#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด โดยหลีกเลี่ยงการทำงานหรือการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นระยะเวลานานไว้ด้วย ในขณะที่มีแนวพัดสอบของลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอันตรายจากฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน โดยมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และการระบายอากาศในบริเวณดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 29-30 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 6 - 7 พ.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 8 ? 11 พ.ค. 67แนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 6 - 11 พ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 6 ? 11 พ.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย รวมทั้งระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับชาวเรือในช่วงวันที่ 6 ? 11 พ.ค. 67 ชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 11 (89/2567) (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567) ในช่วงวันที่ 6 - 7 พ.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8 - 10 พ.ค. 67 แนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่ จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ วันที่ 6 - 7 พฤษภาคม 2567 ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
"กระบี่" แล้งจัด "พีพีอ่วม" คาดเดือนหน้าฝนไม่ตก ธุรกิจบนเกาะจ่อปิดตัว สถานการณ์ภัยแล้ง "กระบี่" ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง ชาวบ้านประสบปัญหาไม่มีน้ำใช้ร่วม 2 เดือน "เกาะพีพีหนักสุด" คาดเดือนหน้าหากฝนไม่ตก "โรงแรมที่พัก-ร้านค้า-ร้านอาหาร" อาจต้องปิดกิจการชั่วคราว เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.กระบี่ ยังคงทวีความรุนแรงต่อเนื่อง หลังชาวบ้านในพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำใช้มานานร่วม 2 เดือน โดยเฉพาะที่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ซึ่งปัจจุบันผู้ผลิตน้ำประปาของเอกชนบนเกาะ ต้องยุติการจ่ายน้ำไปแล้ว เนื่องจากน้ำในบ่อเก็บของเอกชนแห้งขอด โดยหยุดจ่ายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าขนาดกลางถึงเล็ก ต้องปิดกิจการชั่วคราวกันเกือบทั้งเกาะ เพราะไม่มีน้ำใช้ ยังเหลือผู้ประกอบการโรงแรมรายใหญ่เพียง 3-4 ราย ที่เปิดให้บริการ เพราะมีบ่อบาดาลเป็นของตัวเอง จากการสอบถามผู้ประกอบการในพื้นที่ ทราบว่า แม้แต่บ่อบาดาลของโรงแรมขนาดใหญ่บนเกาะ ปัจจุบันปริมาณน้ำก็เริ่มแห้งขอดใกล้หมดแล้วเช่นกัน โดยคาดการณ์กันว่า ภายในเดือนหน้าหากไม่มีฝนตกลงมาเติม สถานประกอบการบนเกาะพีพี ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านค้า ร้านอาหาร อาจต้องปิดกิจการกันไปชั่วคราวก่อน โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักบนเกาะก็เริ่มลดลง เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์ภัยแล้ง ประกอบกับเข้าช่วงโลว์ซีซั่นของแต่ละปีด้วย ขณะที่บนฝั่งในตัวเมืองกระบี่ หลายพื้นที่ก็ยังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างรุนแรงเช่นกัน ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำหลายแห่งเริ่มลดลงอย่างน่าใจหาย แม้ก่อนนี้ทางจังหวัดพยายามแก้ปัญหาด้วยการประสานกรมฝนหลวง มาปฏิบัติการทำฝนเทียม แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากปริมาณฝนที่ตกลงมามีเพียงเล็กน้อย ไม่เพียงพอจะเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ ล่าสุด กปภ.สาขากระบี่ ได้ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์การจ่ายน้ำประปาในพื้นที่ พร้อมวางแนวทางแก้ปัญหาไว้ 3 ระดับ โดยแถลงการณ์ของ กปภ.