath.co.th/news/foreign/2700491 ****************************************************************************************************** สลด "โลมาลายจุด" สัตว์ทะเลหายาก เกยตื้นตายไม่ทราบสาเหตุบนเกาะลันตา สลด "โลมาลายจุด" สัตว์ทะเลหายาก เกยตื้นตายไม่ทราบสาเหตุบนเกาะลันตา จ.กระบี่ โคนหางพบรอยถลอกเล็กน้อย เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน 2566 นายเนรมิต สงแสง หน.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ สั่งให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เข้าตรวจสอบซากโลมา ที่มาตายเกยตื้นอยู่บริเวณชายหาดบากันเตียง ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา เมื่อไปถึงบริเวณหน้าหาดดังกล่าว พบซากของ "โลมาลายจุด" เพศเมีย ตัวโตเต็มวัย วัดความยาวได้ 2 เมตรเศษ น้ำหนักประมาณ 80 กก. สภาพเพิ่งเสียชีวิตเพียงไม่นาน เพราะซากยังสดอยู่ ที่โคนหางพบรอยถลอกเล็กน้อย ยังไม่ทราบสาเหตุการตายที่แน่ชัด จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนล่าง จ.ตรัง นำซากไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง นายเนรมิต เผยว่า สำหรับโลมาลายจุด จัดเป็นกลุ่มที่หายากเช่นกัน เพราะอยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ตัวที่พบจัดเป็นตัวเมียโตเต็มวัย ปกติจะอยู่กันเป็นฝูง เบื้องต้นคาดว่าอาจจะมีอาการป่วย จนพลัดหลงกับฝูง หรืออาจจะพลัดหลงฝูงเอง แล้วมาเล่นน้ำอยู่แถวหน้าหาด จนน้ำทะเลเริ่มลดทำให้เกยตื้นติดอยู่บนชายหาด กลับลงทะเลไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลตรวจชัดเจนอีกครั้ง. https://www.thairath.co.th/news/local/2700381
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ตัวตึงมาแล้ว "นากทะเล" โผล่วิ่งเล่นบนชายหาดกมลา นักท่องเที่ยวสุดตื่นเต้น ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตัวตึงมาแล้ว คลิปน่ารักๆ นากทะเล ขึ้นมาวิ่งเล่นบนชายหาดกมลา อย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางนักท่องเที่ยวมารอถ่ายรูปจำนวนมาก กลายเป็นไวรัลน่ารักๆ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Niruj Photoman ได้โพสต์คลิปนากทะเล กำลังนอนเล่น วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานอยู่บนชายหาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต บริเวณหน้ากุโบร์ โดยผู้โพสต์เขียนข้อความไว้ว่า "มีคนถ่ายคลิปน้องนากมาเล่นน้ำที่ชายหาดกมลา ยังไงอย่าไปทำร้ายน้องเขา ช่วยกันอนุรักษ์ หายากมากแล้ว ทำให้เป็นตัวตึงขวัญใจนักท่องเที่ยวดีกว่า" โดยมีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เช่น อยู่แถวไหนคะ จะพาลูกๆ ไปดู หรือ ช่วยกันดูแล ระวังหมากัดน้อง และคลิปแบบนี้หาดูได้ยากมากในปัจจุบัน เป็นต้น ซึ่งในคลิปจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างยืนชมนากทะเลที่กำลังวิ่งเล่นอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับถ่ายภาพถ่ายคลิปไว้เป็นที่ระลึก ก่อนที่นากทะเลตัวนี้จะว่ายน้ำกลับไปในทะเล อย่างไรก็ตาม คาดว่าถ้าไม่ถูกนักท่องเที่ยวหรือคนไทยเข้าไปรบกวน นากทะเลตัวดังกล่าวจะกลายเป็นตัวตึงของชายหาดกมลาอย่างแน่นอน เนื่องจากมีความน่ารักและวิ่งเล่นไปทั่วชายหาด สร้างความตื่นเต้นและดีใจให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก https://mgronline.com/south/detail/9660000052490 ****************************************************************************************************** เตือนภัยแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกสในทะเลภูเก็ต ที่จะมาในช่วงหน้ามรสุมทุกปี ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ไลฟ์การ์ดโพสต์เฟซบุ๊กเตือนภัยแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส ที่จะมาในช่วงหน้ามรสุมของทุกปี พร้อมวิธีการรักษาเบื้องต้นหากโดนพิษ วันนี้ (7 มิ.