#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย สำหรับทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 21 - 26 ก.ค. 66 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ตลอดช่วง โดยมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
พบซากวาฬบรูด้าโตเต็มวัย ท้องแตก ลอยตายหน้าเกาะล้านพัทยา คนขับสปีดโบ๊ต พบซากวาฬบรูด้าโตเต็มวัย ความยาวประมาณ 15 เมตร น้ำหนัก 30-40 ตัน ลอยตายในทะเลหน้าอ่าวตาแหวน ห่างเกาะล้านประมาณ 3 ไมล์ทะเล ช่องท้องแตกคล้ายระเบิดจากแก๊ส ส่งกลิ่นเหม็นเน่า จนท.ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเร่งลงเรือไปตรวจ ช่วงบ่ายวันที่ 20 ก.ค. 66 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ไต๋ตามใจ อาทิตย์" อาชีพขับเรือสปีดโบ๊ต ได้ไลฟ์สด ความยาวกว่า 24 นาที พบซากปลาวาฬบรูด้าขนาดใหญ่ ลำตัวยาวประมาณ 10-15 เมตร ลำตัวยาวกว่าเรือสปีดโบ๊ตขนาด 27 ฟุต ลอยตายขึ้นอืดในทะเลอ่าวไทย บริเวณหน้าหาดตาแหวน เกาะล้าน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยห่างจากเกาะล้าน ประมาณ 3 ไมล์ทะเล ส่งกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง โดยพบว่าบริเวณช่วงท้องมีร่องรอยแผลคล้ายระเบิด คาดว่าหลังจากที่ตายแล้วน่าจะเกิดแก๊สในกระเพาะจนเกิดการระเบิดในช่องท้อง ส่วนคีบที่หางยังพบคล้ายเชือกผูกอยู่ หรืออาจเป็นเนื้อเยื่อของวาฬ แต่ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้มาก ภายหลังพบซากวาฬบรูด้า ชาวบ้านได้แจ้งไปทางสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้มาทำการตรวจสอบก่อนรายงานให้ทาง นายวุฒิพงษ์ วงศ์อินทร์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เดินทางมาที่บริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พร้อมประสานเรือเดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณที่พบศพซากวาฬบรูด้าตาย เพื่อนำซากมาตรวจสอบ นายวุฒิพงษ์ วงศ์อินทร์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ หลังจากได้รับรายงาน ได้รีบมาตรวจสอบโดยประสานเรือเพื่อไปหาจุกที่พบซากวาฬบรูด้า ว่าอยู่บริเวณไหน เพราะอาจโดนคลื่นลมซัดไปจากจุดเดิม โดยแผนวันนี้จะตรวจสอบว่าอยู่บริเวณไหน และจะเอาซากขึ้นฝั่งที่ใกล้ที่สุด จากนั้นจะให้ทางสัตวแพทย์ผ่าพิสูจน์ว่าสาเหตุของการตายเป็นอย่างไร ส่วนซากพบว่ามีการเน่ามาก คงต้องนำไปฝังไว้ ก่อนนำซากไปเก็บในพิพิธภัณฑ์หรือดูแลต่อไป ทั้งนี้ ซากวาฬที่พบที่ดูจากภาพน่าจะโตเต็มวัย อายุประมาณ 5-6 ปี ความยาว 10-15 เมตร น้ำหนักประมาณ 30-40 ตัน หรือประมาณ 30,000-40,000 กก. อย่างไรก็ตาม ต้องลงเรือออกไปตรวจสอบก่อน เพื่อสรุปข้อมูลที่ตรงกับความเป็นจริงอีกครั้ง. https://www.thairath.co.th/news/local/east/2711162
