#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 3 มกราคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยของภาคเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-14 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ยังคงหนาวเย็นในตอนเช้า รวมทั้งเพิ่มระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามัน มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันปานกลางถึงค่อนข้างมาก เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง และมีการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-15 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 2 ? 3 ม.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทนตอนบน ในขณะที่ลมฝ่ายตะวันตกในระดับบนพัดปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวและมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 6 ม.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย ส่วนในช่วงวันที่ 7 ? 8 ม.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน จะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า ในช่วงวันที่ 2 ? 3 ม.ค. 67 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 8 ม.ค. 67 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพที่ยังคงหนาวเย็นในตอนเช้าตลอดช่วง และในวันที่ 3 ? 4 ม.ค. 67 เพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 4 ? 8 ม.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เปิดสถิติอุทยานฯ ยอดฮิต คนแห่เที่ยวปีใหม่ 2024 "เขาใหญ่" ครองแชมป์อันดับ เผยยอดเที่ยวอุทยานฯ ทั่วประเทศช่วงเทศกาลปีใหม่ 2024 "อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่" จ.นครราชสีมา ครองแชมป์จำนวนนักท่องเที่ยวมากสุด 101,998 คน วันที่ 2 มกราคม 2567 มีรายงานว่า นายอานนท์ แทนศิริ ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามพื้นที่อุทยานแห่งชาติ รายงานผลจากศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามพื้นที่อุทยานแห่งชาติ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งเป็นรายงานข้อมูลนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.66 - 1 ม.ค.67 จากระบบฐานข้อมูล อุทยานแห่งชาติ จำนวน 156 แห่ง จากส่วนแผนงานอุทยานแห่งชาติ และจากส่วนกู้ภัยอุทยานแห่งชาติ ดังนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติ จำนวน 156 แห่ง ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.66 - วันที่ 1 ม.ค.67 จำนวน 800,867 คน ขณะที่จำนวนเงินอุทยานแห่งชาติ มีอุทยานแห่งชาติที่จัดเก็บฯ รายงาน ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 66 - วันที่ 1 ม.ค. 67 (ยกเว้นค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ สำหรับชาวไทย วันที่ 31 ธ.ค.66 - 1 ม.ค.67) รวมทั้งสิ้น 41,612,940 บาท ด้านรายงานอุบัติเหตุที่สำคัญ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.66 - วันที่ 1 ม.ค.67 มีจำนวน 77 ครั้ง ส่วนอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวสะสมสูงที่สุด ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.66 - วันที่ 1 ม.ค.67 จำนวน 5 อันดับแรก ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จำนวน 101,998 คน อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จำนวน 49,572 คน อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา - หมู่เกาะพีพี จำนวน 32,585 คน อุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า (เตรียมการ) จำนวน 27,536 คน อุทยานแห่งชาติคลองลาน จำนวน 27,174 คน https://www.thairath.co.th/news/society/2752209
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
'วาฬโอมูระ' ว่ายน้ำโชว์ตัวที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ผู้สื้อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ พบเจอวาฬโอมูระ บริเวณเเหลมช่องขาดเเละอ่าวเเม่ยายใกล้กับจุดดำน้ำตื้น ซึ่งการพบเจอวาฬโอมูระเเสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติของหมู่เกาะสุรินทร์ สำหรับ "วาฬโอมูระ" มีสถานภาพเป็นสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2562 https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_4357852
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
