เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 02-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานานไว้ด้วย ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงไว้ด้วย สำหรับลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันตกพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 3?5 พ.ค. 67 จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 พ.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และการระบายอากาศในบริเวณดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน
อุณหภูมิต่ำสุด 29-30 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส
ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 2 ? 4 พ.ค. 67 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ประกอบกับในช่วงวันที่ 3 ? 5 พ.ค. 67 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกพัดปกคลุมภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน

ส่วนในช่วงวันที่ 6 - 7 พ.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่

สำหรับลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันตกยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 2 ? 4 พ.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานาน รวมถึงระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ไว้ด้วย

ส่วนในช่วงวันที่ 3 ? 7 พ.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า แลกลูกเห็บตกในบางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 3 (81/2567) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 3-7 พฤษภาคม 2567)


ในช่วงวันที่ 3?5 พ.ค. 67 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนในช่วงวันที่ 6-7 พ.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้


วันที่ 3 - 4 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี และกาญจนบุรี


วันที่ 5 - 6 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด


วันที่ 7 พฤษภาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ตาก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 02-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


คลื่นความร้อนถล่มเอเชีย ปลานับแสนตายเกลี้ยงอ่างเก็บน้ำเวียดนาม

ปลาหลายแสนตัวในอ่างเก็บน้ำในจังหวัดดองไน ของเวียดนาม ตายหมด ท่ามกลางภาวะคลื่นความร้อนที่กำลังเล่นงานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 1 พ.ค. 2567 ว่า ปลาในอ่างเก็บน้ำที่จังหวัด ดองไน (Dong Nai) ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม ลอยตายเป็นจำนวนหลายแสนตัว โดยเป็นผลจากคลื่นความร้อนที่กำลังเล่นงานประเทศแถบเอเชียอยู่ตอนนี้ และปัญหาการจัดการน้ำ

ชาวบ้านท้องถิ่นคหนึ่ง บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ปลาทุกตัวในอ่างเก็บน้ำ ซอง เมย์ (Song May) ตายหมดแล้ว เพราะขาดน้ำ และการใช้ชีวิตของพวกเขาต้องกลับตาลปัตรตลอดช่วง 10 วันที่ผ่านมา เนื่องจากกลิ่นของพวกมัน

เอเอฟพียังเผยแพร่ภาพแสดงให้เห็น ชาวบ้านพยายามพายเรือหรือเดินในอ่างเก็บน้ำขนาด 3 ล้านตารางเมตรแห่งนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยซากปลาจนแทบมองไม่เห็นน้ำที่อยู่ด้านล่าง

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า พื้นที่แถบนี้ไม่มีฝนตกมานานหลายสัปดาห์แล้ว และน้ำในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ก็เหลือปริมาณน้อยเกินกว่าที่ สัตว์น้ำจะมีชีวิตอยู่ได้

นอกจากฝนแล้งแล้ว ชาวบ้านบอกด้วยว่า การบริหารจัดการน้ำไม่ดีก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ปลาในอ่างเก็บน้ำตาย โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตัดสินใจปล่อยน้ำออกจากอ่าง เพื่อช่วยผลผลิตทางการเกษตรที่ปลายน้ำ ก่อนจะพยายามขุดลอกสระ เพื่อให้ปลามีพื้นที่และน้ำมากขึ้น

แต่ความพยายามของพวกเขาล้มเหลว และหลังจากนั้นไม่นาน ปลามากมายก็เริ่มตาย โดยสื่อท้องถิ่นคาดว่า ปลาที่ตายไปนั้นอาจมีน้ำหนักรวมกันมากถึง 200 ตัน

ด้านหนังสือพิมพ์ Tuoi Tre ของเวียดนามระบุว่า บริษัทผู้รับหน้าที่บริหารจัดการอ่างเก็บน้ำ ซอง เมย์ เริ่มโครงการขุดลอกสระตคั้งแต่ต้นปี 2567 และมีแผนจะปล่อยน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำเพิ่ม เพื่อช่วยเหลือปลา แต่เนื่องจากคลื่นความร้อนที่ยอมบรรเทาลง ทำให้พวกเขาต้องปล่อยน้ำไปยังปลายน้ำ ทำให้ระดับน้ำในอ่างลดต่ำลง ส่งผลให้ปลาตายจำนวนมาก

