#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2567
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุม ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย รวมทั้งระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มและเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ฝุ่นละอองในระยะนี้: ภาคเหนือมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน และการระบายอากาศในบริเวณดังกล่าวอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดี สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันลดลงเนื่องจากมีฝนเพิ่มมากขึ้น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 8 ? 13 พ.ค. 67 แนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 8 - 13 พ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับในช่วง 9 ? 11 พ.ค. 67 ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมทั้งมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย รวมทั้งระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ตำรวจน้ำไล่สกัด เรือประมงเวียดนาม 5 ลำ ลักลอบจับปลาน่านน้ำไทย ตำรวจน้ำ สกัดจับเรือประมงเวียดนาม 5 ลำ พร้อมลูกเรือ 23 ชีวิต ลอบเข้ามาทำประมงในน่านน้ำไทย นำขึ้นที่ท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ส่งพนักงานสอบสวนท้องที่ดำเนินคดี เวลา 13.30 น. วันที่ 6 พ.ค. 67 ที่ท่าเรือ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.ท.นัฐพงศ์ ตาแก้ว รอง ผกก.4 บก.รน., พ.ต.ต.อภิภพ กิจพฤษ์ สว.ส.รน.6 กก.4 บก.รน. (ตำรวจน้ำบางสะพาน) รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการทางทะเล พร้อมกำลังตำรวจน้ำ ในสังกัดกองกำกับการ 4 และชุดปฏิบัติการพิเศษ (มัจฉานุ) กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจน้ำ ร่วมกันนำเรือตรวจการณ์ 630 และเรือ RHB-01 ออกจับกุมเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 ลำ เข้าเทียบท่าเพื่อตรวจสอบ และนำผู้ต้องหาที่เป็นไต๋เรือและลูกเรือชาวเวียดนามรวม 23 คน นำขึ้นฝั่งเพื่อส่ง สภ.บางสะพาน ดำเนินคดี พ.ต.ท.นัฐพงศ์ ตาแก้ว รอง ผกก.4 บก.รน. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากยุทธการฟ้าสางที่ปลายด้ามขวานในพื้นที่อ่าวไทยตอนล่าง พื้นที่รับผิดชอบของ กก.6-7 บก.รน. เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พ.ต.อ.พยงค์ เอี่ยมสกุล ผู้กำกับการกองบังคับการตำรวจน้ำ จึงได้สั่งการมีการสืบสวนและขยายผลอย่างต่อเนื่อง โดยให้นำเรือตรวจการณ์ 630 ออกลาดตระเวน และพบข้อมูลในทางลับว่ามีความเคลื่อนไหวของกลุ่มเรือประมงเวียดนามลอบเข้ามาทำการประมงในน่านน้ำไทย พบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน 5 ลำ กำลังลักลอบทำการประมง ในพิกัดห่างจากชายฝั่งประมาณ 50 ไมล์ทะเล จากชายฝั่งจ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่ในเขตน่านน้ำไทย จึงได้ไล่ติดตามจับกุมตามแบบยุทธวิธี จนสามารถควบคุมเรือประมงได้จำนวน 5 ลำ พร้อมกับลูกเรือจำนวน 23 คน นอกจากนี้บนเรือพบสัตว์น้ำเป็นปลาเบญจพรรณจำนวนประมาณ 600 กิโลกรัมในเรือ จึงเข้าควบคุมนำเรือประมงเวียดนามทั้ง 5 ลำ มาจอดที่ท่าเทียบเรือใน อ.บางสะพาน พร้อมนำชาวประมงเวียดนามทั้ง 23 คนขึ้นมาควบคุม และทำการสอบปากคำเบื้องต้น เพื่อติดตามขยายผลหากลุ่มนายทุนของกลุ่มเรือประมงต่างชาติเหล่านี้ต่อไป ก่อนที่จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.บางสะพาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยตั้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาร่วมกันทำการประมงพาณิชย์ในน่านน้ำไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันใช้เรือไร้สัญชาติทำการประมง, ฝ่าฝืนใช้เรือที่มีสัญชาติต่างประเทศทำการประมงในเขตน่านน้ำไทย มีและใช้เครื่องวิทยุโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย และผลักดันกลับประเทศต่อไป. https://www.thairath.co.th/news/local/central/2783527