เต่ามะเฟือง "แม่ลำปี" วางไข่เป็นของขวัญปีใหม่ พังงา 2 ม.ค.- กรมอุทยานแห่งชาติฯ เผย "แม่ลำปี" เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ที่หาดท้ายเหมืองกลางดึกวันที่ 1 มกราคม เป็นเหมือนของขวัญปีใหม่ โดยเต่าชนิดนี้เป็นเต่าทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโลก เป็นสัตว์ป่าสงวน และอยู่ในสถานะวิกฤตใกล้สูญพันธุ์ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) รายงานว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมืองร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ตสำรวจการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเล โดยใช้อากาศยานไร้คนขับ พบแม่เต่ามะเฟืองกำลังวางไข่บริเวณชายหาดท้ายเหมืองในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกลางดึกของคืนวันที่ 1 มกราคม ย่างเข้าสู่วันที่ 2 มกราคม 2567 เวลา 01.29 น. โดยเป็นการขึ้นวางไข่เป็นรังที่ 5 ของอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง (รังที่ 6 ของฤดูกาล) ถือได้ว่า เป็นของขวัญปีใหม่ จากการวัดพบความกว้างกระดอง 105 เซนติดมเตร ความยาวกระดอง 180 เซนติเมตร พบตำหนิบริเวณปลายพายด้านซ้ายแหว่งเล็กน้อย โดยถ่ายภาพเพื่อใช้ยืนยันอัตลักษณ์พบว่า เป็น "แม่ลำปี" หลังจากแม่เต่าเดินกลับลงทะเล เจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดย้ายไข่เต่า เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการสูญหายและน้ำทะเลจะท่วมถึง ความลึกก้นหลุมไข่ 80 เซนติเมตร ความกว้างหลุมไข่ 27 เซนติเมตร พบไข่ทั้งหมด 120 ฟอง เป็นไข่สมบูณ์ 78 ฟอง ไข่ลม 42 ฟอง ไข่เต่ามีขนาด 5.42 เซนติเมตร ต่อมาเจ้าหน้าที่ร่วมกันย้ายไข่เต่ามะเฟืองไปเพาะฟักในจุดที่สะดวกต่อการดูแลบริเวณหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่อยู่พ้นแนวน้ำขึ้นสูงสุดเพื่อให้ไข่เต่าได้มีโอกาสฟักตัวตามธรรมชาติ คาดว่า จะอยู่ในช่วงระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2567 สำหรับ "เต่ามะเฟือง" ซึ่งเป็นเต่าทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโลกและเป็นสัตว์ป่าสงวน ลำดับที่ 18แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ทั้งยังมีสถานะค่อนข้างวิกฤตใกล้สูญพันธุ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้สำรวจและติดตามการขึ้นวางไข่ของเต่ามะเฟืองอุทยานแห่งชาติ 2 แห่งที่มีประชากรเต่ามะเฟืองมากที่สุดคือ อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงากับ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต ก่อนหน้านี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากการพัฒนาฟื้นที่ชายฝั่งและชายหาด ซึ่งเป็นการรบกวนแหล่งวางไข่ แหล่งหากิน และแหล่งอาศัยของเต่าทะเล นอกจากนี้ยังมีการลักลอบเก็บไข่เต่าทะเลในฤดูวางไข่ทั้งเพื่อการบริโภคและการค้าขาย ตลอดจนมีอุปสรรคจากการทำประมงชายฝั่งที่ใช้เครื่องมือประมงหลายชนิด เช่น อวนรุน อวนลาก อวนลอย อวนติด เบ็ดราว ที่เต่ามะเฟืองมักจะถูกจับและติดเครื่องมือประมงตาย ต่อมากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีนโยบายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชและกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกำหนดมาตรการในการดูแลพื้นที่วางไข่เต่ามะเฟืองไว้อย่างเคร่งครัด จนทำให้แม่เต่ากลับมาวางไข่อีกครั้ง หลังจากไม่ขึ้นมาวางไข่หลายปี จนปัจจุบันแม่เต่ามาวางไข่บ่อยครั้งขึ้น เป็นสิ่งยืนยันว่า หาดท้ายเหมืองมีความเงียบสงบสวยงามมีสภาพตามธรรมชาติสูง ควรอนุรักษ์ไว้ตามที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลก. https://tna.mcot.net/environment-1296829 ****************************************************************************************************** แผ่นดินไหวญี่ปุ่นอาจทำแผ่นดินเคลื่อนตัวมากถึง 1.3 เมตร เครดิตภาพ : NHK News โตเกียว 2 ม.ค.- แผ่นดินไหวขนาด 7.6 ที่จังหวัดอิชิกาวะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น อาจทำให้แผ่นดินของภูมิภาคโนโตะในจังหวัดนี้เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกมากถึง 1.3 เมตร เว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงแห่งญี่ปุ่น หรือเอ็นเอชเค (NHK) รายงานว่า การสารสนเทศภูมิศาสตร์ของญี่ปุ่น หรือจีเอสไอ (GSI) ได้วิเคราะห์ข้อมูลระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก หรือจีพีเอส (GPS) หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 เมื่อวันจันทร์ ตัวเลขเบื้องต้นชี้ว่า แผ่นดินบริเวณจุดสังเกตการณ์ในเมืองวาจิมะมีการเคลื่อนตัวมากที่สุด โดยเคลื่อนตัวในแนวนอนไปทางตะวันตกประมาณ 1.3 เมตร นอกจากนี้ยังพบแผ่นดินเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก 1 เมตรในเมืองอะนะมิซุ และ 80 เซนติเมตรในเมืองซูซุ ขณะที่แผ่นดินบริเวณจุดสังเกตการณ์บนเกาะโนโตะจิมะเคลื่อนตัว 60 เซนติเมตรไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ มุ่งสู่ชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นหรือทะเลตะวันออก https://tna.mcot.net/world-1297220
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|