สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 6 มีนาคม 2567

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อนถึงร้อนจัดที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันตก และภาคกลางตอนบน มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และมีการระบายอากาศที่ไม่ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6 - 7 มี.ค. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังอ่อน แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน

ส่วนในช่วงวันที่ 8 - 11 มี.ค. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดหลายพื้นที่ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้กำลังอ่อนที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากอากาศร้อนถึงร้อนจัด ในช่วงวันที่ 6 ? 8 มี.ค.67

โดยในช่วงวันที่ 8 - 11 มี.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ศิลปิน 22 ประเทศสร้างสรรค์ศิลปะจากขยะทะเล ปลุกจิตสำนึกรักสิ่งแวดล้อม



ตรัง - ศิลปินระดับแนวหน้าจาก 22 ประเทศ ร่วมกับสมาคมศิลปินนานาชาติภาคใต้ และผู้ประกอบการโรงแรมทะเลใน จ.ตรัง ร่วมกันสร้างสรรค์ศิลปะจากขยะทะเล เพื่อปลุกจิตสำนึกรักทะเล รักสิ่งแวดล้อม

ผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดตรัง ร่วมกับศิลปินระดับแนวหน้าจาก 22 ประเทศ ศิลปินชาวจังหวัดตรัง และสมาคมศิลปินนานาชาติภาคใต้ ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากขยะ และขยะทะเล Art trash international เพื่อรณรงค์เรื่องการทิ้งขยะในแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งรีไซเคิล หรือนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์และมีคุณค่า ซึ่งเหล่าศิลปินได้นำขยะจากทะเล เช่น เศษอวน เศษพลาสติก ซากไม้ ขวดแก้ว เศษโลหะ มาประดิษฐ์เป็นชิ้นงานศิลปะที่สื่อถึงทะเลตรัง เช่น เต่าทะเล พะยูน ปะการัง

นอกจากนี้ กลุ่มศิลปินดังกล่าวยังได้ทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มอาชีพต่างๆ ในพื้นที่ ด้วยการเก็บขยะบริเวณชายหาดปากเมง ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พร้อมทั้งช่วยออกแบบลายผ้าบาติกให้กลุ่มอาชีพของบ้านในตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง และตำบลไม้ฝาด ตำบลบ่อหิน อำเภอสิเกา โดยผลงานของศิลปินทั้งหมดจะจัดแสดงที่ภายในโรงแรมดูก็องวิลเลจ ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ตลอด

นายจักษณ์ญพงศ์ อ๋องเจริญกฤษ ผู้ประกอบการโรงแรมดูก็องวิลเลจ มองว่า เนื่องจากงานศิลปะกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมสามารถทำไปควบคู่กันได้ จึงเกิดเป็นแนวคิดที่จะจัดงาน Art trash international ขึ้นในครั้งนี้ เพราะขยะสามารถนำมาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะที่สวยงามได้ และจริงๆ แล้วขยะทะเลไม่ได้หมายถึงขยะที่อยู่บนชายหาด หรือเกาะในบ้านเราอย่างเดียว แต่หมายถึงขยะในมหาสมุทรที่กระแสน้ำพัดเข้ามาจากทั่วโลก ซึ่งมีผลกระทบต่อสัตว์ทะเล เช่น สัตว์ทะเลกินขยะ หรือได้รับไมโครพลาสติกเข้าไปในร่างกาย

ส่วน Miss Cristina Gonzalez Martin ศิลปินชาวสเปน บอกว่า โปรเจกต์นี้เป็นเรื่องที่ดีและมีคุณค่า ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมได้ อีกทั้งจังหวัดตรังมีความสวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะทะเลตรังที่รู้สึกประทับใจอย่างมาก จึงอยากให้ทุกคนรักและเคารพในธรรมชาติ

ขณะที่ Mr.Tuan Nguyen ศิลปินชาวเวียดนาม บอกว่า ตนต้องการสร้างผลงานที่สื่อให้เห็นความสวยงามของโลกใต้ และอยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ดูในอนาคต เนื่องจากทะเลตรังที่ตนไปเที่ยวมานั้นมีความสวยงามมาก