ทั้งนี้ ปัญหาความร้อนกำลังปกคลุมภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจังหวัดดองไน ซึ่งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ ไปทางตะวันตก 100 กม. มีอุณหภูมิในเดือนเมษายนแตะ 40 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลของจังหวัด ที่ทำไว้เมื่อปี 2541

กัมพูชาก็ได้รับผลกระทบจากความร้อนเช่นกัน โดยบางพื้นที่มีอุณหภูมิถึง 43 องศา จนทำให้เมื่อวันพุธ นายกรัฐมนตรี ฮุน เมเนต ออกคำสั่งให้โรงเรียนทั่วประเทศพิจารณาหยุดการเรียนการสอน เพื่อปกป้องครูและนักเรียนจากความร้อน และสั่งให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมรอไว้ เผื่อเกิดสถานการณ์น้ำขาดแคลน

ส่วนที่ประเทศไทย ทำลายสถิติการใช้ไฟฟ้ามากที่สุดตลอดกาล เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยจังหวัดอุดรธานี ในภาคอีสาน มีอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 44 องศาเซลเซียส

ที่มา : cna


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2782560
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 02-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ดร.ธรณ์เผยบทอวสาน หายนะโลกร้อน ทะเลเดือด หญ้าทะเล 810 ไร่ที่เกาะกระดาดตายหมดเกลี้ยง

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล เผยภาพเปรียบเทียบหญ้าทะเล 810 ไร่ที่เกาะกระดาด จ.ตราด ระหว่างปี 2563 กับปี 2567 พบว่าในปี 2567 หญ้าทะเลตายหมดเกลี้ยง เผยหายนะโลกร้อนทะเลเดือดมาถึงเมืองไทยแล้ว



เมื่อวันที่ 30 เม.ย. เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ภาพเปรียบเทียบหญ้าทะเล 810 ไร่ที่เกาะกระดาด จ.ตราด ระหว่างปี 2563 กับปี 2567 พบว่าในปี 2567 หญ้าทะเลหายไปทั้งหมด โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่า "เมื่อ 3 วันก่อน ผมเขียนมินิซีรีส์ "จุดจบ" โดยทิ้งท้ายว่าจะมาเขียนบทอวสานเมื่อมาสำรวจพื้นที่

และบทอวสานก็มาถึงจริง แม้จะภาวนาไว้ แต่หญ้าทะเล 810 ไร่ที่เกาะกระดาด (ตราด) หายไปทั้งหมดเลย ทั้งหมดหมายความว่าหมดจริง ลองดูภาพเปรียบเทียบ ปี 2563 เห็นดงหญ้าสีดำกว้างใหญ่ กรมทะเลรายงานว่ามีหญ้า 6 ชนิด ความหนาแน่น 90% ของพื้นที่
วันนี้ คณะประมงมาสำรวจอีกครั้ง หญ้าไม่เหลือเลย

สีดำๆ ที่เห็นในภาพปี 67 คือเศษปะการังตายและสาหร่าย หญ้าทะเลเหลือเพียงไม่กี่ต้น กุดสั้น มองไม่เห็นจากโดรน ที่นี่ไม่มีพะยูน ไม่มีเต่ามากินหญ้า ไม่มีการขุดลอกร่องน้ำ ไม่มีการพัฒนาใดในระหว่างปี 63-67 จึงสรุปได้ว่าโลกร้อนทำให้ทะเลแปรปรวนถึงขีดสุด ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามีหลายอย่างฆ่าหญ้าทะเล

สาเหตุหลักน่าจะมาจากน้ำลงต่ำผิดปรกติในช่วงปี 64-65 ทุกอย่างแห้งผาก ผิดจากวันนี้ที่แม้ในตารางน้ำบอกว่าลงเท่ากัน แต่ในความเป็นจริง น้ำปีนี้ไม่ลดต่ำเท่า 2-3 ปีก่อน แต่น้ำร้อนจี๋ ในบริเวณที่เคยมีหญ้า อุณหภูมิน้ำ 40 องศา ในทรายลึก 10 เซนติเมตร บริเวณที่รากหญ้าฝังอยู่ อุณหภูมิ 36 องศา ยังอาจเกี่ยวกับลมแรงมากในทิศทางผิดปรกติบางช่วง รวมถึงแนวปะการังที่เคยเป็นกำแพงกั้นคลื่น ทรุดโทรมจากปัญหาปะการังฟอกขาวซ้ำซ้อน ทำให้ไม่สามารถลดแรงคลื่นได้เหมือนเดิม

จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แหล่งหญ้าทะเล 810+ ไร่ ใหญ่สุดในแนวปะการังภาคตะวันออก เป็นที่อยู่ของปลาเกือบ 30 ชนิด ปูม้าเต็มไปหมด ตอนนี้แทบไม่เหลืออะไรสักตัว ปลาเอย ปูเอย หายหมด เหลือแต่ทรายโล้นๆ ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนของระบบนิเวศดีสุดในโลก ก็ไม่มีเหลือเช่นกัน สภาพกลับกลายเป็นพื้นทรายธรรมดา มันน่าเศร้าเมื่อคิดว่าหญ้าทะเลที่ช่วยเรากักเก็บคาร์บอนมาตลอด สุดท้ายก็สู้โลกร้อนไม่ไหว พ่ายแพ้ตายจนหมดสิ้น แล้วใครจะช่วยเราลดคาร์บอน โลกก็ยิ่งร้อนหนักขึ้นอีก

ผมไม่ทราบว่าอีกนานแค่ไหน หญ้าทะเลจะกลับมา แต่เราคงพยายาม ภารกิจนี้จึงไม่จบแค่สำรวจ ยังรวมถึงการทดลองหาพื้นที่พอฟื้นฟูได้ ทดลองปลูกเพื่อพัฒนาวิธีในอนาคต ฯลฯ เดี๋ยวจะมาเล่ารายละเอียดให้เพื่อนธรณ์ฟัง แต่ตอนนี้ขอไปตั้งสติก่อน เพื่อนธรณ์อยากรู้รายละเอียดมากขึ้น ย้อนไปอ่าน 3 วันก่อน ผมเขียนเรื่องจุดจบและจุดจบก็มาถึงจริงครับ นี่แหละครับคือหายนะโลกร้อนทะเลเดือดที่มาถึงเมืองไทยแล้ว ไม่ต้องรออีก 30-40 ปี มันเกิดขึ้นแล้วที่ตราด ที่ตรัง ที่กระบี่ และอีกบางที่ในทะเลไทย หญ้าทะเลของเราแย่มากแล้วครับ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้เราตระหนักถึงความพินาศจากโลกร้อน ผลกระทบกับทะเล ภูมิอากาศ เศรษฐกิจปากท้อง และผู้คน อาจมีสักวันที่เราจะเอาจริงเรื่องโลกร้อนให้มากขึ้น เพื่อความหวังน้อยๆ ของเราและลูกเราครับ ขอบคุณ "บางจาก" และ "เครือข่ายอนุรักษ์เกาะหมาก" และเพื่อนธรณ์ ผู้ช่วยสนับสนุนมาตลอดครับ พี่สุวรรณ สำหรับภาพโดรนปี 63 ครับ"


https://mgronline.com/onlinesection/.../9670000037665

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 02-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


อินโดฯสั่งอพยพคนหลังภูเขาไฟปะทุหนัก หวั่นโดมพังทลายลงทะเลเกิดสึนามิยักษ์

'อินโดนีเซีย' สั่งเร่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงหลังภูเขาไฟปะทุหนัก หวั่นส่วนโดมพังทลายจมลงสู่ทะเลจนเกิดเป็นคลื่นสึนามิยักษ์



1 พ.ค. 2567 สำนักข่าว CBS สหรัฐอเมริกา รายงานข่าว Dramatic video shows Indonesia's Mount Ruang volcano erupting as lightning fills clouds of hot gas and debris ระบุว่า ภูเขาไฟรวง (Mount Ruang volcano) ในอินโดนีเซีย พ่นเมฆความร้อนออกจากปล่อง หลังจากที่เกิดการปะทุเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2567 ส่งผลให้สนามบิน 7 แห่ง รวมถึงสนามบินนานาชาติซัม ราตูลังกี ในเมืองมานาโด เมืองเอกของจังหวัดสุลาเวสีเหนือ ยังคงต้องปิดทำการ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ ที่โรงเรียนถูกปิดเพื่อปกป้องเด็กๆ จากเถ้าถ่านภูเขาไฟ