สาขากระบี่ ระบุว่า ตามที่เกิดภัยแล้งต่อเนื่องและยาวนาน จึงทำให้น้ำดิบสำหรับนำมาผลิตเป็นน้ำประปามีไม่เพียงพอ กปภ.ต้องบริหารน้ำดิบที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้ใช้ได้ยาวนานที่สุดเท่าที่ทำได้ จนกว่าจะมีฝนตกและได้น้ำดิบมาเติมในระบบผลิต ตั้งแต่เกิดวิกฤติ สาขากระบี่ได้ดำเนินการวางแผนแก้ไขปัญหาในส่วนที่อยู่ในอำนาจของสาขา และรายงานสภาพปัญหาที่อยู่นอกอำนาจสาขา ให้ ผู้ว่าฯ กระบี่ และผู้ว่า กปภ.ได้รับทราบแล้ว พร้อมทั้งเสนอโครงการแก้ปัญหา ซึ่งประกอบด้วย 1. แผนเร่งด่วน / งานติดตั้งเช่าระบบผลิตแบบ Mobile Plant ขนาด 100 ลบ.ม./ชม. จำนวน 3 จุด และวางท่อส่งน้ำ (ชั่วคราว) บริเวณคลองสน หมู่ 4 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ และบริเวณคลองอินทนิน หมู่ 4 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง และบริเวณศาลเจ้าจอซูก๋ง หมู่ 6 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ ทั้งยังบูรณาการร่วมกับทางจังหวัด หาแนวทางเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน โดยการวางท่อน้ำดิบรับน้ำจากปลายท่อชลประทานเติมในคลองกระบี่ใหญ่ ระยะทาง 6.30 กม. งบประมาณ 13 ล้านบาทเศษ ปัจจุบันอยู่ในระหว่างขอรับจัดสรรงบประมาณไปยัง กปภ.ข.4 โดยผู้จัดการสาขาได้ไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่ กปภ.สนญ. เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา 2. แผนระยะกลาง ปี 2568 ขอรับการสนับสนุนงบประมาณงานก่อสร้างเพิ่มกำลังการผลิต ขนาด 500 ลบ.ม./ชม. สถานีผลิตน้ำหนองทะเล วงเงิน 174 ล้านบาทเศษ และ 3. แผนระยะยาว การประปาส่วนภูมิภาคมีแผนรองรับการขยายตัวของ จ.กระบี่ โดยตั้งโครงการปรับปรุงขยาย กปภ.สาขากระบี่ โดยผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองแห้งงบประมาณ 638 ล้านบาทเศษ ซึ่งอยู่ในแผนของฝ่ายแผนงานโครงการ เพื่อแก้ปัญหากำลังการผลิต และปริมาณแหล่งน้ำสำรองไม่เพียงพอ ด้วยสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น จึงบูรณาการทำงานระหว่าง จ.กระบี่ สส.กระบี่ กปภ.สาขากระบี่ อบจ.กระบี่ เทศบาลเมืองกระบี่ โดย กปภ.ต้องออกมาตรการประหยัดน้ำดิบโดยสลับการจ่ายน้ำ เนื่องจากสาขากระบี่มีกำลังผลิต 1,650 ลบ.ม./ชม. ผู้ใช้น้ำ 34,505 ราย ส่วน อบจ.กระบี่ จัดรถส่งน้ำให้กับประชาชนนอกเขตเทศบาล และเทศบาลเมืองกระบี่ จัดรถส่งน้ำให้ประชาชนในเขตเทศบาล ทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย https://www.thairath.co.th/news/local/south/2783278
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ดร.ธรณ์เผยเรื่องเศร้า 'น้ำทะเลเดือด' กำลังฆ่าปลาการ์ตูน หลังทำดอกไม้ทะเลฟอกขาว ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล เผยภาพน้ำทะเลร้อนจัด ทำดอกไม้ทะเลฟอกขาวตัวเล็กลง อ่อนแอ ส่งผลให้ปลาการ์ตูนที่อยู่กับดอกไม้ทะเลฟอกขาวจะอ่อนแอมากกว่าปรกติ คล้ายมีความเครียด กลายเป็นเหยื่อปลาอื่นง่าย วันนี้ (5 พ.ค.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความว่า " ทะเลเดือดกำลังฆ่าปลาการ์ตูน ภาพที่เห็นอยู่นี้ เพื่อนธรณ์ส่งมาจากทะเลตรัง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ น้ำร้อนจัด ปะการังน้ำตื้นฟอกขาว ดอกไม้ทะเลก็เช่นกัน ดอกไม้ทะเลเหมือนปะการัง เธอมีซูแซนทาลี (สาหร่ายจิ๋ว) ในเนื้อเยื่อ ช่วยให้พลังงานและสารจำเป็น เมื่อทะเลร้อนผิดปรกติ สาหร่ายจิ๋วจากไป สีดอกไม้ทะเลซีดจางลง จนท้ายสุดกลายเป็นสีขาว ในภาพมีทั้งขาวจั๊วะและสีซีดจางจนเกือบขาว ลองสังเกตนะครับ ดอกไม้ทะเลทนกว่าปะการัง แม้จะฟอกขาวพร้อมกัน แต่ดอกไม้ทะเลได้อาหารบางส่วนจากการจับเหยื่อด้วยเข็มพิษ ขณะที่ปะการังได้พลังงานเกือบทั้งหมดจากซูแซนทาลี