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
พบหลุมยุบใต้ทะเลลึกที่สุดในโลกนอกฝั่งเม็กซิโก นักวิจัยยอมรับไม่อาจหยั่งถึงก้นหลุม หลุมยุบ "ทามจา" ซึ่งอยู่ใต้ทะเลนอกชายฝั่งเม็กซิโก กลายเป็นหนึ่งในหลุมยุบที่ลึกที่สุดในโลกจากการสำรวจครั้งล่าสุดด้วยความลึกกว่า 400 เมตร และจนบัดนี้ บรรดานักวิจัยก็ยังไม่สามารถลงไปสำรวจถึงก้นหลุมแห่งนี้ได้ "หลุมยุบ" หรือ Sinkhole เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติและถือเป็นธรณีพิบัติอย่างหนึ่ง มักเกิดจากการยุบตัวของชั้นดินและกิน มีลักษณะของพื้นผิวที่พังทลายลงสู่ใต้ดิน ขนาดของปากหลุมและความลึกจะแตกต่างกันไป? เมื่อหลุมยุบเกิดในทะเลหรืออยู่ใต้ผิวน้ำทะเล จะมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Blue hole ซึ่งทั่วโลกมีอยู่หลายแห่ง? เดิมที หลุมยุบ "ทามจา"(Taam Ja' Blue Hole) ที่อยู่นอกชายฝั่งเม็กซิโก บริเวณอ่าวเชตูมัล ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหลุมยุบใต้ทะเลที่มีความลึกมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก? แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมวิจัยที่เผยแพร่บทความในวารสาร Frontrtiers in Marine Science เผยว่า หลุมยุบทามจาอาจจะลึกกว่าที่เคยประเมินกันไว้ เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่ได้จากทีมนักประดาน้ำที่ลงไปสำรวจหลุมยุบใต้ทะเลแห่งนี้เมื่อเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว ผู้เขียนรายงานยืนยันว่า หลุมยุบทามจาคือหลุมยุบใต้ทะเลที่ลึกที่สุดเท่าที่มีการสำรวจในปัจจุบัน โดยวัดระดับน้ำลึกภายในหลุมได้มากกว่า 420 mbsl หรือ 420 เมตรจากระดับน้ำทะเล? ตัวเลขนี้เป็นระดับที่ทีมนักประดาน้ำสำรวจวัดได้ และเป็นระดับความลึกที่พวกเขายังลงไปไม่ถึงก้นหลุมใต้ทะเลแห่งนี้ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังเป็นระดับที่ลึกกว่าทะเลชั้น Mesopelagic Zone ซึ่งมีระดับความลึกที่ 200-1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า "โซนสนธยา" (Twilight Zone) เพราะแสงสว่างสามารถส่องลงมาถึงทะเลในชั้นนี้เพียง 1% เท่านั้น ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่า หลุมยุบทามจาน่าจะมีความลึกราว 274 mbsl ซึ่งเป็นการวัดด้วยอุปกรณ์ปล่อยคลื่นเสียงสะท้อนและนำข้อมูลระยะเวลาการเดินทางของคลื่นที่ไปตกกระทบพื้นผิวหรือวัตถุ มาคำนวณขนาดของพื้นที่ใต้ทะเล? แต่เนื่องจากรูปทรงของหลุมยุบนั้นไม่แน่นอน และน้ำทะเลภายในก็มีความหนาแน่นในระดับที่แตกต่างกันไป การใช้วิธีนี้จึงมีข้อจำกัดและทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนได้? ในการสำรวจครั้งใหม่นี้ ทีมวิจัยได้ใช้อุปกรณ์และวิธีการวัดแบบใหม่ที่ได้ผลดีกว่า เรียกว่า SWiFT CTD ซึ่งสามารถวัดได้ทั้งค่าการนำไฟฟ้าของน้ำ, อุณหภูมิและความลึกใต้น้ำ แต่ถึงอย่างนั้น อุปกรณ์ดังกล่าวก็ยังไม่สามารถลงไปจนถึงก้นบึ้งของหลุมยุบแห่งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ระดับความลึกของหลุมยุบทามจาที่วัดได้ใหม่นี้เป็นตัวเลขที่สูงกว่าระดับความลึกของหลุมยุบใต้ทะเลแห่งอื่น ๆ เช่น หลุม Sansha Yongle Blue Hole หรือ "หลุมมังกร" ในทะเลจีนใต้ ซึ่งวัดความลึกได้ 301 mbsl, หลุมยุบ Dean?s Blue Hole ในแถบหมู่เกาะบาฮามาส์ ซึ่งคาดว่ามีความลึกราว 202 mbsl และหลุมยุบ Dahab Blue Hole ในอียิปต์ ที่คาดว่าลึกประมาณ 130 mbsl? นักวิทยาศาสตร์มองว่าหลุมยุบใต้ทะเลเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งน่ากลัว แต่มีความสำคัญทางต่อสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล เพราะความหลากหลายทางชีวภาพที่อยู่ภายในหลุม