#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศแห้งและลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากโดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย และประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 18 ? 20 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนอุณหภูมิจะลดลง โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลงอีก 2 - 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกอุณหภูมิจะลดลงอีก 1 ? 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ส่วนช่วงวันที่ 21 ? 23 พ.ย. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงขึ้น 2 - 4 องศาเซลเซียส แต่ยังคงทำให้มีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลม บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 18 ? 19 พ.ย. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และลมแรง ส่วนประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง ส่วนเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง ในช่วงวันที่ 18 - 19 พ.ย. 66 นี้ไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
สุดอึ้ง! ภาพดาวเทียมใหม่พบ ?ฐานทัพเรือเรียม? ฐานลับทหารจีนในกัมพูชาใกล้ตราด "ผุดท่าจอดเรือบรรทุกเครื่องบิน" ผู้เชี่ยวชาญเตือน "ไทย" ระวังให้ดีพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดแสดงให้เห็นการเติบโตของฐานทัพเรือเรียมที่ได้ทุนจีนทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชาว่ามีความก้าวหน้าและดูมีราคาแพงและมีความสามารถกว่าตามแผนเดิม ท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างปักกิ่ง-วอชิงตัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนไทยให้จับตาความเคลื่อนไหวฐานทัพทุนจีนใกล้จังหวัดตราดไว้ให้ดี หลังกัมพูชาได้จีนเพิ่มสมรรถนะทางทะเล ห่วงพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เรดิโอฟรีเอเชียรายงานวันพุธ (15 พ.ย.) ว่า ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถูกถ่ายไว้ในวันจันทร์ (13) พบความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่เห็นสะพานยาวที่สามารถให้เรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาจอดทอดสมอได้เกิดขึ้นภายในฐานทัพเรือเรียม (Ream Base) ตั้งอยู่ในจังหวัดพระสีหนุ (Preah Sihanouk) ห่างจากจังหวัดตราดออกไปทางทะเลแค่ 200 กม. และห่างออกไปไม่ถึง 30 กม.จากเกาะฟู้ก๊วก (Phu Quoc island) ของเวียดนาม ฐานทัพเรือเรียมแห่งนี้ได้รับเงินทุนจีนเข้ามาพัฒนา และสหรัฐฯ วิตกว่าปักกิ่งจะเข้ามาใช้ทางการทหาร แต่ทว่าทั้งปักกิ่งและพนมเปญต่างออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง เรดิโอฟรีเอเชียรายงานว่า มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการพัฒนาฐานทัพเรือแห่งนี้ใน 1 ปีที่ผ่านมา อ้างอิงจากภาพถ่ายดาวเทียม นับตั้งแต่กรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อสหรัฐฯ ได้รายงานถึงการผุดของสะพานยาวตรงกลางฐานทางตะวันตกที่สามารถให้เรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาจอดได้ มีการถมทะเลออกไปเพิ่มขึ้น และมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้น "พวกเขาเคลียร์พื้นที่เพิ่มมากขึ้นทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของฐานทัพ" ทอม ชูการ์ต (Tom Shugart) นักวิเคราะห์ทางการเมืองประจำโครงการการป้องกันที่สถาบันธิงแทงก์ศูนย์เพื่อความมั่นคงใหม่ของอเมริกา (Center for a New American Security) ชูการ์ตเป็นผู้ติดตามการก่อสร้างฐานทัพเรือเรียมจากเงินทุนของปักกิ่งมาตั้งแต่ต้น เปิดเผยว่าพื้นที่ใหม่ที่มีการขยายออกไปอยู่ราว 75 เอเคอร์ ซึ่งสะพานยาวสำหรับเรือบรรทุกเครื่องบินที่กองทัพกัมพูชายังไม่มีประจำกองทัพปรากฏในภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดของบริษัท Planet Labs ชูการ์ตกล่าวต่อว่า "ด้านยาวของสะพานคือ 330 เมตร (มากพอที่จะให้เรือบรรทุกเครื่องบินจีนเข้ามาจอดได้) และด้านยาวน้อยกว่าคือ 250 