ด้าน น.ส.บัวทิพย์ จันทรมณี ศิลปินนวัตกรรมทางทะเล บอกว่า ผลงานศิลปะที่ตนทำในครั้งนี้ใช้สีที่สกัดจากธรรมชาติ เช่น ใบไม้ เปลือกไม้ นำมาผสมกับน้ำ น้ำมะนาว และสารส้ม เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ลดใช้สารเคมี สีที่ได้จะให้ความรู้สึกเย็นตาสบายตา ไม่มีพิษต่อร่างกาย ส่วน ผศ.พรสวรรค์ จันทร์สุข และกลุ่มอาจารย์หลักสูตรทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มทร.ศรีวิชัย บอกว่า ตนได้นำเสนอผลงานเกี่ยวกับฤดูร้อนที่มีสีสัน มีอากาศสดใส เหมาะแก่การออกไปเที่ยว ตามแนวคิดใช้ชีวิต มีความรัก สร้างมิตรภาพใหม่ๆ


https://mgronline.com/south/detail/9670000019925

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ชาวบ้าน "ชุมชนเกาะแตน" ค้านกรมอุทยาน ยึดพื้นที่ ประกาศเป็นเขตอุทยาน

สุราษฎร์ธานี ? ชาวบ้านชุมชนเกาะแตน และ เกาะบริวารรอบ ๆ เกาะสมุย แสดงเชิงสัญลักษณ์ คัดค้านประท้วงกรมอุทยานแห่งชาติยึดคืนพื้นที่ ประกาศเป็นอุทยานหาดขอนมหมู่เกาะทะเลใต้



วันนี้ (5 มี.ค.) หน้าที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย หมู่ 3 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีชาวบ้านที่ทำกินบนเกาะแตน และ เกาะบริวารรอบ ๆ เกาะสมุย โดยมี ดร.ธนาคม รื่นพานิช ประธานชมรมรักษ์เกาะแตน พร้อมประชาชนที่อาศัยทำกินบนเกาะเเตน ที่เป็นเกาะบริวารของเกาะสมุย ประมาณ 80 คน ได้เดินทางมา พร้อมนำป้ายข้อความเชิงคัดค้านและประท้วง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำการไฮปารค์ ที่หน้าบริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยมี กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย และ เจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเกาะสมุย รักษาความสงบ

โดยมีนายกัปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอเกาะสมุย ได้ออกมา รับหนังสือจาก ประชาชนชนและแกนนำ โดยใจความในหนังสือ มีใจความว่า ? หนังสือคัดค้าน ขอให้ยกเลิกชมรมรักษ์เกาะแตน หมู่ที่ 2 ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2567 เรื่อง คัดค้านการประกาศ พื้นที่ ทางบกและทางทะเล เกาะแตน และเกาะบริวาร เป็นพื้นที่ อุทยานแห่งชาติหาดขนอม หมู่เกาะทะเลใต้ เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ผ่าน นายอำเภอเกาะสมุย ผู้ว่าราชการ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วยปรากฏเป็นที่ชัดเจนว่าขณะนี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ได้มีการเตรียมการที่จะประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติหาด ขนอมหมู่เกาะทะเลใต้

ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่บริเวณบางส่วนของ อำเภอสิชล อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช และ พื้นที่บางส่วนของอำเภอดอนสัก อำเภอเกาะสมุย จังหวัด สุราษฎร์ธานี เกาะแตน และ เกาะบริวารอันได้แก่ เกาะมัดสุม เกาะราบ เกาะมดแดง เกาะมัดโกง เกาะ ฉลามราย เกาะหวังนอก เกาะหวังใน เกาะหินราใหญ่ เกาะหินราเล็ก เป็นเกาะที่อยู่ในพื้นที่ การปกครอง หมู่ที่2 ตำบลตลิ่งงาม อำเภเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเป็นพื้นที่ในเขต เทศบาลนครเกาะสมุย มีประชากร เข้าไปอยู่อาศัย พร้อมกับเกาะสมุย ประกอบอาชีพปลูกสวน มะพร้าว ยางพารา ปลูกข้าวไร่ และทำ สวนผลไม้เช่นมะม่วง ขนุน มะม่วงหิมพาน สะตอ ลูก เนื่อง มาเป็นเวลา นับ 200 ปี โดยเฉพาะ เกาะแตน เป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีประชากร ประมาณ 300 คน ประกอบอาชีพหลักคือทำสวนมะพร้าว และประมงพื้นบ้าน มีโรงเรียน สถานีอนามัย และสำนักสงฆ์ แต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

โดย พื้นที่บนเกาะแตน เป็น เกาะขนาดเล็ก ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะสมุยในเขต ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะแตนมีรูปร่างเป็นสามเหลี่ยมยอดแหลมที่มีคอคอดตรงกลาง ระหว่างด้านตะวันออกกับด้านตะวันตก มีความกว้างประมาณ 3 กิโลเมตร และยาว 4.5 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 7.58 ตารางกิโลเมตร

นายกัปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ นายอำเภอเกาะสมุย ได้รับหนังสือ พร้อมปิดเผยว่า จะเร่งนำหนังสือส่งต่อไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรี โดยเร็ว ทำให้พี่น้องประชาชน ต่างปรบมือ ก่อนสลายตัวกลับ

ขณะที่ ดร.ธนาคม รื่นพานิช ประธานชมรมรักษ์เกาะแตน ให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อข่าวว่า ด้วยชุมชนเกาะแตนหมายถึงเกาะบริวาร รอบรอบเกาะสมุยมีแนวโน้มที่กรมอุทยานที่จะขยายเพื่อผนวกเคสออกมาประกาศเป็นในโครงการการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติหาดขนอม หมู่เกาะทะเลใต้ มีโครงการที่จะผนวกพื้นที่ออกมาถึงหมู่เกาะแตนทั้งหมดในเขตอำเภอ เกาะสมุย

ซึ่งรวม 4 อำเภอประกอบไปด้วย อำเภอสิชล อำเภอขนอม อำเภอดอนสัก และ อำเภอเกาะสมุยรวม เนื้อที่ประมาณ 125,800 กว่าไร่ เพื่อทำการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติหาดขนอม หมู่เกาะทะเลใต้ สิ่งที่ชาวบ้าน เห็นว่าเมื่อเป็นอุทยาน จะนำพื้นที่ เป็นพื้นที่เขตอุทยานไปแล้ว ก็จะมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตต่อวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งเหมือนกับที่ผ่านมาเห็นอุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะอ่างทองที่ผ่านมาเราก็ประสบเห็นกันมาแล้วก็มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนวิถีชีวิตของในการประกอบอาชีพ ของพี่น้อง จนเกิดการขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐและประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ในพื้นที่ เกาะแตน ทั้งหมด จะเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลที่เป็นอาหารหลักของพี่น้อง ใน 4 อำเภอ เช่น อำเภอสิชล อำเภอขนอมและอำเภอดอนสัก และ อำเภอเกาะสมุย ที่ได้ทำมาหากินในด้านการทำประมง มาอย่างยาวนาน มาวันหนึ่งโครงการอุทยานแห่งชาติหาดขนอม หมู่เกาะทะเลใต้ก็เตรียมการที่จะดำเนินการจัดตั้งเป็นเขตอุทยานหมู่เกาะทะเลใต้ ซึ่งหลังจากชาวบ้านรับทราบก็ได้เริ่มคัดค้านมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2545 และคัดค้านมาอย่างต่อเนื่องทุกครั้ง