เมื่อไม่มี ปะการังจึงตายง่ายกว่า ดอกไม้ทะเลมีกลไกทำให้เข็มพิษยังทำงานแม้ตอนฟอกขาว เราคงไม่คิดจะจับ/โดนดอกไม้ทะเล แต่ขอให้รู้ไว้ แม้จะฟอกขาว แต่ถ้าน้ำเย็นกลับมา ดอกไม้ทะเลส่วนใหญ่ไม่ตาย ปัญหาคือพวกเธอจะตัวเล็กลง อ่อนแอ และอาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าสีจะกลับมาเป็นปรกติ ปลาการ์ตูนยังคงมีบ้านต่อไป ทว่า ไม่ใช่ทุกอย่างจะราบรื่น ในกรณีดอกไม้ทะเลตาย โอกาสรอดของปลาการ์ตูนที่อยู่กอนั้นแทบไม่มี ปลาจะว่ายหนีไปกออื่นได้ยาก ตัวที่อยู่ก่อนหน้าจะไม่ยอมและขับไล่ ปลาการ์ตูนไม่สามารถอยู่เพียงลำพังในทะเลได้ครับ ในกรณีที่ดอกไม้ทะเลเล็กลง ปลาการ์ตูนที่อยู่อาจลดจำนวนเพื่อให้เหมาะสมกับขนาดของบ้าน ตัวที่ไปต่อไม่ได้ก็ตายแน่ นักวิทยาศาสตร์พบว่า ในช่วงน้ำร้อนจัด ปลาการ์ตูนที่อยู่กับดอกไม้ทะเลฟอกขาวจะอ่อนแอมากกว่าปรกติ คล้ายมีความเครียด กลายเป็นเหยื่อปลาอื่นง่าย ที่สำคัญ อัตราฟักออกจากไข่ของลูกปลาการ์ตูนจะลดลงเกินครึ่งหรือกว่านั้น ปลาการ์ตูนวางไข่ติดพื้นข้างฐานดอกไม้ทะเล เราสามารถนับได้ว่ารอดแค่ไหน เมื่อนำทุกอย่างมารวมกัน ตาย ตัวเล็กลง ปลาอ่อนแอ ลูกปลาเกิดน้อยลงมาก เราจะเห็นว่าแม้น้องนีโมจะน่ารัก แต่ก็เจอผลกระทบจากทะเลเดือดเต็มๆ แต่ปลาน้อยสู้ยิบตา เพื่อนธรณ์เชื่อไหมว่า นีโมก็ช่วยบ้านของเธอนะ การศึกษาในทะเลพบว่าดอกไม้ทะเลที่มีปลาการ์ตูนอยู่ด้วย จะฟื้นตัวจากการฟอกขาวเร็วกว่าดอกไม้ที่ไร้ปลาเยอะเลย ทำไม นั่นเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลกำลังค้นคว้าหาคำตอบ เมื่อดูในภาพ มีดอกไม้ทะเลฟอกขาวหลายกอ เริ่มน่าเป็นห่วงครับ ทางช่วยคือดูอยู่ห่างๆ อย่าไปรบกวนปลาในช่วงอ่อนแอ เพราะอาจส่งผลต่อปลาที่ไม่ค่อยปรกติ ยังอาจส่งผลต่ออัตราฟักไข่ที่ต่ำมากอยู่แล้วเพราะน้ำร้อน ผมมีประสบการณ์จากการเจอดอกไม้ทะเลฟอกขาวทั้งดงที่กระบี่ในปี 58 แต่สุดท้ายพวกเธอรอดมาได้เกือบหมด ปลานีโมบางส่วนก็รอดครับ ใช้เวลาอีก 1-2 ปี จำนวนเริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อย จึงหวังว่าในหนนี้ ทั้งดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนจะฝ่าฟันรอดมาได้ อย่างไรก็ตาม น้ำปีนี้ร้อนจัด ต้องภาวนาให้ฝนตกลงมานานๆ เมฆบังแดดเยอะๆ ที่สำคัญ เราอย่าซื้อดอกไม้ทะเลมาเลี้ยง บอกได้ว่ารอดยาก ที่สำคัญคือผิดกฎหมาย ดอกไม้ทะเลเป็นสัตว์คุ้มครอง เพื่อนธรณ์เห็นใครขาย/เลี้ยง/มีไว้ในครอบครอง หากไม่ใช่เพื่อการวิจัยหรือหน่วยงานราชการหรือมีใบอนุญาต สามารถแจ้งกรมทะเลได้โดยตรง ต่างจากปลาการ์ตูนที่ปัจจุบันเพาะเลี้ยงได้ ร่วมลุ้นให้ดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูนฝ่าฟันทะเลเดือดในช่วงนี้ไปให้ได้ แล้วช่วยกันลดโลกร้อนด้วยนะ เราคงไม่อยากเป็นผู้ฆ่านีโมใช่ไหมครับ ขอบคุณภาพจากเพื่อนธรณ์ที่อยู่ตรัง ฝากดูแลดอกไม้ทะเลและน้องนีโมด้วยนะฮะ มีบรรยายภาพครับ" https://mgronline.com/onlinesection/.../9670000038830
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
ตะลึง! นักดำน้ำพบปะการังฟอกขาวบริเวณแหล่งอาศัยของปลานีโมที่เกาะมุก ตรัง - นักดำน้ำตะลึงปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวอันเนื่องมาจากโลกที่ร้อนขึ้น พบได้เกิดขึ้นกับแหล่งดอกไม้ทะเลบ้านของปลานีโม ที่ขอนไม้ขาว แถวอ่าวฝรั่งของเกาะมุก วันนี้ (5 พ.