เมตรนั้นเพียงพอสำหรับเรือรบประเภทอื่นๆ ของกองทัพจีน PLA เข้ามาเทียบท่า ตามภาพถ่ายดาวเทียมผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า "แท็งก์เก็บเชื้อเพลิง 4 แท็งก์กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างทางตะวันออกของฐานทัพ ซึ่งแต่ละอันมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 20 เมตร และมีอาคารสำนักงานจำนวนหนึ่งรวมไปถึง ที่พักทหาร อาคารสำนักงานฐานทัพ และห้องเชิงปฏิบัติการ ปรากฏกลางฐานทัพและทิศตะวันตกเฉียงเหนือของฐานทัพ เรดิโอฟรีเอเชียรายงานว่า ถือเป็นการก่อสร้างพัฒนาอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายนปี 2022 ที่มีการทำพิธีเปิดฐานทัพเรือเรียมแห่งนี้ โดยมีรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาและเอกอัครราชทูตจีนอยู่ในพิธี มีความเป็นไปได้ว่าฐานทัพเรียมจะถูกใช้เป็นฐานทัพเรือเชิงยุทธศาสตร์ของปักกิ่งแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลายเป็นฐานทัพนอกประเทศแห่งที่ 2 ของจีน เอช.ไอ.ซัตตัน (H.I. Sutton) บล็อกเกอร์ทางการทหารชื่อดังกล่าวแสดงความเห็นในเว็บไซต์ Naval News ว่า ฐานทัพเรียมนั้นดูมีราคาแพงมากกว่าเดิมและมีความสามารถมากกว่าตามรายงานก่อนหน้าที่เคยชี้ เขากล่าวในบทความว่า ฐานทัพเรียมดูมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งตามความเห็นเขามองว่าเป็น 1 ในไม่กี่แห่งตลอดทั้งมหาสมุทรอินเดีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา "สงครามในยูเครนเตือนให้เรารู้ว่าความสามารถในการซ่อมบำรุงและการซ่อมแซมเรือรบนั้นมีความสำคัญต่อการสู้รบระยะยาว" และกล่าวต่อว่า "จีนไม่ต้องการเผชิญหน้าต่อความท้าทายที่รัสเซียกำลังประสบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน" ซึ่งขนาดของฐานและการก่อสร้างชี้ให้เห็นว่าไม่ได้ถูกออกแบบสำหรับกองทัพเรือกัมพูชาที่ใช้เรือรบขนาดเล็ก และแทบจะไม่มีเรือรบที่มีความยาวเกินกว่า 50 เมตร ส่งผลทำให้ซัตตันสรุปว่า อย่างแทบไม่ต้องสงสัยว่าฐานทัพเรือเรียมนี้เป็นฐานทัพเรือจีนนอกประเทศ รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช (Assoc.Prof. Dr. Dulyapak Preecharush) ประจำสถาบันอาเซียนศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องนี้ว่า "ไทยสมควรที่ต้องวิตกต่อสิ่งนี้" ในการให้สัมภาษณ์ ดร.ดุลยภาค เปิดเผยว่า "ฐานทัพอาจเพิ่มความสามารถทางนาวีของกัมพูชาต่อพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทย" พร้อมกันนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่านี่ถือเป็นพื้นที่สำคัญที่มีทรัพยากรธรรมชาติและน้ำมันอยู่ เรดิโอฟรีเอเชียรายงานว่า ไทยและกัมพูชามีพื้นที่พิพาททับซ้อนทางทะเลระหว่างกันราว 26,000 ตารางกิโลเมตรในอ่าวไทย และที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศอยู่ในระหว่างการหารือถึงพัฒนาพื้นที่ทับซ้อนร่วมกัน ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เตือนต่อว่า "ในอนาคตฐานทัพแห่งนี้อาจเป็นภัยคุกคามทางความมั่นคงทางทะเลต่อไทย" พร้อมเสริมว่าทั้งฐานทัพเรียมและเขตเศรษฐกิจพิเศษดาราสาคร (Dara Sakor) นั้นไม่ห่างจากสนามบินอู่ตะเภาของไทยที่สร้างโดยกองทัพสหรัฐฯ ในยุคสงครามเย็น ดร.ดุลยภาค กล่าวต่อว่า "การเข้ามามีอิทธิพลเชิงยุทธศาสตร์ในกัมพูชาและที่อ่าวไทยสามารถยั่วยุให้สหรัฐฯ เพิ่มความเกี่ยวพันเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้นกับไทยในการถ่วงดุลกับจีนที่เป็นผลมาจากการปรับความสมดุลทางยุทธศาสตร์ของไทยที่มีต่อชาติมหาอำนาจทั้งสอง" สื่อดิพโพลแมตรายงานวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลไทยมีเหตุผลทางด้านความมั่นคงที่ต้องวิตกถึงความก้าวหน้าทางนาวีของกัมพูชาจากปัญหาพื้นที่ทับซ้อนที่มีร่วมกัน ซึ่งอย่างไรก็ตาม สื่อเชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศชี้ว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยมองการปรับปรุงฐานทัพเรียมของกัมพูชาให้มีความทันสมัยมากขึ้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกจากการลงทุนสนับสนุนโปรเจกต์จากจีนที่เกิดขึ้นไปตามแนวชายฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษดาราสาคร ซึ่งบนเว็บไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยได้กล่าวถึงโครงการโครงการดาราสาคร (Dara Sakor) ว่า เป็นโครงการตามยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีนอยู่บนจังหวัดเกาะกงใกล้กับจังหวัดตราด โดยรัฐบาลกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงการพัฒนากับ Union Development Group (UDG) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท Tianjin Wanlong Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน เมื่อปี 2551 เพื่อสร้างโครงการเขตทดลองการพัฒนาแบบบูรณาการระหว่างจีนกับกัมพูชา (Cambodia - China Comprehensive Investment and Development Pilot Zone) ขึ้น ซึ่งตามการมองของรัฐบาลไทยมองว่าเป็นการลงทุนทางเศรษฐกิจตามปกติ แต่ทว่าภายในโครงการนี้มีการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติดาราสาคร (Dara Sakor International Airport) อยู่ด้านใน ซึ่งสื่อดิพโพลแมตมองว่า โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้สามารถถูกนำมาใช้ในทางการทหารได้ สื่อผู้เชี่ยวชาญนโยบายต่างประเทศมองว่า ในเชิงการแข่งขันโครงการเศรษฐกิจพิเศษดาราสาครจะเป็นคู่แข่งโครงการอีสทิร์น อีโคโนมิก คอร์ริดอร์ หรือ EEC ของไทย ที่นั้นเสียเปรียบในแง่ไทยมีค่าแรงแพงกว่าและจะเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้นหลังการปรับค่าแรงครั้งใหญ่ปีนี้ https://mgronline.com/around/detail/9660000103406 ****************************************************************************************************** ครั้งแรกในภูเก็ต ปลาแป้นกว่า 7 ตัน ติดอวนชาวประมงป่าตอง ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ครั้งแรกในภูเก็ต! ชาวประมงพื้นบ้านหาดป่าตอง ลงอวนครั้งเดียว จับปลาแป้นได้กว่า 7 ตัน หลังลงอวนจับปลามงหน้าอ่าวป่าตอง ครั้งแรกในภูเก็ต ชาวประมงพื้นบ้านหาดป่าตอง รวมตัวกันวางอวนจับปลามง แต่ได้ปลาแป้นกว่า 7 ตันมาแทน โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (16 พ.ย.) ที่ชายหาดป่าตอง (ใกล้กับสะพานคอรัลบีช) อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นายจรวน อยู่เย็น เจ้าของเรือปากบาง 1 ซึ่งเป็นเรือประมงพื้นบ้านของหาดป่าตอง ร่วมกับทีมงานช่วยกันนำปลาแป้นออกจากอวน หลังจากการลงอวนชายหาดเพื่อจับปลามง แต่ปรากฏว่า นอกจากปลามงที่ติดอวนมาแล้ว ยังมีติดปลาแป้นติดมาด้วยเป็นจำนวนมาก สร้างความแปลกใจให้ชาวประมงเป็นอย่างมาก เนื่องจากครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านวางอวนจับปลามง แต่กลับได้ปลาแป้นกลับมาในจำนวนมาก คาดว่าไม่น่าจะต่ำกว่า 7 ตัน นอกจากนั้น ในบริเวณชายหาดยังพบว่ามีปลาแป้นจำนวนมากลอยขึ้นมาบริเวณชายหาดป่าตอง ทำให้กลุ่มชาวประมงดังกล่าวต้องช่วยกันเก็บกวาดเพื่อไม่ให้ตกค้างอยู่บริเวณชายหาด เพราะจะดูไม่สวยงามและส่งกลิ่นเหม็นด้วย นายจรวน กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำประมงพื้นบ้านต่อจากรุ่นพ่อ โดยใช้เรือมาด และระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู หรือปลายฝนต้นหนาว เริ่มพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม จะมีปลาใหญ่ เช่น ปลามง ว่ายน้ำตามลูกปลาเล็กๆ ที่ว่ายน้ำเข้าฝั่งเพื่อจับกินเป็นอาหาร ทางกลุ่มเรือประมงจึงพร้อมใจกันนำเรืออออกมาวางอวนบริเวณหน้าชายหาดป่าตอง ซึ่งทุกวันจะจับปลามงได้พอสมควร และอาจจะมีปลาขนาดเล็กติดมาบ้าง แต่ครั้งนี้นอกจากจะได้ปลามง แล้ว ยังมีผลพลอยได้เป็นปลาแป้นที่ติดอวนเป็นจำนวนมากด้วย คาดว่าไม่ต่ำกว่า 7 ตัน นับว่าเป็นครั้งแรกที่จับปลาแป้นได้มากขนาดนี้ นายจรวน กล่าวว่า ช่วงนี้บริเวณชายหาดจะมีปลาขนาดเล็กถูกคลื่นซัดเข้ามาติดบริเวณชายหาดจำนวนมาก ชาวประมงต้องคอยเก็บกวาดเพื่อไม่ให้ปลาเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนนักท่องเที่ยว https://mgronline.com/south/detail/9660000103318
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|