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ปรากฎการณ์ประหลาด! สุดฮือฮา 'ปลาจู๋' นับพันตัวเกยตื้น พบเห็นไม่บ่อยนัก ชาวเน็ตถึงกับตะลึง ปรากฎการณ์แปลกประหลาด ปลาจู๋ นับพันตัว โผล่เกยตื้น หาดเทียร์รา เดล ฟวยโก อาร์เจนตินา ชี้เป็นสัตว์มีมากว่า 300 ล้านปี อาศัยใต้พื้นก้นมหาสมุทร เห็นไม่บ่อยนัก เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ "World Forum ข่าวสารต่างประเทศ" โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า อาร์เจนตินา ปลาจู๋ ขนาด 10 นิ้ว นับพันเกยตื้นชายหาดอาร์เจนติน่า เป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดที่ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตงง มาได้ไง สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ชายหาดเทียร์รา เดล ฟวยโก ใกล้รีโอแกรนด์ อาร์เจนตินา ในวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้พบเห็นคนแรก คือชาวประมง ชาวอาร์เจนตินา ซึ่งปลาประหลาดเหล่านี้ เรียกว่า ปลาพินูกา หรือ ปลาจู๋ หลายพันตัว เกยตื้นในบริเวณเอลมูร์ตียาร์ ปลาซึ่งคล้ายคลึงกับระบบสืบพันธุ์ของผู้ชาย ที่ชื่อปลาพินูคา ยังใช้เป็นยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศและรักษาปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ หรือ ใช้เป็นเหยื่อในการตกปลาโดยเฉพาะปลากะพงขาว ด้วย ทั้งนี้ในความเป็นจริงแล้วปลาจู๋ คือ หนอน ซึ่งระบุว่าเป็น urechis unicinctus ถือเป็นหนอนชนิดหนึ่งที่มักอาศัยอยู่ใต้พื้นก้นมหาสมุทร แต่มันถูกคลื่นลม คลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง เป็นปรากฏการณ์ที่เห็นไม่บ่อยนัก urechis unicinctus มีมาประมาณ 300 ล้านปีแล้ว ซึ่งตรงกันข้าม มนุษย์มีประมาณ 200,000 ปีเท่านั้น https://www.dailynews.co.th/news/2551414/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ดร.ธรณ์ เผยการทดลองใช้เทคโนโลยี "LiDAR" เพื่อศึกษาแนวปะการังครั้งแรกของไทย ผศ.ดร.ธรณ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม เผยประโยชน์ของ "LiDAR" เทคโนโลยีใช้เพื่อวัดระยะ หรือความสูงของพื้นผิว นำมาใช้ศึกษาแนวปะการังครั้งแรกของไทย วันนี้ (20 ก.ค.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ระบุข้อความว่า "กำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน ขอเล่าเรื่อง LiDAR กับแนวปะการังอีกสักตอน เผื่อมีประโยชน์กับเพื่อนธรณ์ผู้สนใจ ผมพยายามใช้โดรนรูปแบบต่างๆ สำรวจแนวปะการังมาตลอด 3-4 ปี นั่นคือกรรมวิธีสร้างพื้นฐาน จะลองของใหม่ต้องใช้เวลา เรื่องนี้สำคัญครับ เมื่อถึงคราวลงมือ เราต้องบริหารความเสี่ยง สถานที่ต้องใช่ เวลาต้องใช่ LiDAR ต้องทำตอนน้ำลงต่ำมากๆ ปีหนึ่งมีเพียงไม่กี่ครั้ง แนวปะการังต้องโผล่พ้นน้ำเยอะ ต้องมีความสูงต่ำ แนวปะการังหลายแห่งที่มีดงปะการังน้ำตื้น พวกนั้นจะเหมาะมาก ยังต้องเป็นที่คุ้นเคย แทบบอกได้ว่าตรงไหนมีอะไร อีกทั้งยังต้องมีข้อมูลหลายด้านให้มากพอ การลองของใหม่กับสถานที่ใหม่ๆ เป็นเรื่องเสี่ยง คนเราไม่เก่งพอเรียนรู้ทุกอย่างในเวลาเดียวกัน ตอนออกภาคสนาม เราต้องวางแผนให้รอบคอบ รวมทั้งภาวนาฟ้าดินว่าอย่าแกล้งส่งพายุมารังแกฉันนะ สุดท้ายเราได้ข้อมูลมา 16 Gigabyte เพราะบินเก็บข้อมูลซ้ำไปมา 3 เที่ยว เพื่อความแม่นยำและเพื่อใช้โอกาสให้คุ้ม ครึ่งแรกผ่านไป แต่ครึ่งหลังโหดกว่า เมืองไทยมีข้อมูลมากมาย แต่บางส่วนถูกเก็บไว้เฉยๆ โดยไม่ได้วิเคราะห์ เพราะเราไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร แนวทางที่ผมทำคือวิเคราะห์แทบทุกแบบ ทำไปช้าๆ โดยคิดให้รอบคอบว่าเราจะเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไร ผมยังอยู่ในขั้นตอนนั้น แต่นำบางเรื่องมาเล่าให้เพื่อนธรณ์ฟัง ภาพที่ผมชี้จอ คือการสร้างภาพชายฝั่งและแนวปะการังจากข้อมูล LiDAR เรานำไปโชว์เป็นสภาพทั่วไป หมุนไปมาดูได้หลายมุม เอาไปใช้ได้หลายอย่าง เช่น สร้างความตื่นตาตื่นใจกับคนดูคนฟัง เผื่อจะได้ตังค์มาต่อยอด หากทำซ้ำตามช่วงฤดูกาล สามารถบอกถึงการสะสมทราย นำไปใช้ในงานกัดเซาะชายฝั่ง LiDAR มีประโยชน์เรื่องนี้มาก ตอนนี้กำลังมีโครงการสำรวจชายฝั่ง EEC เพื่อทำแผนที่ base map ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียบ เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟังครับ มุมล่างซ้ายคือการแสดงภาพแบบสูงต่ำ สีน้ำเงินคือแอ่งน้ำ สีเขียวหรือฟ้าอ่อนคือพื้นทั่วไป ที่น่าสนใจคือสีเหลืองหรือส้ม หย่อมตรงนั้นคือปะการัง เพราะยกตัวขึ้นมาสูงกว่าพื้นรอบด้าน วิธีนี้จะช่วยให้เราแยกปะการังได้อย่างรวดเร็ว หย่อมปะการังมักอยู่ใกล้กันเป็นโซน เรานำมาใช้ในการอนุรักษ์ เช่น เรือเข้าออกชายหาดควรวิ่งแนวไหน จะสร้างท่อน้ำทิ้งควรปล่อยไปที่ใด หรือนำมาใช้ในการสำรวจความหลากหลาย หาปะการังที่แน่ชัดเพื่อส่งคนไปเก็บข้อมูลให้ตรงจุด (มี GPS ทุกจุด) ลดเวลาค่าใช้จ่ายได้เพียบ ภาพมุมล่างขวาคือซูมเข้ามาแล้วสร้างเป็น 3 มิติ แถบแดงคือบริเวณที่เราวัดความสูงต่ำเพื่อแสดงเป็นเส้นกราฟ ปะการังมีโตมีตาย เมื่อเวลาผ่านไป รูปทรงเปลี่ยนไป ส่งผลถึงที่อยู่อาศัยของสัตว์ ผลกระทบจากโลกร้อน ฟอกขาว คลื่นลม ยังทำต่อแนวปะการังไม่เท่ากัน บางที่โดนมาก บางที่โดนน้อย LiDAR จะมีประโยชน์สุดๆ เมื่อนำมาใช้ร่วมกับข้อมูลอื่น เช่น แผนที่ทางอากาศ ข้อมูลภาคสนาม ความยากคือการต่อจิ๊กซอว์ เอาโน่นนี่นั่นมาผสมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เกิดประโยชน์สูงสุด ณ วันนี้ จิ๊กซอว์ดังกล่าวสำคัญ เพราะธรรมชาติแปรปรวน แทบไม่เหลือเวลาให้เราแล้ว คณะประมงจึงทำงานอย่างเร่งด่วน เพื่อหาทางช่วยทะเลและคนทะเลเท่าที่เราสามารถ หากสามารถไม่พอ ก็ต้องพยายามไขว่คว้าหาสิ่งใหม่ๆ มาทำให้พอ ไม่ว่าสถานการณ์รอบด้านจะเป็นอย่างไร เราจะไม่นั่งทำตาปริบๆ ดูทะเลร้อนตายไปต่อหน้าต่อตาแน่นอนครับ ขอบคุณกองทุนดิจิตัลและกระทรวงทรัพยากรฯ ที่กรุณาสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงเพื่ออนุรักษ์แนวปะการังและรับมือกับโลกร้อนครับ" https://mgronline.com/onlinesection/.../9660000065713
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
สื่อดังรายงานข่าวสุดเศร้า พบฝูง วาฬนำร่องกว่า 50ตัวเกยตื้นตาย ที่สกอตแลนด์ เจ้าหน้าที่พบวาฬนำร่องมากกว่า 50 ตัวตาย ในประเทศสกอตแลนด์ หลังจากเกยตื้นบนชายหาดบนเกาะลูอิส ซึ่งเป็นการเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศในรอบหลายทศวรรษ สื่อดังรายงานข่าวสุดเศร้าครั้งนี้ ทำเอาผู้คนเศร้าสลด ในการสูญเสียฝูงวาฬนำร่องในครั้งนี้จำนวนมาก โดยทางการสกอตแลนด์ ได้รับการแจ้งเตือนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในเช้าวันอาทิตย์ โดยความพยายามที่จะช่วยวาฬที่ยังมีชีวิตมากกว่า 12 ตัวให้กลับสู่ทะเลไม่ประสบผลสำเร็จ ต่อมาหน่วยกู้ภัยตัดสินใจทำการุณยฆาตวาฬเกยตื้นที่เหลือโดยคำนึงถึงสวัสดิภาพปลาวาฬทั้งหมด 55 ตัวตาย และเชื่อว่ามีวาฬที่รอดชีวิตมาได้ 1 ตัว ทั้งนี้ องค์กรการกุศล British Divers Marine Life Rescue (BDMLR) ระบุว่า พบวาฬเพศเมีย 1 ตัวมีอาการช่องคลอดหย่อน และสงสัยว่าทั้งฝูงเกยตื้นหลังจากวาฬตัวหนึ่งเกิดภาวะแทรกซ้อนในการคลอด โดยวาฬนำร่องมีชื่อเสียงในด้านความผูกพันทางสังคมที่แข็งแกร่ง ดังนั้นบ่อยครั้งเมื่อวาฬตัวหนึ่งตกที่นั่งลำบาก วาฬที่เหลือจะตามมา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ก็ได้มีการวาฬนำร่อง เกือบ 1,000 เกยตื้นตายในนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย ระยะเวลาเพียง 1 เดือนโดย โปรเจ็กต์ โจนาห์ นิวซีแลนด์ (Project Jonah New Zealand) องค์กรอนุรักษ์และช่วยเหลือวาฬและโลมา เปิดเผยปรากฏการณ์ฝูงวาฬนำร่องเกยตื้นขนานใหญ่ 2 ครั้ง ว่านับเป็นเรื่องน่าเศร้า มีฝูงวาฬนำร่องเกยตื้นขนานใหญ่ ครั้งที่ 2 บริเวณหมู่เกาะชาแธม รอบนี้บนเกาะพิตต์ (Pitt Island) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากปรากฏการณ์วาฬเกยตื้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปทางใต้ราว 40 กิโลเมตร โดยหมู่เกาะชาแธม ที่เพิ่งพบกับเหตุการณ์วาฬเกยตื้นตายครั้งนี้ มีชื่อเสียงจากฉลามขาว ชายหาด และประชากรไม่ถึง 800 คน ถือเป็นพื้นที่ท้าทายในการรับมือวาฬเกยตื้น โดยโปรเจ็กต์ โจนาห์ นิวซีแลนด์ เผยว่า ปัจจัยเหล่านี้ทำให้หน่วยงานอนุรักษ์ต้องทำการุณยฆาตวาฬเกยตื้นที่ยังมีชีวิตอย่างน่าสลดใจเวลานี้ ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญฟันธงว่า เหตุการณ์วาฬเกยตื้นตาย 2 ครั้งติดๆกันในรอบหนึ่งเดือน เกิดจากอะไร อย่างไรก็ตาม เคยมีข้อสันนิษฐานสาเหตุฝูงวาฬเกยตื้น สาเหตุหลักๆ มาจากตัววาฬเอง อาจเป็นเพราะวาฬนำร่องเป็นสัตว์สังคม มีความสัมพันธ์ในฝูงที่เหนียวแน่นมาก แปลว่า หากมีวาฬตัวหนึ่งบาดเจ็บหรือไม่สบาย จนว่ายน้ำผิดทิศผิดทางและไปเกยตื้น สมาชิกของฝูงที่เหลือก็จะว่ายตามกันมาและถูกคลื่นซัดจนเกยตื้นในที่สุด ในขณะที่ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของบริเวณที่เป็นแหลม คาบสมุทร หรือหาดที่ค่อยๆ ลาดชันลงไปในทะเล ก็อาจจะเป็นสาเหตุของวาฬาเกยตื้น เพราะจะทำให้ระบบการใช้เสียงนำทาง หรือโซนาร์ ของวาฬทำงานได้ไม่ดีนัก เสมือนกับคนหลงทาง จนทำให้พวกมันว่ายมาเกยตื้นพร้อมกันทั้งฝูง ส่วนอีกสาเหตุที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ที่กิจกรรมของมนุษย์บางอย่างอาจจะไปปล่อยคลื่นไปรบกวนพวกมัน ขณะที่มลพิษในน้ำที่อาจเกิดจากสาหร่ายสีแดงขนาดเล็กที่เพิ่มจำนวนขึ้นตามธรรมชาติ หรือเหตุน้ำมันรั่ว ที่ส่งผลกระทบต่อวาฬ ซึ่งทั้งหมดนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดถึงสาเหตุที่ทำให้วาฬเกยตื้นเป็นฝูง ทั้ง 2 ครั้งใหญ่ๆ ในรอบเดือนที่ผ่านมา https://www.nationtv.tv/gogreen/378924070
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|