ซึ่งจะมีสัตว์ทะเลหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ ตั้งแต่ปะการัง, ฟองน้ำ, ปลา, เต่าไปจนถึงงูทะเล ปัจจุบัน มนุษย์ยังมีความรู้เกี่ยวกับหลุมยุบใต้ทะเลเหล่านี้น้อยมาก เพราะเป็นพื้นที่ที่เข้าถึงยาก บางหลุมก็มีทางเข้าที่เล็กเกินไป ทำให้การสำรวจเป็นไปอย่างลำบาก นอกจากนี้ก็ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ใต้ทะเลมีหลุมยุบอยู่กี่แห่งและอยู่ตรงไหนบ้าง หลุมยุบที่มีการสำรวจและบันทึกตำแหน่งในปัจจุบันนั้น ส่วนใหญ่จะได้ข้อมูลบอกตำแหน่งที่ส่งผ่านมาจากชาวประมงและนักประดาน้ำในพื้นที่มากกว่าจะได้มาจากการสำรวจของนักวิจัยทางทะเลโดยตรง ที่มา : cbsnews.com เครดิตภาพ : GETTY IMAGES, ALC?RRECA-HUERTA ET AL. FRONTIERS IN MARINE SCIENCE (2024) https://www.dailynews.co.th/news/3407175/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
"ดร.ธรณ์" ตอบชัด น้ำฝนช่วยปะการังจากอาการฟอกขาวได้นิดเดียว ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ฝนตกลงมาแล้ว จะช่วยปะการังจากอาการฟอกขาวได้บ้าง แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ ลดโลกร้อนและดูแลแนวปะการังยามอ่อนแอ อย่ากินปลานกแก้ว-ฉลาม และลดขยะให้มากสุด วันนี้ (7 พ.ค.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์อธิบายเมื่อฝนตกลงมาแล้ว จะช่วยปะการังได้แค่ไหน? โดยระบุว่า "ปัจจัยปะการังฟอกขาวที่สัมพันธ์กับฝน ลองสังเกตภาพ จะเห็น 4 ปัจจัยหลัก ตัวอักษรไม่เท่ากันตามความสำคัญ น้ำร้อน - นั่นคือสาเหตุหลัก น้ำร้อนเกิน 30.5-31 องศาต่อเนื่องกัน 3-4 สัปดาห์ ปะการังเริ่มแสดงอาการฟอกขาว ฝนตกช่วยได้ไหม ? คำตอบคือได้นิดหน่อย แต่น้ำร้อนอาจเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของโลกร้อน เช่น marine heatwave ฯลฯ ฝนช่วยได้บ้าง แต่น้ำฝนน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำทะเล ในที่ลึกแทบไม่มีผล ยกเว้นในบริเวณชายฝั่งน้ำตื้น ฝนอาจช่วยได้มากขึ้น แสงแดด - ปะการังที่อ่อนแอและใกล้ฟอกขาวจะเกลียดแดดแรง ฝนช่วยตรงนี้ได้ หรือแม้กระทั่งฝนไม่ตก เมฆเต็มฟ้าก็ช่วยบังแดดได้เยอะ เรามีแนวคิดช่วยสร้างที่บังแดด shading ให้ปะการัง เมฆเต็มฟ้าคือ shading ธรรมชาติ แต่ต้องต่อเนื่องนานๆ ไม่ใช่มาวันเว้นไปหลายวัน น้ำนิ่ง - หากน้ำร้อนแช่นาน ปะการังยิ่งแย่ ช่วงนี้เราต้องการน้ำไหลไปมา คิดง่ายๆ ก็เหมือนพวกเรา อากาศร้อนอ้าว ลมนิ่ง มีพัดลมหรืออยู่ในที่อากาศถ่ายเทย่อมดีกว่า (ปะการังไม่มีแอร์) ลมที่มาพร้อมกับฝนช่วยให้เกิดคลื่น น้ำกระเพื่อม เรื่องนี้มีส่วนช่วยได้ แต่ถ้าแรงมากเป็นพายุฤดูร้อน อย่างนั้นก็อาจทำปะการังหักพัง น้ำลงต่ำ - น้ำยิ่งลงต่ำยิ่งร้อนจัด หากลงต่ำจนแห้ง ปะการังตากแดดแรง อันนี้คือฟางเส้นสุดท้ายบนหลังลา ในกรณีนี้ฝนให้ได้ข้อดีและข้อเสีย ถ้าน้ำลงแต่ไม่ต่ำเกินไป ฝนช่วยบังแดดลดอุณหภูมิน้ำ แต่ถ้าตกช่วงน้ำแห้งปะการังโผล่ น้ำฝนคือน้ำจืด อาจทำให้ความเค็มเปลี่ยนฉับพลัน ปะการังแย่เหมือนกันฮะ อื่นๆ - ฝนอาจพาตะกอนจากชายฝั่งลงทะเล ซ้ำเติมปะการังมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตะกอนจากการเปิดหน้าดิน ฯลฯ ปัญหานี้มักเกิดตามเกาะที่ฝนตกน้ำไหลลงแนวปะการังโดยตรง ทั้งหมดนั้นคือเรื่องฝนกับปะการังฟอกขาว สรุปง่ายๆ คือมีฝนย่อมดีกว่า แต่ถ้ามาเป็นวูบก็อาจช่วยอะไรไม่ได้มาก ต้องมาต่อเนื่องแทบทุกวัน นอกจากนี้ โลกร้อนทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลโดยรวมสูงขึ้นจนทำลายสถิติ ฝนอาจช่วยในกรณีนี้ไม่ได้ พวกเราช่วยได้มากกว่า มาช่วยกันลดโลกร้อนและดูแลแนวปะการังยามอ่อนแอ อย่าให้อาหารปลา อย่ากินปลานกแก้ว/ฉลาม ลดขยะให้มากสุด หวังว่าเพื่อนธรณ์คงเพลิดเพลินกับเลกเชอร์เรื่องฝนและปะการังฟอกขาวนะฮะ" https://mgronline.com/onlinesection/.../9670000039415