ค.) ทีมผู้ประกอบการท่องเที่ยวทะเลตรัง นำโดย นายพฤกษ์ เกิดอุบล ผู้จัดการมดตะนอย รีสอร์ท ได้พานักดำน้ำลงไปสำรวจขอนไม้ขาว แถวอ่าวฝรั่งของเกาะมุก หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดตรัง ที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปดำน้ำเพื่อชมความงดงามของโลกใต้ทะเลอันดามัน แต่ต้องตกตะลึงกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว หรือเป็นภาวะที่ปะการังมีสีซีดจางลงจนมองเห็นเป็นสีขาว อันเนื่องมาจากการที่ปีนี้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น จึงส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งบนบกและใต้ทะเล อย่างไรก็ตาม จุดที่นักดำน้ำลงไปสำรวจพบแล้วรู้สึกกังวลมากที่สุดคือ บริเวณแหล่งดอกไม้ทะเล ซึ่งเปรียบเสมือนกับเป็นบ้านของปลาการ์ตูน หรือนีโม ที่มีสีสันอันแสนสวยงาม จนนักท่องเที่ยวต่างอยากจะได้พบเห็น แต่ผลพวงจากภาวะโลกร้อนของปีนี้ที่รุนแรงกว่าทุกๆ ปี ได้ส่งผลให้ดอกไม้ทะเลเกิดภาวะฟอกขาวด้วยเช่นกัน ซึ่งนักดำน้ำต่างหวั่นเกรงว่าอาจจะกระทบต่อปลานีโมได้ในอนาคต หากดอกไม้ทะเลเหล่านี้เกิดความเสียหาย เพราะจะทำให้ปลานีโมไม่มีแหล่งที่อยู่อาศัย หรือแหล่งหลบซ่อนตัวเหมือนเช่นก่อนๆ https://mgronline.com/south/detail/9670000038851
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
โลกเดือด คลื่นความร้อนมหาสมุทรสูง NOAA ยัน เกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ทั่วโลกรอบที่4แล้ว ภาวะโลกเดือด คลื่นความร้อนมหาสมุทรสูง NOAA ยัน เกิดปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ทั่วโลกรอบที่ 4 แล้ว จากภาวะโลกเดือดทุกวันนี้ที่มีผลกระทบไปทั้งโลก ก็ส่งผลให้มหาสมุทรนั้นเกิดคลื่นความร้อนเช่นกัน โดย National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA) ออกมาระบุผ่านเว็บไซต์ว่า ขณะนี้โลกกำลังประสบกับเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวทั่วโลกครั้งใหญ่เป็นรอบที่ 4 ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา NOAA ระบุว่า ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2023 ถึงเมษายน 2024 เกิดการฟอกขาวอย่างกว้างขวางทั่วส่วนอื่นๆ ของมหาสมุทรอินเดีย แอตแลนติก แปซิฟิก รวมถึงในแทนซาเนีย เคนยา มอริเชียส เซเชลส์ โทรเมลิน มายอต และนอกชายฝั่งตะวันตกของอินโดนีเซีย ผลกระทบของปะการังฟอกขาว? จากเว็บไซต์ reefresilience ระบุว่า การฟอกขาวของปะการังมีผลต่อการดำรงชีวิต ความมั่นคงทางอาหาร และอื่นๆ ซึ่งแนวปะการังที่เสื่อมโทรมไม่สามารถเป็นที่พักพิงให้ปลาได้วางไข่ เช่น แนวปะการังที่เสื่อมโทรมทำให้มีประสิทธิผลน้อย โดยปะการังฟอกขาวทำให้ปลาน้อยลง ส่งผลกระทบต่อการจัดหาอาหารและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ผู้ประสานงาน NOAA CRW กล่าวว่า ในขณะที่มหาสมุทรโลกยังคงอุ่นขึ้น ปะการังฟอกขาวก็ยิ่งถี่และรุนแรงมากขึ้น เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้รุนแรงและยืดเยื้อ ก็อาจทำให้ปะการังตายได้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับผู้คนที่ต้องพึ่งพาแนวปะการังในการดำรงชีวิต ด้านผู้อำนวยการโครงการอนุรักษ์แนวปะการัง (CRCP) ของ NOAA กล่าวว่า ผลกระทบของการฟอกขาว จะเพิ่มขึ้นเมื่อมหาสมุทรอุ่นขึ้น ที่มา NOAA https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_4561237
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ร้อนนี้ชวนไปเที่ยว'ทะเลแหวกแหลมแม่พิมพ์' เมืองระยอง หลายคนอาจจะเคยไปเที่ยวหาดแหลมแม่พิมพ์ ที่จังหวัดระยอง แต่วันนี้จะพาไปเที่ยวที่เกาะเล็ก ๆ ที่อยู่หน้าหาดแหลมแม่พิมพ์ บางช่วงยังเดินจากหาดไปถึงเกาะนี้ได้ ที่นี่ถือเป็นธรรมชาติเล็ก ๆ ที่สวยงามและเป็นแลนด์มาร์คเด่นตาที่สุดของชายหาดแห่งนี้ เกาะนี้ชาวบ้านเรียกกันกว่า "เกาะขี้ปลา" ซึ่งอาจจะมาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเกาะ ที่มีขนาดเล็ก และอาจจะะเป็นเกาะที่เล็กที่สุด ของอำเภอแกลง จังหวัดระยอง ก็ว่าได้ เกาะขี้ปลาอยู่ห่างจากชายหาด แหลมแม่พิมพ์ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีความสวยงามตามธรรมชาติ ตัวเกาะจะแยกตัวเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมองดูจะคล้ายนก