ย.) เฟซบุ๊ก Phuket Lifeguard Service ได้โพสต์ภาพแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส ที่เริ่มพบตามชายหาดทั่วเกาะภูเก็ตในช่วงมรสุมนี้ โดยระบุข้อความเตือนภัยและวิธีปฐมพยาบาลเมื่อถูกแมงกะพรุนดังกล่าว ว่า "เช้าในช่วงฤดูมรสุม ไลฟ์การ์ดของเราพบเจอแล้วแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส หรือ แมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกสตัวเล็กตามคาด หากโดนพิษของมันให้ใช้น้ำทะเลล้างบริเวณที่โดนพิษและดึงหนวดออก เพื่อบรรเทาอาการปวด ให้แช่บริเวณที่โดนต่อยในน้ำร้อนเป็นเวลา 20 นาที" และมีการโพสต์เพิ่มเติมด้วยว่า "อย่าเพิ่งตื่นตระหนกตกใจไป ภูเก็ตเรามีแต่ตัวแค่นี้ ลูกๆ ของมัน คาดว่าจะตกค้างจากเรือสำราญที่แวะมาเที่ยวภูเก็ตทุกปี มีตลอดในช่วงฤดูมรสุมมิถุนายน-ตุลาคม เราชาวภูเก็ตต้องรู้วิธีรักษาเมื่อโดนพิษของเจ้าแมงกะพรุนไฟนี้" ทั้งนี้ เรามารู้จักกับเจ้าแมงกะพรุนไฟเรือรบโปรตุเกส (Portuguese man-of-war) กัน โดยแมงกะพรุนไฟสายพันธุ์ Physalia มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส เป็นแมงกะพรุนมีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พบส่วนมากในต่างประเทศ อาจถูกพัดเข้าสู่ทะเลไทยได้ในบางฤดูกาล โดนแมงกะพรุนดังกล่าวเข้าไปจะทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน อาจส่งผลต่อระบบผิวหนัง ระบบประสาทหัวใจและอาจเสียชีวิตได้ หากโดนสัมผัสควรใช้วัสดุแข็งเขี่ยหนวดออกจากร่างกาย ห้ามใช้มือสัมผัสโดยตรงและห้ามนวดหรือทายาใดๆ ล้างแผลด้วยน้ำทะเล ห้ามใช้น้ำส้มสายชูล้างแผลโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้พิษกระจายเร็วขึ้น ใช้น้ำแข็งประคบเบาๆ เพื่อลดอาการปวดบวม และรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด https://mgronline.com/south/detail/9660000052091
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
มีผลบังคับใช้! กำแพงกันคลื่นทุกขนาดต้องทำ EIA ปลดล็อก 9 ปี "วราวุธ" เซ็นคำสั่งใหม่ให้กำแพงกันคลื่น-รอดักทราย เขื่อนกันทรายทุกขนาดต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แต่ปล่อยผีโครงการที่เสนอผ่านบอร์ดสวล.-ผ่านงบของปี 67 แล้ว "ศศิน"ห่วงห่วง EIA ฟอกโครงการกระทบสวล. วันนี้ (8 มิ.ย.2566) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2566 โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ 19 พ.