เวลาชาวบ้านเงียบ เขตอุทยานก็จะยกโครงการนี้ขึ้นมาทบทวน เพื่อที่จะนำเสนอเข้า ครม. เพื่อเห็นชอบในการประกาศตั้งอุทยานฯ และ ก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางขึ้นไปพบกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ท่าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ท่านก็ได้พูดกับคณะรัฐมนตรีขอถอนมติเรื่องการประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติหาดขนอมหมู่เกาะทะเลใต้ ของ 4 อำเภอ นี้ออกไปและเรื่องก็ได้เงียบหายไป

และเมื่อใน เร็วๆ นี้ปีที่แล้ว และ ลามมาถึงปีนี้ทางเจ้าที่อุทยานแห่งชาติหาดขนอม เผยแพร่หนังสือ และลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชนบางคน เพื่อที่จะขอความเห็นชอบในการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติหาดขนอมหมู่เกาะทะเลใต้ แต่ไม่เคยได้เข้ามารับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ชาวแตนแต่อย่างใด ประชาชนไม่เคยรับรู้ว่าไปพูดกับใครก็ไม่รู้ ทำให้ประชาชนมองเห็นว่าความเดือดร้อนอาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ มีความรู้สึกว่าถูกลิสรอนสิทธิในฐานะที่ประชาชนมีเอกสารสิทธิ์ เป็นโฉนดที่ดิน สค 1 และ นส.3 ของที่ดินพร้อมกับเกาะสมุยทั้งหมด และพร้อมกับประเทศไทยทั้งหมดตั้งแต่ปี 2496 เราก็ทำมาหากินมาโดยตลอด

"ทางอุทยานบอกว่าจะไม่แตะต้องที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ แต่ที่ดินที่ไม่มีเอกสารไม่ว่าจะบนบกหรือในทะเลออกจากฝั่ง 3 ไมล์ทะเลหรือประมาณ 4.8 กิโลเมตร ซึ่งเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาล อุทยานฯ จะเอาทั้งหมด แล้วทีนี้ประชาชนจะมีพื้นที่ทำมาหากินได้แค่ไหน โดยเฉพาะหมู่เกาะแตน เกาะสมุยทุกวันนี้ นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยววันละกว่า 1000 คนถึง 2000 คน ไปท่องเที่ยวยังเกาะแตนและเกาะมัสสุม"

หากนำที่ดินดังกล่าวไปเป็นเขตอุทยานแห่งชาติแล้ว ทางอุทยานแห่งชาติจะมีรายได้เก็บค่าบริการเป็นชาวต่างชาติหัวละ 300 บาท เด็ก 150 บาท ถ้าเป็นคนไทยก็ 60 บาท เด็ก 30 บาท ลองคิดดู หาก 1,000 คน ถามว่ารายได้จะเข้าอุทยานฯ เท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่า ความเป็นอิสรภาพความเป็นตัวตนของเกาะแตน และ เกาะต่าง ๆ ที่เป็นกรอบบริวารรอบรอบเกาะสมุย ที่ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ดั้งเดิมมันหายไปหมดสิ้น กลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่เข้ามาครอบหมด เหมือนเอาไก่ไปใส่ในตะกร้า ขังไว้ในวงจำกัด โดยไม่สามารถออกไปไหนได้ทำประมงพื้นบ้านก็ไม่ได้ ทำการท่องเที่ยวก็ไม่ได้ นี่คือปัญหาที่จะทำให้ประชาชนมันกดดันเดือดร้อน หากประชาชนจะเข้าพื้นที่ต้องขออนุญาตต้องทำหนังสือต้องแจ้งเป็นทางผ่านและต้องเสียเงินสารพัดนี่คือสิ่งที่เราเดือดร้อน