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
อ.ธรณ์ เผยน้ำทะเลไทยร้อนที่สุด!! หายนะปะการังฟอกขาวเพิ่งเริ่มต้น วันนี้ (6 พฤษภาคม 2567) ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเกาะติดสถานการณ์แนวปะกะรังฟอกขาวในประเทศไทยเนื่องจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ โดยแจ้งความคืบหน้าทางเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat??บอกว่า น้ำทะเลไทยร้อนที่สุดตั้งแต่เคยตรวจวัดมา หายนะปะการังฟอกขาวเพิ่งเริ่มต้น เราอาจเจอระดับรุนแรงสุดๆ ???? ซึ่งเป็นข้อมูลของ NOAA** สถาบันหลักของโลกในด้านนี้ ผมขออธิบายเพิ่มเติมครับ ภาพแรก : คือกราฟอุณหภูมิผิวหน้าน้ำทะเล เราตรวจวัดโดยใช้ดาวเทียม ย้อนไปได้ตั้งแต่ปี 1985 อันเป็นจุดเริ่มที่เราใช้ดาวเทียมวัดอุณหภูมิน้ำเป็นครั้งแรก เส้นสีดำคือกราฟของปีนี้ 2024 จะเห็นว่าอุณหภูมิน้ำในช่วงนี้อยู่เหนือทุกเส้น ทำลายสถิติในรอบ 40 ปี (และอาจเป็นตลอดกาลแต่ก่อนหน้านั้นเราวัดไม่ได้) สอดคล้องกับข้อมูลน้ำจากสถานีโทรมาตรของคณะประมงที่เพิ่งนำมาให้เพื่อนธรณ์ดู ยังสอดคล้องกับข้อมูลจากหลายหน่วยที่รายงานกันเข้ามา น้ำทะเลช่วงนี้ร้อนสุดๆ ????เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยน้ำทะเล 40 ปี (ดูดีๆ จะเห็น + สีม่วง) จะเห็นว่าน้ำร้อนจัดต่อเนื่อง 2 เดือน คือเมษายนและพฤษภาคม ก่อนจะเย็นลงนิดเมื่อถึงเดือนมิถุนายน เพราะเข้าหน้าฝนแล้ว หมายความว่าน้ำทะเลที่ร้อนจัดจนทำลายสถิติ อาจอยู่กับเราไปอย่างน้อย 3-4 สัปดาห์ แน่นอนว่าส่งผลกับปะการัง ???? คราวนี้มาดู ภาพสอง : เป็นแผนที่มีสีต่างๆ นั่นคือระดับการฟอกขาวของปะการัง เริ่มจากมุมซ้ายบน เป็นสถานการณ์ปัจจุบัน สีส้มคือ warning (เฝ้าระวัง) สีแดงคือ Alert L1 (ฟอกขาว) ข้อมูลค่อนข้างตรงกับรายงานจากฝ่ายต่างๆ ปะการังตามชายฝั่งเริ่มฟอกแล้ว ปะการังเกาะห่างฝั่งยังอยู่ระดับสีซีด สังเกตภาพเกจวัด หากดูสถานการณ์รวม ตอนนี้เราอยู่ในระดับ Alert 1 หรือฟอกขาว เขยิบไปภาพมุมขวาบน (week 1-4 ต่อจากนี้) สีส้มหายไปเกือบหมด กลายเป็นสีแดง (ฟอกขาว) และสีแดงเข้ม (ฟอกขาวรุนแรง) หมายความว่าเราจะเจอปะการังฟอกขาวหนักขึ้นตลอดเดือนพฤษภาคม ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ???? ฝนอาจบรรเทาได้บ้าง แต่ก็ต้องลุ้นว่าได้แค่ไหน เพราะหากน้ำยังร้อนต่อเนื่อง ฝนก็แค่ช่วยนิดหน่อย เกจวัดเด้งไปอยู่ Alert 2 แล้วครับ ???? คราวนี้มาดูภาพมุมซ้ายล่าง 4-8 อาทิตย์ต่อจากนี้ คิดง่ายๆ ประมาณเดือนมิถุนายน แม้อุณหภูมิน้ำเริ่มลดลงนิดหน่อย แต่ปะการังที่แช่น้ำร้อนมาตลอดเมษา-พฤษภา อ่อนแอมากจนยังเกิดการฟอกขาวต่อเนื่อง เดือนมิถุนายนอาจเป็นเดือนที่เราเห็นปะการังขาวโพลนทั่วทะเลไทย แม้เข้าหน้าฝน แต่ก็อาจสายไปแล้ว เกจวัดยังคงอยู่สเกลสูงสุด Alert 2 สุดท้าย จากภาพมุมขวาล่าง 9-12 อาทิตย์ต่อจากนี้ ประมาณกรกฎาคม การฟอกขาวเริ่มสิ้นสุด เราจะรู้ได้ว่าปะการังตายหรือรอดแค่ไหน ถ้าดูจากสถานการณ์ทั้งหมด หนนี้คงเป็นการฟอกขาวครั้งใหญ่ และอาจมากกว่าปี 2553 ซึ่งเป็นการฟอกขาวครั้งใหญ่สุดของไทย (ฟอกทั้งอ่าวไทยและอันดามัน) จึงอยากบอกเพื่อนธรณ์ว่า ที่ผ่านมาเป็นแค่เผาหลอก ทะเลเดือดระดับเผาจริงจะเริ่มนับจากนี้เป็นต้นไป ปะการังจะฟอกขาวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงปลายมิถุนายน เป็นเรื่องที่น่าหดหู่อย่างยิ่ง แต่ก็ต้องพยายามต่อไป ช่วงนี้ผมออกทะเลทุกอาทิตย์ครับ???????? หมายเหตุ** NOAA อ่านว่า โนอา คือ องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (National Oceanic and Atmospheric Administration)เป็นหน่วยงานด้านวิทยาศาตร์ของสหรัฐอเมริกาอยู่ในกำกับของกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา โดยมุ่งเน้นไปที่สภาวะของมหาสมุทร และชั้นบรรยากาศ อ.ธรณ์ บอกว่านอกจากสำรวจปะการังฟอกขาว????