อีกส่วนหนึ่งจะมีช่องทะลุ เวลาน้ำลง สามารถพายเรือลอดไปได้ บนเกาะมีถ้ำ มีหาดทรายเล็ก ๆ ให้เดินเล่น ถ่ายรูป หรือใครจะดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น หรือนั่งตกหมึกตกปลาก็ได้ ชาวบ้านบอกว่า บนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของนกทะเล ค้างคาว และสัตว์ทะเล จำพวก กุ้ง หอย ปู ปลา และปลาหมึกอีกด้วย ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำทะเลลดลงไปไกล จนเกือบถึงเกาะ ลักษณะจะคล้าย ๆ กับทะเลแหวก บางวันสามารถจะเดินจากชายหาดแหลมแม่พิมพ์ ไปถึงเกาะขี้ปลาได้ แต่ถ้าหากใครไม่อยากเดิน ก็จะมีกลุ่มเรือบริการนักท่องเที่ยว ที่จะมีทั้งเจ็ทสกีและเรือกล้วย ที่สามารถพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมได้ จะลงไปเดินเล่น ถ่ายรูป หรือวนรอบเกาะก็ได้ ค่าบริการเพียงคนละ 200 บาท ต่อรอบเท่านั้น ซึ่งราคานี้เป็นราคาที่ทางเทศบาลสุนทรภู่กำหนด และควบคุม ซึ่งรับรองว่าเรือที่มีบริการอยู่ 17 ลำราคาเท่ากัน หากท่านไปเที่ยวชายหาดแหลมแม่พิมพ์ อำเภอแกลงจังหวัดระยอง วันนี้ นึกถึงเกาะขี้ปลาที่สุดแสนจะสวยงามรอคอยทุกท่านอยู่ ถ่ายภาพที่ชายหาดก็เห็นชัดเลย https://www.naewna.com/likesara/802734
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#7
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
'ลานีญา' บุกไทยปีนี้ เตรียมรับมือฝนชุก-อุณหภูมิลด ...... โดย กฤตพล สุธีภัทรกุล "ลานีญา" ปรากฏการณ์ธรรมชาติทางสมุทรศาสตร์ ที่กำลังจะมาแทน "เอลนีโญ" ในปีนี้ จะทำให้ประเทศไทยมีมีฝนมากขึ้นและอุณหภูมิลดต่ำลง แต่ "ภาวะโลกร้อน" ทำให้พยากรณ์ความรุนแรงของลานีญาได้ยากยิ่งขึ้น หากลานีญาไม่รุนแรงมาก ก็ไม่สามารถลดผลกระทบจาก 'เอลนีโญ' ในปีนี้ได้ ในปี 2023 จนถึงปัจจุบันเป็นหนึ่งในปีที่ปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงมากที่สุดที่เคยมีมา ทำให้ทั่วโลกปั่นป่วน จากสภาพอากาศสุดขั้ว เกิดไฟป่า ความแห้งแล้ง และคลื่นความร้อนปกคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ และอเมริกาใต้ ส่วนอเมริกาเหนือมีฤดูหนาวที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ทางตอนใต้ของแอฟริกากลับทั้งเจอฝนตกหนัก และสภาพอากาศแห้งแล้งจัด ส่งผลให้พืชผลเสียหาย และทำให้หลายล้านคนเสี่ยงต่อความหิวโหย นอกจากนี้เอลนีโญยังทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลก และอุณหภูมิผิวน้ำทะเลพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA ระบุว่า ในขณะนี้เอลนีโญกำลังอ่อนตัวลง และจะเข้าสู่ยุคของ "ลานีญา" ภายในเดือนสิงหาคม 2567 'ลานีญา' คืออะไร ข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า "ลานีญา" (La Ni?a) เป็นคำที่ใช้เรียกปรากฏการณ์ธรรมชาติทางสมุทรศาสตร์ที่ตรงข้ามกับกับเอลนีโญ กล่าวคือ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณตอนกลางและตะวันออกของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรมีค่าต่ำกว่าปรกติ เนื่องจากลมค้าตะวันออกเฉียงใต้มีกำลังแรงมากขึ้น จึงพัดพาผิวน้ำทะเลที่อุ่นจากตะวันออกไปสะสมอยู่ทางตะวันตกมากกว่าเดิม ทำให้บริเวณดังกล่าวซึ่งเดิมมีอุณหภูมิผิวน้ำทะเลและระดับน้ำทะเลสูงกว่าทางตะวันออกอยู่แล้วยิ่งมีอุณหภูมิและระดับน้ำทะเลสูงขึ้นไปอีก ปรากฏการณ์ลานีญาเกิดขึ้นได้ทุก 2 ? 3 ปี และปกติจะเกิดขึ้นนานประมาณ 9 ? 12 เดือน แต่บางครั้งอาจปรากฏอยู่ได้นานถึง 2 ปี เมื่อปรากฏการณ์เอลนีโญที่จบลง โลกจะเข้าสู่ "สภาพเป็นกลาง" (Neutral Phase) ประมาณ 3-5 เดือน ก่อนที่จะเข้าสู่ปรากฏการณ์ลานีญาอย่างเต็มตัว และยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนที่กว่าที่ลานีญาตจะเริ่มส่งผลต่อสภาพอากาศ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ในปีนี้อุณหภูมิจะยังคงสูงต่อไป จนสามารถทำลายสถิติของปีที่แล้ว หากลานีญาที่เกิดในปีนี้ไม่รุนแรงมากเพียงพอ แม้ลานีญาจะเป็น "ขั้วตรงข้าม" ของเอลนีญา แต่ไม่ได้หมายความว่าผลกระทบของเอลนีโญและลานีญาจะตรงกันข้ามเสมอไป พาเมลา น็อกซ์ นักอุตุนิยมวิทยาการเกษตรจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียเอ็นเทนชัน กล่าวว่า "ผลกระทบที่เกิดขึ้นเอลนีโญและลานีญาจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคของโลก แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้นักพยากรณ์อากาศคำนวณได้ว่า ในอีกไม่กี่เดือนหน้าจะมีสภาพภูมิอากาศอย่างไร" ขณะที่ มิกกี้ แกรนท์ ผู้อำนวยการสมาคมเสริมสร้างขีดความสามารถ แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโดโบลเดอร์ ตั้งข้อสังเกตว่าลานีญาไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้รูปแบบการเกิดฝนและความร้อนในบางภูมิภาครุนแรงขึ้นอีกด้วย "พื้นที่ไหนที่ปรกติแล้วมีฝน ฝนจะชุกกว่าเดิม แต่ถ้าแห้งแล้งอยู่แล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่จะแห้งแล้งกว่าเดิม" แกรนท์กล่าว ลานีญาส่งผลอย่างไรกับประเทศไทย ข้อมูลจาก NOAA ได้ระบุไว้ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสภาพภูมิอากาศจากปรากฏการณ์ลานีญา สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง คือ ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ และ เดือนมิถุนายน-สิงหาคม โดยในแต่ละภูมิภาคของโลกจะได้รับผลกระทบที่แตกต่างกันออกไป สำหรับ ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาที่ติดกับมหาสมุทรอินเดีย คาบสมุทรมลายูและอินโดจีน จะมีภูมิอากาศร้อนชื้น ส่วนแอฟริกากลางฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกชุก ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก รัฐอลาสกาและแคนาดาฝั่งตะวันตก รวมถึงทางตอนใต้ของออสเตรเลียจะมีอากาศร้อน ขณะที่ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ลานีญาจะสร้างผลกระทบต่อกลุ่มประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก ในทวีปเอเชีย โอเซียเนีย อเมริกากลางและอเมริกาใต้ ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า ปรากฏการณ์ลานีญาจะส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยส่วนใหญ่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนและต้นฤดูฝนเป็นระยะที่ลานีญามีผลกระทบต่อสภาวะฝนของประเทศไทยชัดเจนกว่าช่วงอื่น และพบว่าในช่วงกลางและปลายฤดูฝนลานีญามีผลกระทบต่อสภาวะฝนของประเทศไทยไม่ชัดเจน สำหรับอุณหภูมิปรากฏว่า ลานีญามีผลกระทบต่ออุณหภูมิในประเทศไทยชัดเจนกว่าฝน โดยทุกภาคของประเทศไทยมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติทุกฤดู และพบว่าลานีญาที่มีขนาดปานกลางถึงรุนแรงส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยสูงกว่าปกติมากขึ้น ขณะที่อุณหภูมิต่ำกว่าปกติมากขึ้น "ภาวะโลกร้อน" ให้พยากรณ์ความรุนแรง "ลานีญา" ยากขึ้น ยังไม่มีใครรู้ว่าสภาพอากาศในปีนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เนื่องจาก "ภาวะโลกร้อน" ทำให้การทำนายความรุนแรงของลานีญาทำได้ยากกว่าเดิม เรามักจะคุ้นเคยกับคำกล่าวที่ว่า "ปีเอลนีโญเป็นปีร้อน ปีลานีญาเป็นปีเย็น" แต่ในตอนนี้ปีลานีญากลับร้อนกว่าปีเอลนีโญเมื่อ 20 ปีที่แล้วเสียอีก "ระบบภูมิอากาศโลกในปัจจุบันแตกต่างไปจากรูปแบบที่เราเคยใช้คำนวณสภาพอากาศก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่เราจะสามารถพยากรณ์อากาศได้แม่นยำ" แกรนท์กล่าว NOAA ได้แสดงภาพการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศว่ากระทบต่อความรุนแรงของเอลนีโญและลานีญา โดยเปรียบเทียบกับการนั่งบนชิงช้า