ขอฝากไปถึงท่านรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และ ท่านนายกรัฐมนตรีฝ่านไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่าประชาชนบนเกาะแตนในอำเภอเกาะสมุย ในวันนี้ขอไม่เห็นด้วย และ ขอคัดค้านให้ยกเลิกโครงการ จัดตั้งอุทยานแห่งชาติหาดขนอมหมู่เกาะทะเลใต้ ออกไปในทุกพื้นที่ของอำเภอเกาะสมุย หรืออำเภอรอบนอก ที่กล่าวมาเพื่อให้ประชาชนได้มีที่ทำกินได้ดำรงชีวิตอย่างปกติสุขประชาชนสัญญา ว่า เราจะรักษาทรัพยากรธรรมชาติไว้เป็นทุนในการประกอบอาชีพของเราในด้านการทำประมงและท่องเที่ยวต่อไป


https://mgronline.com/south/detail/9670000019910

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


รู้หรือไม่! มีเพียง 2 ประเทศในโลกที่ให้สัตยาบัน "สนธิสัญญาทะเลหลวง"



วานนี้ (4 มีนาคม 2567) นับเป็นวันครบรอบหนึ่งปีการบรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาที่ว่าด้วยการจัดระเบียบการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมและความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลในพื้นที่ที่อยู่นอกเขตอำนาจรัฐ (BBNJ) หรือ เรียกสั้นๆว่า สนธิสัญญาทะเลหลวง

หลังบรรลุข้อตกลงดังกล่าวในเดือนมีนาคม 2566 เดือนกันยายนปีเดียวกัน ได้มีการลงชื่ออย่างเป็นทางการโดยตัวแทนรัฐบาล 87 ประเทศทั่วโลก ซึ่งกระบวนการต่อจากนี้ คือรัฐบาลประเทศต่างๆ ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว* โดยสนธิสัญญาฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่ออย่างน้อยประเทศ 60 ประเทศให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญา

แม้การได้มาซึ่งสนธิสัญญาฉบับนี้จะถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะกว่าจะได้มาเรียกได้ว่าต้องฝ่าแดดลมฝน ผ่านการเรียกร้องกันยาวนานมากกว่ายี่สิบปี แต่กระบวนการต่อจากนี้ก็ยังเป็นเรื่องท้าทาย เพราะผ่านมาหนึ่งปีแล้ว กลับมีเพียงสองประเทศเท่านั้นที่ให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาทะเลหลวงแล้ว นั่นคือ ชิลีและปาเลา

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย นางสาวณิชนันท์ ตัญธนาวิทย์ หัวหน้าโครงการรณรงค์ด้านทะเลและมหาสมุทร กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นหนึ่งในผู้สังเกตการณ์การเจรจาสนธิสัญญาเมื่อปีที่แล้ว อธิบายว่า

"ปัจจุบันยังไม่ได้มีการลงนามเต็มหรือลงนามจริง ที่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความยินยอมเข้าผูกผันตามสนธิสัญญา ที่จะไปสู่การให้สัตยาบันในขั้นต่อไป"

"แต่ทั้งนี้ เราก็เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลไทยที่จะเร่งผลักดันกระบวนการดังกล่าว เราหวังว่าจะได้เห็นประเทศไทยเป็นชาติแรกๆ ในภูมิภาค ที่เป็นผู้นำในการปกป้องมหาสมุทรของโลก โดยขณะนี้ประเทศในอาเซียนที่ได้ลงนามแล้ว ประกอบด้วย อินโดนีเซีย ฟิลลิปปินส์ เวียดนาม ลาว"

สาเหตุที่เราต้องเร่งให้สนธิสัญญาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ เพราะเราต้องการที่จะสร้างพื้นที่คุ้มครองทางทะเลให้ได้ตามเป้าหมาย นั่นคือ 30% ของทะเลทั้งหมด ซึ่งมหาสมุทรโลกในปัจจุบันได้รับการปกป้องไม่ถึง 1% และยังเผชิญกับภัยคุกคาม ทั้งประมงทำลายล้าง มลพิษ อุตสาหกรรมเหมืองทะเลลึก

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature and led by Global Fishing Watch เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาระบุว่า ข้อมูลเรือประมงพาณิชย์ถึง 75% ได้รับการปกปิดจากสาธารณชน