ย.2561 เพื่อกำหนดประเภทโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการ ที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 48 แห่งพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จึงออกประกาศฉบับนี้ สาระสำคัญของประกาศฉบับนี้ การก่อสร้างหรือขยายสิ่งก่อสร้างบริเวณหรือในทะเล ประกอบด้วย รอดักทราย เขื่อนกันทรายและคลื่น รอบังคับกระแสน้ำ แนวเขื่อนกันคลื่นนอกฝั่งทะเล และ กำแพงติดแนวชายฝั่งทะเล ทุกขนาด ต้องจัดทำ EIA ส่วนขั้นตอนในการเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA นั้น ต้องเสนอในขั้นขออนุมัติ หรือ ในขั้นขออนุญาตโครงการ แล้วแต่กรณี ไม่บังคับใช้โครงการย้อนหลังปี 67-ผ่านงบ อย่างไรก็ตาม ประกาศนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป แต่ไม่ให้ใช้บังคับกับโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 โดยผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนการกลั่นกรองโครงการ ซึ่งได้รับความเห็นชอบตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เสนอขอรับจัดสรรงบ 2567 ต่อสำนักงบประมาณแล้วก่อนที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ "ศศิน" ห่วง EIA ฟอกโครงการกระทบสวล. ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร กล่าวว่า เห็นด้วยในหลักการ และขอบคุณทุกฝ่ายที่ผลักดันจนสำเร็จแต่อย่าลืมว่าในวงการสิ่งแวดล้อมการทำ EIA เป็นการฟอกโครงการที่มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สามารถทำได้อย่างถูกต้อง และเป็นข้ออ้างสำคัญของเจ้าของโครงการว่ามันผ่าน EIA มาแล้วจะมาค้านอีกทำไม "สรุปว่า EIA จะเป็นเสมือน VISA ให้สิ่งแปลกปลอมที่อันตรายถูกทำให้เชื่อว่ามันแก้ไขได้ ทั้งที่ความเป็นจริงก็แค่ดีขึ้นบ้าง หรือมีมาตรการบรรเทาผลกระทบ อาจจะลดผลกระทบได้บ้างไม่ได้บ้าง" นายศศิน ระบุว่า ที่สำคัญคือคณะกรรมการอ่าน EIA โดยหลักการจะไม่สามารถให้ยุติโครงการได้ และไม่สามารถยกเลิก EIA ได้ ถ้าเจ้าของโครงการไม่ถอนออกไปเอง ดังนั้นก็จะมีการผลักดันแก้ไขไปเรื่อยๆ จนกว่ามาตรการจะผ่าน "ถ้าผ่านจาก EIA ออกมาจะยับยั้งได้ก็เหลือที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แต่ก็ไม่สามารถหยุดโครงการได้ หากเจ้าของโครงการยังเสนอกลับมาใหม่ก็มักจะไปผ่านได้สักวันเมื่อเปลี่ยนคณะกรรมการบางคนที่คัดค้าน" ดังนั้นเมื่อผ่านคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ขั้นตอนอื่นๆ ก็จบและเดินหน้าลุยไม่ใช่เฉพาะกำแพงกันคลื่นที่ว่าโครงการตามประกาศที่ต้องทำ EIA อื่นด้วย ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ระบุอีกว่า ประกาศนี้มีข้อดีตรงที่เจ้าของโครงการก็ลดความอยากที่จะเสนอให้ทันงบปีนั้นๆ ออกไปได้เยอะ เพราะรู้ว่ารีบทำไปก็ไปติดที่ EIA มีเรื่องอื่นไที่ง่ายกว่ามาให้ทำก็มักจะของบ โครงการเขื่อนก็ชะลอ ยาว อาจจะมีเวลาทางแก้ไขด้วยวิธีอื่น หรือหาดปรับสมดุลจนมันไม่เซาะแล้วก็ได้ ถ้ายังไม่ถึงขั้นไปขอ EIA "แต่เรื่องตลกคือ หากอยู่ระหว่างทำ EIA แล้วปัญหาอาจจะถูกแก้ไขโดยวิธีอื่นเรียบร้อย จนผ่านไป EIA ก็ทำต่อได้ พราะเจ้าของโครงการไม่ยอมถอนออก วันหนึ่งกรรมการก็ย่อมให้ผ่าน" แล้วโครงการก็อาจจะถูกเสนอตั้งงบประมาณอีก ยกเว้นว่ามีคนคอยดักไว้ไม่ให้ เสนองบ หรือมีผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่รู้เรื่องมาเสนอยับยั้งไว้ได้ ก่อนหน้านี้ช่วงเดือนธ.ค.2565 เครือข่ายทวงคืนชายหาด และเครือข่ายประชาชนทวงคืนชายหาด 94 องค์กร กลุ่ม Beach for life ปักหลักชุมนุมด้านหน้า ทส.ยื่น 3 ข้อให้ "กำแพงกันคลื่น" ต้องทำ EIA หลังปลดล็อก 10 ปี พบว่ากรมโยธาธิการและผังเมือง ผุดโครงการ 107 แห่งใช้งบ 6,694 ล้านบาท แต่กระทบวิถีชุมชนและเสียหายต่อนิเวศ หลังจากกำแพงกันคลื่นถูกถอดจากโครงการที่ต้องศึกษาผลกระทบ EIA https://www.thaipbs.or.th/news/content/328594
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|