เอลนีโญและลานีญาเปรียบเป็นคนที่นั่งอยู่บนชิงช้า ซึ่งชิงช้าจะมีแรงเหวี่ยงเป็นของตนเองตามความรุนแรงของเอลนีโญและลานีญา แต่เมื่อมีภาวะโลกร้อนเข้ามาเสริมแรง ก็จะทำให้แรงเหวี่ยงของชิงช้าเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหากยังคงปล่อย "ก๊าซเรือนกระจก" ในปริมาณเท่าเดิมไปเรื่อย ๆ พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดหลายแห่งของโลก เช่น ภูมิภาคแอนเดียนในอเมริกาใต้ ทางตอนใต้ทะเลทรายซาฮาราในแอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะเผชิญกับสภาพอากาศสุดขั้วที่รุนแรงมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิที่สูงกว่าเดิม น้ำท่วมหนักขึ้น และภัยหนาวที่รุนแรง สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว ช่วงเวลาที่เหลือของปี 2024 นับเป็นเคสสำคัญในการศุกษาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความแปรปรวนทางธรรมชาติ พร้อมเตรียมรับมือกับสภาพอากาศสุดขั้ว ที่มา: BBC1, BBC2, Vox https://www.bangkokbiznews.com/environment/1125365
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#8
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
วิกฤต "ปะการังฟอกขาว" ในยุคทะเลเดือด "อ.ธรณ์" ชี้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูง ส่งผลต่อปะการังฟอกขาว แบ่งเป็น 4 ระดับ ปะการังฟอกขาวทะเลไทย ขณะที่กว่า 50 ประเทศกำลังเผชิญปัญหา หากฝนตกต่อเนื่องจะช่วยลดความรุนแรงได้ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาเป็นเวลาอันยาวนาน ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น และเกิดสภาพอากาศแปรปรวน (climate change) จากข้อมูลปี 2023 ระบุว่า โลกมีอุณหภูมิร้อนกว่ายุคก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรมประมาณ 1.48 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิน้ำทะเลสูงสุดเช่นกัน เมื่อน้ำร้อนก็ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ปะการัง ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration) หรือ NOAA ได้ประกาศว่าเป็นปะการังฟอกขาวครั้งที่ใหญ่ที่สุด เป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ สำหรับปะการังฟอกขาว เป็นสภาวะที่ปะการังสูญเสียสาหร่ายเซลล์เดียวที่อาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อ ทำให้ปะการังอ่อนแอเพราะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอและปะการังอาจตายไปในที่สุดถ้าหากไม่สามารถทนต่อสภาวะนี้ได้ 4 ระดับ "ปะการังฟอกขาว" ล่าสุดวันนี้ (4 พ.ค.2567) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า ปะการังในทะเลไทยกำลังฟอกขาวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปะการังจะแสดงอาการผิดปรกติเมื่อน้ำร้อนเกิน 30.5-31 องศาฯ ระยะเวลาเร็วช้าขึ้นกับว่าน้ำร้อนกว่าเส้นวิกฤตแค่ไหน น้ำทะเลตลอดเดือนเมษายน ร้อนเกินวิกฤตทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งปะการังแต่ละชนิดทนร้อนไม่เท่ากัน เมื่อน้ำร้อนจัด เกิดความผิดปรกติ ปะการังเริ่มปล่อยตัวช่วยออกไปจากเนื้อเยื่อ ซูแซนเทลลีทำให้ปะการังมีสีสัน เมื่อปล่อยออกไป ปะการังนอกจากอดได้พลังงาน ยังมีสีซีดจางลง ตามขั้นตอนต่อไปนี้ - เลเวลหนึ่ง ปะการังมีสีซีดจาง บอกว่าแย่แล้ว เริ่มปล่อยซูแซนเทลลีแล้วนะ - เลเวลสอง สีเริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นสีแปลกๆ สวยดีแต่แย่หนัก ใกล้เข้าห้องไอซียู - เลเวลสาม กลายเป็นสีขาว ผู้ช่วยโดนเลย์ออฟหมดแล้ว ปี๊ป่อมารับ ปะการังเข้าห้องไอซียู ตอนนี้ต้องขึ้นกับโชคชะตาว่าฝนจะตกน้ำจะเย็นลงไหม หากฟ้าทะเลเป็นใจ ปะการังอาจฟื้นกลับมา รับผู้ช่วยที่มีอยู่ในน้ำอยู่แล้ว ให้กลับมาทำงานในเนื้อเยื่อ ปะการังอาจฟื้นได้ - เลเวลสี่ เผาจริง