เพื่อเตรียมมาตรการอนุรักษ์ต่างๆ การช่วยปะการังในยุคนี้ยังรวมถึงการทดลองนำปะการังที่อยู่ในสภาพย่ำแย่ขึ้นมาพักฟื้นในบ่อที่มีน้ำเย็น แม้วิธีนี้อาจทำได้เพียงไม่กี่ก้อน และเป็นในระดับงานวิจัย แต่หลายประเทศกำลังให้ความสำคัญ รวมถึงการเก็บสะสมพ่อแม่พันธุ์และการพัฒนาสายพันธุ์ที่ทนน้ำร้อนได้ดีขึ้น งานพวกนี้ยังไม่เห็นผลเป็นพื้นที่กว้างๆ ยังเป็นแค่งานนำร่องสู่อนาคตที่ทะเลจะร้อนกว่านี้ และทางรอดของปะการังในธรรมชาติเหลือน้อยเต็มทีหากเราไม่เตรียมการไว้เพื่อช่วยเหลือ คงต้องยอมรับว่า เมื่อมนุษย์เปลี่ยนโลกไปถึงขนาดนี้ การช่วยที่เห็นผลในเวลาสั้นและทำได้ง่าย คงไม่มีอยู่จริง แต่เราก็ต้องพยายามสุดกำลัง หาทุกหนทางเพื่อให้ปะการังอยู่คู่โลกต่อไป ใช่ไหมครับ???????? https://mgronline.com/greeninnovatio.../9670000038971
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#6
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
จีนพบทรัพยากรเภสัชกรรมในน้ำลึก ยังไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อน ที่มา/ภาพ สำนักข่าวซินหัว คณะนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลของจีนค้นพบผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากจุลินทรีย์ใต้ทะเลลึก ซึ่งยังไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อน และอาจมีศักยภาพด้านเภสัชอุตสาหกรรม รายงานระบุว่า จุลินทรีย์ชนิดต่างๆ ในทะเลลึกเติบโตตามการไหลซึมทางธรณีวิทยาของไฮโดรคาร์บอนและสารประกอบอนินทรีย์ สวนทางกับระบบนิเวศบนพื้นดินที่พึ่งพาแสงอาทิตย์ โดยสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากกลุ่มยีนชีวสังเคราะห์ (BGCs) ในการสังเคราะห์ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ซึ่งอาจมีคุณสมบัติต่อต้านจุลินทรีย์ และกลายเป็นวิธีใหม่ในการต่อสู้กับการติดเชื้อดื้อยา ทีมนักวิทยาศาสตร์ นำโดยคณะนักวิจัยจากสถาบันสมุทรศาสตร์แห่งที่ 3 สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ได้วิเคราะห์แกนตะกอน 22 แกนจากร่องความเย็นไหลซึม 9 แห่ง และพบกลุ่มยีนชีวสังเคราะห์ที่แปลงผลิตภัณฑ์ธรรมชาติจากอาร์คีล และไฟลาแบคทีเรีย 63 ชนิด ผลการศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสารไซแอนซ์ แอดวานซ์ (Science Advances) เมื่อไม่นานนี้ ระบุว่า กลุ่มยีนชีวสังเคราะห์ปริมาณมากที่ค้นพบมีแนวโน้มแปลงสารประกอบต้านจุลชีพ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนอาวุธเคมีสำหรับหลบหลีกกลไกป้องกันตัวของโฮสต์และการแข่งขันภายในประชากรจุลินทรีย์ อนึ่ง การค้นพบนี้อาจเป็นแนวทางบ่งชี้สารประกอบต้านจุลชีพและยาประเภทอื่นๆ อันไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน https://mgronline.com/china/detail/9670000037352
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#7
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
สายดำน้ำห้ามพลาด! "Thailand Dive Expo" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร ถึงเวลาที่เหล่านักดำน้ำรอคอย สำหรับงาน Thailand Dive Expo มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร (TDEX) จัดโดย บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ปีนี้ฉลองยิ่งใหญ่ครบรอบ 20 ปี ขนโปรโมชั่นและกิจกรรมพิเศษมาแบบอัดแน่น เปิดให้นักดำน้ำจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาร่วมกิจกรรมหรือช้อปกันได้ตั้งแต่วันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เสริมความยิ่งใหญ่จัดเต็มจัดร่วมกับงานสุดโปรดของสายกีฬาแอดเวนเจอร์อย่าง Thailand Golf Expo และ Outdoor Fest ที่มาพร้อมคอนเซปต์ Ready Set Goal ชวนเตรียมความพร้อมออกไปสนุกแบบไร้ขีดจำกัด บริษัทฯ จึงได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดงาน Thailand Dive Expo มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร (TDEX) ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2547 เพื่อให้ผู้ที่รักการท่องเที่ยว ได้เปิดมุมมองใหม่ของโลกใต้ทะเล รวมถึงได้เข้าถึงการดำน้ำได้ง่ายขึ้น โดยการรวบรวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำ ตั้งแต่คอร์สเรียนไปจนถึงทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ รีสอร์ทใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำแบรนด์ดัง อุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ จัดบูธในงาน ซึ่งการจัดงานในครั้งนั้น ได้รับความสนใจการนักท่องเที่ยวสายแอดเวนเจอร์ชาวไทยที่ต้องการเปิดประสบการณ์การดำน้ำ รวมถึงนักดำน้ำชาวต่างชาติที่กำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำในประเทศไทย จนมีการเรียกร้องให้มีการจัดงานอย่างต่อเนื่อง นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน Thailand Dive Expo (TDEX) เปิดเผยว่า ก้าวต่อไปของงาน Thailand Dive Expo จะมุ่งสู่การเป็นงานมหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจรที่ใหญ่ที่สุด เป็นเบอร์ 1 ของเอเชีย เป็นศูนย์กลางและแหล่งพบปะนักดำน้ำจากทั่วโลกที่ใหญ่และครบครันที่สุด เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในเรื่องการท่องเที่ยว และเป็นการยืนยันว่าประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งดำน้ำที่มีความงดงามเป็นลำดับต้นๆ ของโลก สำหรับการจัดงาน Thailand Dive Expo ครบ 20 ปี ในปี 2567 นี้ จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับงาน Thailand Golf Expo มหกรรมท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟ และงาน Outdoor Fest งานที่รวมกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง ภายใต้งาน ?Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024? ในระหว่างวันที่ 16 ? 19 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ยกขบวนสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำราคาพิเศษพร้อมกับแพ็คเกจสุดอลังการ จากผู้ประกอบการที่จะมาร่วมฉลองครบรอบ 20 ปี มากกว่า 300 บูธ ที่ยกขบวนสินค้า บริการจากในและต่างประเทศเอาใจสายท่องเที่ยว ดำน้ำ กีฬากอล์ฟ และกิจกรรมกลางแจ้ง ที่มาจัดโปรโมชั่นและแพ็คเกจราคาสุดว้าวมาร่วมฉลองครบรอบ 20 ปี โดยเฉพาะ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและดูรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์และเฟซบุ๊ค ? กิจกรรมดำน้ำ ทาง Facebook: TDEX Fanpage หรือเว็บไซต์ thailanddiveexpo.com ? กิจกรรมกีฬากอล์ฟ ทาง Facebook: Thailand Golf Expo หรือเว็บไซต์ thailandgolfexpo.com ? กิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง ทาง Facebook: Outdoor Fest by NCC หรือเว็บไซต์ traveloutdoorexpo.com https://mgronline.com/travel/detail/9670000039042
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#8
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
'โลกร้อน' ทะเลร้อนทะลุ 32 องศา อันตรายจาก 'ปะการังฟอกขาว' ...... โดย เอื้อพันธุ์ l คอลัมน์ จับกระแส เมื่อ 'โลกร้อน' อุณหภูมิน้ำทะเลก็ระอุตาม ยังมีความเค็มและกระแสน้ำที่เปลี่ยนแปลง มลพิษอีก ส่งผลให้เกิด 'ปะการังฟอกขาว' (Coral Bleaching) บางปีน้ำทะเลร้อนทะลุ 32 องศา ในช่วงปลายเดือนเมษาฯ แต่เป็นแค่ ?แตะ? ในระยะเวลาสั้น ๆ จากข้อมูลของ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (FB: Thon Thamrongnawasawat) ที่ศึกษาตามติดเรื่องปะการังฟอกขาว มากว่า 30 ปี พบว่า ในแต่ละปี น้ำทะเลร้อนขึ้น จนใช้คำว่า ทะเลเดือด หมายถึง น้ำร้อนเร็วกว่าปกติ, น้ำร้อนมากกว่าปกติ เช่นเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา โลกร้อน ขึ้นจนบางปีน้ำทะเลร้อนทะลุ 32 องศา ในช่วงปลายเดือนเมษาฯ แต่เป็นแค่ ?