ภูเขาไฟลูกนี้อยู่บนเกาะรวง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะสิตาโร หน่วยงานทางธรณีวิทยาของอินโดนีเซียประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่ห่างจากปล่องภูเขาไฟอย่างน้อย 4 ไมล์ (ประมาณ 6.4 กิโลเมตร) โดยได้เตือนผู้คนบนเกาะตากูลันดังที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งอยู่ใกล้กับภูเขาไฟมากที่สุด ให้ระวังเมฆภูเขาไฟที่ร้อนจัดจากการปะทุเพิ่มเติม รวมถึงคลื่นยักษ์สึนามิ หากส่วนโดมของภูเขาไฟพังทลายจมลงสู่ทะเล

การปะทุเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2567 ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้ม และทำให้หมู่บ้านหลายแห่งเต็มไปด้วยเถ้าถ่าน กรวด และหิน ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต หน่วยงานบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศได้โพสต์วิดีโออันน่าทึ่งทางออนไลน์ ซึ่งแสดงภาพฟ้าผ่าหลายสิบครั้งที่เกิดขึ้นในกลุ่มเมฆก๊าซร้อนและเศษซากที่พ่นออกมาจากปล่องภูเขาไฟในชั่วข้ามคืน คลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ เผยให้เห็นประชาชนประมาณร้อยคนจากเกาะตากูลันดังกำลังอพยพบนเรือของกองทัพเรือ ขณะที่อีกหลายร้อยคนกำลังรอการอพยพอยู่ที่ท่าเรือท้องถิ่น

อับดุล มูฮารี (Abdul Muhari) โฆษกสำนักงานค้นหาและกู้ภัยแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้คน 11,000 ถึง 12,000 คนที่อาศัยอยู่ในเขตอันตราย 4 ไมล์จะถูกพาไปยังศูนย์พักพิงของรัฐบาล ทั้งนี้ หลังจากการปะทุของภูเขาไฟรวงเมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2567 ทางการอินโดนีเซียได้มีคำเตือนว่า การปะทุครั้งต่อไปอาจทำให้ส่วนหนึ่งของภูเขาไฟถล่มและจมลงทะเล โดยภูเขาไฟรวง เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ประมาณ 130 ลูกในอินโดนีเซีย ประเทศหมู่เกาะนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดการระเบิดของภูเขาไฟและแผ่นดินไหวเนื่องจากที่ตั้งของมันบน "วงแหวนแห่งไฟ" ในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นแนวรอยเลื่อนที่ทอดยาวจากชายฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกา ผ่านประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ขอบคุณเรื่องจาก https://www.cbsnews.com/news/indones...n-evacuations/


https://www.naewna.com/inter/802263

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 02-05-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


รับบริจาคเปลือกหอย คืนบ้าน 'ปูเสฉวน' มีบ้านอยู่ ผู้ย่อยสลายแบคทีเรียชายหาด

เปิดรับบริจาคเปลือกหอย คืนบ้านให้ "ปูเสฉวน" นักทำความสะอาดชายหาด ผู้ย่อยสลายแบคทีเรียและเชื้อโรค ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ แห่งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา (แหลมโตนด) นักท่องเที่ยว ผู้สนใจเช็กที่นี่ บริจาคเปลือกหอยฝาเดียวให้ปูเสฉวนมีบ้านอยู่



อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เปิดรับบริจาคเปลือกหอย คืนบ้านให้ "ปูเสฉวน" นักทำความสะอาดชายหาด ผู้ย่อยสลายแบคทีเรียและเชื้อโรค ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ แห่งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา (แหลมโตนด) นักท่องเที่ยว ผู้สนใจเช็กรายละเอียดที่นี่ บริจาคเปลือกหอยฝาเดียวให้ปูเสฉวนมีบ้านอยู่


"ปูเสฉวน" สัตว์ประจำหาดที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ

"ปูเสฉวน" เป็นสัตว์ที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างปูและกุ้ง เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดประมาณ 5 นิ้ว มีขาทั้งหมด 10 ขา เหมือนกับปูทะเล แต่ส่วนท้ายของลำตัวจะมีลักษณะอ่อนนุ่ม ทำให้พวกมันจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในเปลือกหอย เพื่อป้องกันอันตรายและรักษาความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย

นอกจากนี้ปูเสฉวนไม่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำเป็นเวลานานได้ เพราะกระบวนการหายใจถูกพัฒนาให้รับออกซิเจนบนบกโดยตรง แม้ว่าพวกมันจะใช้ชีวิตอยู่ริมหาด และต้องลงไปกินน้ำทะเล เพื่อให้ร่างกายรับแคลเซียมและเกลือแร่