ตายแล้วตายลับ น้ำจะร้อนจะเย็น ฉันก็ไปสวรรค์แล้ว อย่างไรก็ตาม ปะการังอาจตายเพียงบางส่วน เช่นในภาพ หากน้ำเย็นลงทัน ปะการังส่วนอื่นๆ ยังรอด ตัวปะการังอาจค่อยๆ ลามมา หรือแม้แต่ตายทั้งก้อน ยังเป็นฐานให้สัตว์อื่นลงเกาะ รวมถึงลูกปะการังเกิดใหม่ แต่ถ้าทะเลเดือดรุนแรง พ่อแม่ตายเยอะ ลูกก็เหลือน้อย ทุกอย่างพัวพันเป็นลูกโซ่ โลกยิ่งร้อน คนยังคงซ้ำเติมทะเล ปะการังในโลกจะตกอยู่ในภาวะวิกฤต การศึกษาล่าสุดพบว่า หากโลกร้อนเกิน 1.5 องศา ปะการัง 99% ในโลกอาจหมดไป (world economic forum) ปีที่แล้ว โลกร้อนขึ้น 1.48 องศา ซึ่งอาจเหลือเวลาเพียง 5-6 ปี ที่จะหยุดโลกไม่ให้ร้อนเกิน 1.5 องศาฯ ทะเลร้อน ปะการังฟอกขาวยังไม่จบ ผศ.ดร.ธรณ์ เปิดเผยภาพผลสำรวจ แนวปะการัง จ.ตราด 8 แห่ง พื้นที่หมู่เกาะหมาก 6 แห่ง-เกาะผี เกาะขาม เกาะกระดาด เกาะหมากตะวันตกเฉียงเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และทางใต้หมู่เกาะกูด 2 แห่ง?เกาะแรดและแนวปะการังกลางน้ำ ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat พบว่าสถานการณ์ฟอกขาวยังไม่จบ ทะเลยังร้อนอยู่ โดยระบุเป็นความเสี่ยง 3 ระดับ ดังนี้ - เสี่ยงมาก เป็นแนวปะการังติดฝั่ง เช่น รอบๆ เกาะหมาก เกาะกระดาด เกาะขามบริเวณนี้น้ำตื้น ไหลเวียนไม่ค่อยดี น้ำร้อนและโดนแดดเยอะ ยังเป็นเขตฟอกขาวซ้ำซ้อน ส่วนหัวตายตามที่เคยเล่าไว้ ปะการังมีชีวิตพบเฉพาะด้านข้างและกำลังฟอกขาวตรงขอบแนวน้ำลึกหน่อย ปะการังมีชีวิตทั้งก้อน แต่ด้วยน้ำที่ร้อนจัด ทำให้ส่วนใหญ่เปลี่ยนสี และบางส่วนเริ่มฟอกจนเป็นสีขาวทั้งก้อน - เสี่ยงปานกลาง เกาะแรด อยู่ลึกกว่า น้ำไหลไปมาได้ แต่มีปะการังเขากวางที่ไม่ค่อยทนต่อการฟอกขาว อีกทั้งยังมีการท่องเที่ยว - เสี่ยงน้อย เกาะผี น้ำไหลเวียนดี น้ำลึก ฟอกขาวแค่บางชนิด การท่องเที่ยวควบคุมดี อย่างไรก็ตาม ปะการังทนมาจนใกล้ถึงลิมิต หากน้ำร้อนต่อไปอีก 1-3 สัปดาห์ เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก สำหรับปะการังที่เสี่ยงสูงจะรอดยากขึ้น พวกเสี่ยงปานกลางอาจมีปะการังบางกลุ่มตาย ในขณะที่เสี่ยงน้อยยังพอไหว แต่สภาพจะโทรมลงกว่านี้ 54 ประเทศทั่วโลกเผชิญปัญหาปะการังฟอกขาว ผศ.ดร.ธรณ์ เปิดเผยว่า ปะการังฟอกขาวเกิดขึ้นมาหลายครั้ง ซึ่งประวัติศาสตร์มีอยู่ 4 ครั้งเท่านั้นซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 และมี 54 กว่าประเทศ ใน 3 มหาสมุทร ทั้ง แปซิฟิก แอตแลนติก อินเดีย ที่กำลังเผชิญกับปะการังฟอกขาว บางประเทศเกิดขึ้นไปแล้ว บางประเทศกำลังเริ่มจะเกิดอย่างรุนแรง รวมถึงประเทศไทยด้วย เช่น ทะเลฝั่งอ่าวไทย หาดเจ้าหลาว จ.จันทบุรี เกาะช้าง เกาะหมาก เกาะกระดาด จ.ตราด เกิดปะการังฟอกขาว 30-50% บางพื้นที่ เกิน 50% ถ้าปัญหาไม่รุนแรงต่อเนื่อง ปะการังฟอกขาวก็อาจจะฟื้นได้ โดยปะการังติดฝั่ง ได้รับผลกระทบสูงสุด เพราะน้ำตื้นและร้อน ล่าสุด เดือน พ.ค.อุณหภูมิน้ำทะเลสูงถึง 34-35 องศาฯ ถือว่าร้อนที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกมา และถ้ายังร้อนต่อเนื่องอีกประมาณ 10 วัน โอกาสที่ปะการังฟอกขาวไปแล้วกลับมาฟื้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับปะการังแต่ละชนิด ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ สัตว์น้ำ ไม่เว้นแต่มนุษย์ด้วย ผศ.ดร.ธรณ์ ยังกล่าวว่า ถ้าฝนเริ่มตก และตกอย่างต่อเนื่องจะทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลลดลง "ถ้าฝนตกต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลลดเหลือ 29-30 องศาฯ อาจจะมีโอกาสรอดได้" ผศ.ดร.ธรณ์ ระบุว่า ถึงแม้ปรากฏการณ์เอลนีโญจะจบเดือนพฤษาคมนี้ แต่ผลกระทบยังไม่หมดยังส่งผลกระทบต่ออีก 1-2 เดือน https://www.thaipbs.or.th/news/content/339676
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|