ขณะที่รายงาน: 30?30 จากสนธิสัญญาทะเลหลวงสู่เขตคุ้มครองระบบนิเวศทางทะเล เผยว่าภัยคุกคามที่เกิดในทะเลหลวงกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2565 มีการทำประมงในทะเลหลวงเพิ่มขึ้นถึง 22.5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยระหว่างนี้เรือประมงพาณิชย์ในทะเลหลวงใช้เวลาจับปลารวมกันทั้งหมด 8,487,894 ชั่วโมง

"สนธิสัญญาทะเลหลวง" จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการปกป้องระบบนิเวศที่ใหญ่ที่สุดของโลก และประเทศต่างๆต้องเร่งให้สัตยาบัน เพื่อเริ่มกระบวนการปกป้องและฟื้นฟูมหาสมุทรทั่วโลก

ดิฉันขอเชิญชวนร่วมลงชื่อเป็นส่วนหนึ่งเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาและปกป้องมหาสมุทร

ในคลิป นางสาวณิชนันท์ ตัญธนาวิทย์ เธอคือหัวหน้าโครงการรณรงค์แคมเปญระหว่างประเทศของ Greenpeace Thailand ผู้กำลังผลักดันแคมเปญชื่อว่า 'Ocean Justice' รณรงค์เรื่องชุมชนชายฝั่งที่กำลังถูกคุกคามในรูปแบบต่างๆ ทั้งจากภัยพิบัติ และการเข้ามาพัฒนาโครงการที่ไม่เป็นธรรมของกลุ่มทุนหรือหน่วยงานภาครัฐฯ และขณะที่เรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก

เธอจึงอยากผลักดันเรื่อง 'สิทธิทางสิ่งแวดล้อม' เพราะเราทุกคนควรจะมีสิทธิดำรงชีวิตอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีน้ำที่สะอาด มีอากาศที่บริสุทธิ์ ชุมชนได้รับการปกป้อง เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องพื้นฐานที่ภาครัฐหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องการันตีสิ่งเหล่านี้ให้กับประชาชน


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9670000019777

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


ยูเอ็นเตือน อุณหภูมิโลก มี.ค. ? พ.ค. สูงกว่าปกติ เซ่นพิษเอลนีโญ



สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ระบุเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ว่าปรากฏการณ์เอลนีโญที่โลกกำลังเผชิญซึ่งพุ่งระดับความรุนแรงสูงสุดในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ถือเป็น 1 ใน 5 ปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกมา และคาดการณ์ว่าจะส่งผลทำให้อุณหภูมิระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมสูงกว่าปกติ

ปรากฏการณ์เอลนีโญครั้งล่าสุดได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 และยกระดับความรุนแรงมากสุดระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มกราคม โดยช่วงที่มีความรุนแรงสูงสุดส่งผลให้อุณหภูมิของพื้นผิวน้ำทะเลทางตะวันออกและกลางของมหาสมุทรแปซิฟิกแถบเขตร้อนโดยเฉลี่ยสูงกว่าช่วงระหว่างปี 1991-2020 ราว 2 องศาเซลเซียส

ถึงแม้ว่าขณะนี้ปรากฏการณ์เอลนีโญจะเริ่มค่อยๆ อ่อนกำลังลงแล้ว แต่ผลกระทบของเอลนีโญจะยังคงดำเนินต่อไปในอีกหลายเดือนข้างหน้า โดยจะเพิ่มความร้อนในชั้นบรรยากาศที่ถูกกักเก็บโดยก๊าซเรือนกระจก ด้วยเหตุนั้นจึงคาดการณ์ว่าอุณหภูมิของพื้นดินเกือบทั้งหมดของโลกจะมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม

ดับเบิลยูเอ็มโอกล่าวอีกว่า มีโอกาสราว 60% ที่เอลนีโญจะยังคงดำเนินต่อไประหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม และมีโอกาส 80% ที่จะเข้าสู่ภาวะปกติในเดือนเมษายน-มิถุนายน นอกจากนั้นแล้วยังมีโอกาสที่ปรากฏการณ์ลานีญาจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี แต่ยังไม่ทราบความเป็นไปได้อย่างแน่ชัด


https://www.matichon.co.th/foreign/news_4456277

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


วันที่ 13 ของการสำรวจเรือหลวงสุโขทัย ปลดเครื่องคุมยิงตอร์ปิโดได้แล้ว



ปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตราย เรือหลวงสุโขทัย วันที่ 13 สามารถปลดขีดความสามารถเครื่องควบคุมการยิงตอร์ปิโด MK309 และ แผงควบคุมการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน สำเร็จ

เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2567 ซึ่งเป็นการปฏิบัติการค้นหาและปลดวัตถุอันตรายเรือหลวงสุโขทัย เป็นวันที่ 13 โดยชุดปฏิบัติการร่วมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสหรัฐ ฯ บนเรือ Ocean Valor ที่จอดเรืออยู่บริเวณอ่าวไทยใกล้จุดที่เรือหลวงสุโขทัยอับปาง มีการดำน้ำ จำนวน 4 เที่ยว โดยมีภารกิจในการค้นหาผู้สูญหาย การสำรวจและถอดถอนยุทโธปกรณ์ในห้องศูนย์ยุทธการ

ผลการปฏิบัติ ไม่พบผู้สูญหาย พบเสื้อชูชีพ1 ตัว บริเวณทางเดินไปยังห้องศูนย์ยุทธการ โดยชุดปฏิบัติการร่วม สามารถปลดขีดความสามารถเครื่องควบคุมการยิงตอร์ปิโด MK309 และแผงควบคุมการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีฮาร์พูน(WCIP)ได้เรียบร้อย และดำเนินการนำขึ้นสู่เรือ Ocean Valor กำลังพลทุกนายปลอดภัยจากการปฏิบัติ

สำหรับการปฏิบัติการพรุ่งนี้ จะมีการปฏิบัติการดำน้ำร่วมกัน ในการค้นหาผู้สูญหายบริเวณช่องทางเดินและห้องวิทยุ การดำเนินการสำรวจและถอดถอนยุทโธปกรณ์ในห้องวิทยุ จำนวน 4 เที่ยว โดยรายละเอียดความคืบหน้าต่าง ๆ จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_8125368

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ทะเลอ่าวไทยอุ่นขึ้น 1 องศาฯ จับตา 3 เดือนเสี่ยงปะการังฟอกขาว



อาจารย์ธรณ์ เตือนน้ำทะเลอุ่นขึ้น 1 องศาเซลเซียส พบมีนัยสำคัญร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว จับตาอีก 3 เดือน ปะการังอ่าวไทย-อันดามันเสี่ยงฟอกขาว หลังพบที่ Great Barrier Reef ปะการังฟอกขาว 1,000 กม.

ไม่เพียงแต่อุณหภูมิความร้อนที่ผิวกายของคนสัมผัสได้ถึงความร้อน แต่ระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะปะการังถือว่ามีความอ่อนไหวมากที่สุดหากอุณหภูมิน้ำทะเลอุ่นขึ้นเพียงแค่ 1-2 องศาเซลเซียส


จับตาปะการังเริ่มฟอกขาว

เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ของผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์คณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ระบุว่า เตือนไว้ 4 ประเด็น คือ น้ำทะเลช่วงก.พ.ปีนี้ ร้อนกว่าปีที่แล้ว และยังร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้อาจเกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ทั้งอ่าวไทย และอันดามัน และ Great Barrier Reef ก็เกิดปะการังฟอกขาวแล้วกว่า 1,000 กิโลเมตร

การฟอกขาวของปะการัง จะส่งผลต่อระบบนิเวศอื่นๆ ทั้งหญ้าทะเล แพลงก์ตอนบลูม กระทบการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และยังรวมไปถึงเรื่องการทำมาหากิน จับสัตว์ทะเล หรือการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน


น้ำทะเลอุ่นขึ้น 1 องศาฯ แตะ 31 องศาฯ

ผศ.ธรณ์ กล่าวว่า คาดการณ์ว่าอุณหภูมิน้ำทะเลปีนี้หากเทียบกับปี 2566 ในช่วงเวลาเดียวกันสูงกว่า 1 องศาเซลเซียส และในเดือนมี.ค.ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่สถานีที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วัดอุณหภูมิน้ำทะเลแบบเรียลไทม์ พบว่าเกิน 31 องศาเซลเซียสไปแล้ว และอาจจะร้อนที่สุดตั้งแต่บันทึกมา

"หากเกิดปะการังฟอกขาว จะทำให้ปะการังตายและมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว อย่างแน่นอน เพราะบางแห่งเช่นหมู่เกาะสุรินทร์ 2 ปีปะการังยังฟื้นตัวยาก ตายแล้วตายเลยเพราะมีการฟแกขาวซ้ำซ้อน ถ้าเป็นปีเอลนีโญ่ด้วย"

นอกจากนี้อาจารย์ธรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบปรากฎการณ์แพลงตอนบูมหรือน้ำทะเลเขียว ซึ่งในอดีตเกิดน้ำทะเลเขียวปีละ 15 ครั้งแต่ปีที่ผ่านมา มากถึง 70 ครั้ง ถือว่าความรุนแรงจะเร่งสปีดทั้งปะการังฟอกขาว หญ้าทะเลตาย และน้ำทะเลเขียวบ่อย ๆ ซึ่งเป็นผลกระทบวงกว้างต่อเนื่องเป็นวงกว้างของห่วงโซ่อาหาร กระทบต่อการประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

มีรายงานว่าในช่วงเดือน เม.ย.ปี 2566 พบว่าปะการังฟอกขาว แต่ไม่มากนักโดยอยู่ที่ 5-10 % ประกอบกับเมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูฝน เมื่อฝนตกก็จะช่วยให้อุณหภูมิของน้ำลดลงเป็นสิ่งที่ดีกับตัวปะการังทำให้ไม่ฟอกขาวรุนแรง


เดือน ม.ค.67 อุ่นเป็นประวัติการณ์

ขณะที่มีข้อมูลจากคอปเปอร์นิคัส ไคลเมตเชนจ์ เซอร์วิส โดยศูนย์พยากรณ์อากาศยุโรป และองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐ หรือ NOAA ที่รายงานชัดเจนตรงกันว่า ช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา คือเดือนมกราคมที่อุ่นที่สุด และคาดการณ์ว่าปีนี้อาจจะเป็นปีที่ร้อนที่สุด นับตั้งแต่ที่เก็บข้อมูลมาก็เป็นไปได้

กราฟที่ NOAA เผยแพร่ แสดงให้เห็นว่า ช่วงเดือนม.ค.2567 อุณหภูมิพื้นผิวโลก สูงว่าระดับค่าเฉลี่ยศตวรรษที่ 20 ถึง 1.27 องศาเซลเซียส และสูงกว่าปี 2016 ที่เคยเป็นสถิติปีที่มีเดือนมกราคมที่อุ่นที่สุด 0.04 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ 22% ที่ปี 2024 นี้ จะเป็นปีที่อุ่นที่สุดนับตั้งแต่ที่บันทึกไว้ และมีโอกาส 99% ที่ปีนี้จะร้อนที่สุดติด 5 อันดับแรกที่เคยบันทึกไว้

นอกจากนี้เดือนม.ค.ที่ผ่านมา ยังเป็นเดือนที่สถิติอุณหภูมิผิวทะเลสูงกว่าค่าเฉลี่ยเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน ภาวะเอลนีโญ่ ยังส่งผลต่อเนื่อง แต่เริ่มอ่อนกำลังลงในเขตศูนย์สูตร โดยและคาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ ช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.นี้โดยมีความเป็นไปได้ 55%ที่จะเกิดภาวะลานีญาได้ในช่วงเดือนมิ.ย.-ส.ค.นี้


https://www.thaipbs.or.th/news/content/337727