แตะ? ในระยะเวลาสั้น ๆ สมัยก่อน น้ำทะเลก็จะร้อนในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิจะวนอยู่ที่ 30-31 องศา แต่ปีนี้ น้ำทะเลเดือดแตะ 33 องศา เริ่มเกิด ปะการังฟอกขาว ในบางพื้นที่ และเป็น ตัวเลขที่น่าตกใจ อย่างยิ่ง ปะการังเป็นสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง มีสารประกอบหินปูนเป็นโครงร่างแข็ง แนวปะการังคือผืนป่าในมหาสมุทร เป็นที่เกิด ที่อยู่อาศัย และที่พักพิงให้สัตว์ทะเลราว 25% ถ้าไม่มีแนวปะการัง ปลาและสัตว์ทะเลจำนวนมากไม่สามารถอยู่รอดได้ ความสำคัญอีกอย่างคือ แนวปะการัง หรือ ป่าฝนแห่งท้องทะเล ช่วยดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากชั้นบรรยากาศ ทำหน้าที่เหมือนต้นไม้ในผืนป่า และเป็นแหล่งกำเนิดของหญ้าทะเลและป่าชายเลน เมื่อถึงหน้าร้อน อากาศร้อนส่งผลให้น้ำทะเลร้อนขึ้น เมื่อทะเลร้อนเกินไป สาหร่ายซูแซนเทลลี ที่อาศัยอยู่กับปะการังจะอพยพออกจากปะการัง ทำให้ปะการังสูญเสียแหล่งอาหารหลัก เหลือเพียงโครงสร้างหินปูนสีซีด จากนั้นอีก 2-3 เดือน ถ้าสาหร่ายไม่กลับมา ปะการังก็จะตาย ดร.ธรณ์ อธิบายว่า เส้นวิกฤตปะการังฟอกขาวที่ใช้กันทั่วโลกคือ 30.5 องศา บอกได้เลยว่า ถ้าอุณหภูมิยังเป็นเช่นนี้อยู่จะเกิดปรากฏการณ์ พรึ่บเดียวขาวโพลน หมายถึง ปะการังจะฟอกอย่างเร็วในเวลา 1-2 สัปดาห์ และมีสัตว์ทะเลอื่นที่ ฟอกขาว จนอาจตายได้ เช่น หอยมือเสือ ดอกไม้ทะเล ช่วงนี้ ใครไปดำน้ำตื้นก็เกือบเหมือนไปออนเซ็น ด้วยอุณหภูมิน้ำทะเลบางแห่งแตะ 34 องศา เป็นทะเลเดือดที่น้ำร้อนที่สุดของปี หลายแห่งเริ่ม ?ฟอกขาว? แล้ว รายงานจากศูนย์อุทยาน ชุมพร ? เกาะจระเข้ เกาะเสม็ด เกาะมะพร้าว เกาะคางเสือ แถบปะการังน้ำตื้น เริ่ม ?ฟอกขาว? ราว 10-30% ถ้าถึงขั้นรุนแรง มาตรการช่วยเบื้องต้นคือ ปิดเกาะ ปิดอุทยาน ย้ายปะการัง ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาป่าฝนแห่งท้องทะเล ถ้า โลกร้อน ต่อเนื่อง ฝนขาดช่วง แหล่งหญ้าทะเลในไทยที่เป็นระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ และเป็นระบบกักเก็บคาร์บอนที่ดีที่สุดในโลก ก็จะหายไป เรียกว่า จุดจบมาเยือนอย่างไม่ทันตั้งตัว ปะการังฟอกขาว เกิดขึ้นทั่วโลก ข้อมูล ของ ดร.ธรณ์ (จากเว็บไซต์ carbonmarkets.club.com) ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์รุ่นอาวุโสของออสเตรเลีย รายงานว่า ตั้งแต่เขาทำงานมาจนเกษียณ เขาไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน จากการสำรวจเกาะ Heron Island สถานีวิจัยสำคัญใจกลางแนวปะการัง Great Barrier Reef พบว่า 16 จุดสำรวจล้วนเกิด ปะการังฟอกขาว ในระดับร้ายแรงสุดขีด ผู้อาวุโสเชื่อว่าอาจตายเกือบทั้งหมด ทุกอย่างใต้น้ำทะเลขาวโพลนคล้ายสุสาน นอกจากนี้ หญ้าทะเล ก็หายไป พะยูนบางส่วนอพยพ บางส่วนตาย ปะการังฟอกขาว ทั่วโลก ล้วนเกิดมาจากความแปรปรวนสุดขีดของทะเลและมหาสมุทร น้ำทะเลร้อนจัดจนกลายเป็นสถิติใหม่ทั่วโลก ค่าเฉลี่ยความร้อนในมหาสมุทรสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกกันมา แม้เอลนีโญกำลังใกล้สิ้นสุด แต่ผลของ โลกร้อน ทำให้อุณหภูมิน้ำไม่ลดลงจนเป็นปกติ ในทางกลับกัน อุณหภูมิน้ำกลับสูงจนทำลายสถิติ ?ทุกคนหวัง ฝนจะมาช่วยลดอุณหภูมิน้ำ เมฆที่เพิ่มขึ้นในหน้าฝนจะช่วยบังแดด ปัญหาคือฝนยังไม่มาตามนัด ขณะที่ปะการังอ่อนแอจนเปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน จากซีดเป็นสีจางเป็นฟอกขาวในเวลาแค่ 3-4 วันเท่านั้น เพราะความร้อนสุดขีดของน้ำทะเลทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เทียบกับปะการังแล้ว หญ้าทะเลไร้หวังยิ่งกว่า เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากหญ้าทะเลตายรุนแรงและโหดร้าย หลายฝ่ายให้ความเห็นตรงกันว่า คงไม่กลับมาภายใน 1-2 ปี คงนานกว่านั้น แต่จะนานกี่ปีไม่มีใครตอบได้ เพราะ ไม่เคยเกิดเหตุการณ์หญ้าทะเลหายหมดเช่นนี้มาก่อน แล้วคนบนบกทำอะไรได้หลายอย่าง (นอกจากบ่น) ดร.ธรณ์ แนะนำว่า ลดขยะทุกวิถีทาง ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ศึกษาชายหาดและฝั่งทะเล สนับสนุนเกษตรอินทรีย์ อย่ากินฉลาม / ปลานกแก้ว / สัตว์หายาก ระวังอย่าแตะเหยียบโดนปะการังและสัตว์น้ำอื่น ๆ เลิกให้อาหารปลา สนับสนุนผู้ประกอบการที่รู้คุณค่าธรรมชาติ ปลูกต้นไม้น้อยรักษาไม้ใหญ่ เที่ยวอย่างรับผิดชอบ ใช้ครีมกันแดดชนิดที่ไม่ทำร้ายปะการัง สนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ / อาสาสมัคร / ปฏิบัติตามกฎระเบียบของพื้นที่ เข้าใจและใส่ใจในการลดก๊าซเรือนกระจก https://www.bangkokbiznews.com/lifes...prakai/1125474
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#9
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
อ.ธรณ์ เฉลยแล้ว! ฝนตกลงมา ช่วยปะการังจากอาการฟอกขาวได้หรือไม่ "ดร.ธรณ์" ไขปม ฝนตก ช่วยชีวิตปะการังฟอกขาว ได้หรือไม่ ฝนให้ได้ข้อดีและข้อเสีย ถ้าน้ำลงแต่ไม่ต่ำเกินไป ฝนช่วยบังแดดลดอุณหภูมิน้ำ แต่ถ้าตกช่วงน้ำแห้งปะการังโผล่ น้ำฝนคือน้ำจืด อาจทำให้ความเค็มเปลี่ยนฉับพลัน ปะการังแย่ วันที่ 7 พ.ค. 2567 ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ไขข้อสงสัยเรื่องของ ปะการังฟอกขาว โดยระบุว่า ฝนตกลงมาแล้ว จะช่วยปะการังได้แค่ไหน? จึงมาอธิบายปัจจัยปะการังฟอกขาวที่สัมพันธ์กับฝน ลองสังเกตภาพ จะเห็น 4 ปัจจัยหลัก ตัวอักษรไม่เท่ากันตามความสำคัญ น้ำร้อน นั่นคือสาเหตุหลัก น้ำร้อนเกิน 30.5-31 องศาต่อเนื่องกัน 3-4 สัปดาห์ ปะการังเริ่มแสดงอาการฟอกขาว ฝนตกช่วยได้ไหม? คำตอบคือได้นิดหน่อย แต่น้ำร้อนอาจเกี่ยวข้องกับความแปรปรวนของโลกร้อน เช่น marine heatwave ฯลฯ ฝนช่วยได้บ้าง แต่น้ำฝนน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำทะเล ในที่ลึกแทบไม่มีผล ยกเว้นในบริเวณชายฝั่งน้ำตื้น ฝนอาจช่วยได้มากขึ้น แสงแดด ปะการังที่อ่อนแอและใกล้ฟอกขาวจะเกลียดแดดแรง ฝนช่วยตรงนี้ได้ หรือแม้กระทั่งฝนไม่ตก เมฆเต็มฟ้าก็ช่วยบังแดดได้เยอะ เรามีแนวคิดช่วยสร้างที่บังแดด shading ให้ปะการัง เมฆเต็มฟ้าคือ shading ธรรมชาติ แต่ต้องต่อเนื่องนานๆ ไม่ใช่มาวันเว้นไปหลายวัน น้ำนิ่ง หากน้ำร้อนแช่นาน ปะการังยิ่งแย่ ช่วงนี้เราต้องการน้ำไหลไปมา คิดง่ายๆ ก็เหมือนพวกเรา อากาศร้อนอ้าว ลมนิ่ง มีพัดลมหรืออยู่ในที่อากาศถ่ายเทย่อมดีกว่า (ปะการังไม่มีแอร์) ลมที่มาพร้อมกับฝนช่วยให้เกิดคลื่น น้ำกระเพื่อม เรื่องนี้มีส่วนช่วยได้ แต่ถ้าแรงมากเป็นพายุฤดูร้อน อย่างนั้นก็อาจทำปะการังหักพัง น้ำลงต่ำ น้ำยิ่งลงต่ำยิ่งร้อนจัด หากลงต่ำจนแห้ง ปะการังตากแดดแรง อันนี้คือฟางเส้นสุดท้ายบนหลังลา ในกรณีนี้ฝนให้ได้ข้อดีและข้อเสีย ถ้าน้ำลงแต่ไม่ต่ำเกินไป ฝนช่วยบังแดดลดอุณหภูมิน้ำ แต่ถ้าตกช่วงน้ำแห้งปะการังโผล่ น้ำฝนคือน้ำจืด อาจทำให้ความเค็มเปลี่ยนฉับพลัน ปะการังแย่เหมือนกันฮะ อื่นๆ อาจพาตะกอนจากชายฝั่งลงทะเล ซ้ำเติมปะการังมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะตะกอนจากการเปิดหน้าดิน ฯลฯ ปัญหานี้มักเกิดตามเกาะที่ฝนตกน้ำไหลลงแนวปะการังโดยตรง ทั้งหมดนั้นคือเรื่องฝนกับปะการังฟอกขาว สรุปง่ายๆ คือมีฝนย่อมดีกว่า แต่ถ้ามาเป็นวูบก็อาจช่วยอะไรไม่ได้มาก ต้องมาต่อเนื่องแทบทุกวัน นอกจากนี้ โลกร้อนทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลโดยรวมสูงขึ้นจนทำลายสถิติ ฝนอาจช่วยในกรณีนี้ไม่ได้ พวกเราช่วยได้มากกว่า มาช่วยกันลดโลกร้อนและดูแลแนวปะการังยามอ่อนแอ อย่าให้อาหารปลา อย่ากินปลานกแก้ว/ฉลาม ลดขยะให้มากสุด หวังว่าเพื่อนธรณ์คงเพลิดเพลินกับเลคเชอร์เรื่องฝนและปะการังฟอกขาวนะฮะ ที่มา : Thon Thamrongnawasawat https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/850102
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|