แต่ถ้าหากลงไปในน้ำนานเกินไปจะทำให้ตายได้ นอกจากนี้พวกมันยังต้องการน้ำจืดเพื่อการอยู่รอดอีกด้วย

สำหรับอาหารหลักของปูเสฉวน คือ ซากพืช ซากสัตว์ และ ซากปะการังบนชายหาด เรียกได้ว่าเป็นผู้ย่อยสลายทั้งแบคทีเรียและเชื้อโรค ทำให้พวกมันเป็นนักทำความสะอาดชายหาดที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ

นอกจากนั้นพวกมันยังเพิ่มปุ๋ยให้ชายหาดบริเวณนั้นๆ และเป็นตัวแพร่กระจายเมล็ดพืชให้แก่ชายหาดอีกด้วย

ตามปกติแล้วปูเสฉวนมักจะออกหากินในเวลากลางคืนมากกว่าตอนกลางวัน เพราะตอนกลางวันพวกมันมักหลบอยู่บริเวณใต้กองใบไม้ที่มีความชุ่มชื้น หากไม่ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามต่างๆ ปูเสฉวนจะมีอายุยืนยาวได้นานถึง 60 ปี

ทั้งนี้เมื่อไม่นานมานี้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ได้ร่วมกับโรงแรมภูเลเบย์ อริทซ์ คาร์ตันรีเสริร์ฟ ทำกิจกรรมโครงการคืนบ้านให้กับปูเสฉวน

ซึ่งมีการบริจาคและรวบรวมเปลือกหอยได้กว่า 100 กิโลกรัม และนำบ้านเปลือกหอยเหล่านี้ไปมอบให้บรรดาปูเสฉวน บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา (แหลมโตนด)


ความเป็นมาของโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน

ความเป็นมาของโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน เกิดจากอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาเป็นพื้นที่ที่มีปูเสฉวนอยู่เป็นจำนวนมาก ปูเสฉวนบางตัวไม่มีบ้านหรือเปลือกหอย ทำให้ต้องหาขยะจากทะเลมาทำเป็นที่อยู่อาศัย

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จึงรับบริจาคเปลือกหอยเพื่อเป็นการเพิ่มบ้านให้แก่ปูเสฉวนและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะปูเสฉวนในพื้นที่เกาะลันตา จ.กระบี่


ลักษณะเปลือกหอยที่ขอรับบริจาคให้ปูเสฉวน

มีเป้าหมายในการรับบริจาคเปลือกหอยเฉพาะเปลือกหอยฝาเดียว (ขนาดใหญ่) ได้ทุกชนิดทั้งหอยน้ำจืด หอยทะเล และได้ทุกขนาด เน้นการรับบริจาคเปลือกหอยเหลือทิ้งที่มาจากการบริโภค

หรือเปลือกหอยจากโมบายเหลือใช้ในครัวเรือน และไม่สนับสนุนการเก็บเปลือกหอยจากชายหาดเพื่อนำมาบริจาค เนื่องจากไม่อยากให้เก็บเปลือกหอยจากหาดหนึ่ง มาบริจาคให้อีกหาดหนึ่ง

ซึ่งจะทำให้พื้นที่เหล่านั้นเสียสมดุลทางธรรมชาติไปด้วย จึงอยากได้เปลือกหอยที่เหลือจากการกินและนำของเหลือทิ้งมาใช้ให้เกิดประโยชน์

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาจะรวบรวมเปลือกหอยฝาเดียวที่เหมาะสมจากผู้บริจาค ส่งต่อเปลือกหอยไปยังผู้ประกอบการที่ต้องการร่วมกิจกรรมและนำเปลือกหอยไปวางไว้ ณ จุดที่เหมาะสมเพื่อให้ปูเสฉวนนำเปลือกหอยไปใช้เป็นบ้านต่อไป


บริจาคเปลือกหอยให้ปูเสฉวนได้ที่ไหน?

สำหรับผู้สนใจโครงการคืนบ้านให้ปูเสฉวน สามารถส่งมาได้ที่ 59 ม.5 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา กระบี่ 81150 หมายเลขโทรศัพท์ 075-656576

อ้างอิง-ภาพ : อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา - Mu Ko Lanta National Park , กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:15


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger