เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วย ความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 15 - 20 มิ.ย. 67 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในภาคตะวันออก

สำหรับภาคใต้ คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 15 - 20 มิ.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในภาคเหนือและภาคตะวันออก รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ช็อก ชาวเอเชียเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเหตุจากมลพิษทางอากาศมากที่สุดในโลก



ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์เผย ชาวเอเชียมีจำนวนผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากที่สุดในโลก สาเหตุจากฝุ่นมลพิษทางอากาศ PM 2.5 ที่รุนแรงมากขึ้นในรอบ 40 ปีที่ผ่านมา

จำนวนของฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในอากาศที่เพิ่มมากขึ้น กำลังเป็นปัญหาสะสมรุนแรง โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ต้องเผชิญกับรูปแบบสภาพอากาศหลักๆ 3 แบบ จนส่งผลให้สถานการณ์มลพิษทางอากาศยิ่งเลวร้ายลง

โดยผลการศึกษาของนักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางในสิงคโปร์พบว่า การเพิ่มขึ้นของปริมาณ PM 2.5 ในอากาศในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา มีความเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนราว 135 ล้านคนทั่วโลก และยังพบว่า ทวีปเอเชียเป็นทวีปที่มีผู้เสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยมลพิษ PM 2.5 มากที่สุดในโลกในช่วงระหว่างปี 1980-2020

PM 2.5 เป็นมลพิษที่มักจะมากับหมอกควันข้ามแดน โดยมีอนุภาคซึ่งเล็กกว่าเส้นผมโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เท่า เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้คนเมื่อสูดดมเข้าไป นอกจากนี้ฝุ่นมลพิษยังเกิดจากควันเสียของรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับแหล่งที่มาธรรมชาติอย่างเช่น ไฟป่า และพายุฝุ่นด้วย

ทีมนักวิจัยจาก NTU ยังระบุด้วยว่า ปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลทำให้ฝุ่น PM 2.5 เลวร้ายลงอีก เพราะจะเพิ่มความเข้มข้นของอนุภาคในอากาศให้เข้มข้นขึ้น

โดยการศึกษาครั้งนี้ ได้นิยามการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หมายถึงการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ โดยพิจารณาจากอายุขัยเฉลี่ย ซึ่งการเสียชีวิตดังกล่าวมาจากสาเหตุที่ป้องกันหรือรักษาได้ เช่น โรคต่างๆ รวมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม.

ที่มา : channelnewsasia


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2792552

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


สาวถาม! หลังเจอสัตว์แปลกติดมากับถุงกั้ง ด้านชาวเน็ตไขคำตอบอาจเป็น 'ปากกาทะเล'

สาวโพสต์ภาพสัตว์แปลกติดมากับกั้งที่ซื้อมา ด้านชาวเน็ตแห่ไขคำตอบ คาดน่าจะเป็นกลุ่ม ปากกาทะเล ไม่ควรรับประทาน ไม่มีพิษที่อันตรายต่อร่างกาย แต่มีหนามแหลมที่อาจทำให้เจ็บแปลบๆ เมื่อสัมผัส



วันนี้ (14 มิ.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพลงกลุ่ม "นี่ตัวอะไร" เป็นรูปภาพสัตว์ที่มีลักษณะแปลก โดยได้ติดมากับกั้งที่ซื้อ โดยระบุข้อความว่า "มันคืออะไรคะ ติดมากับถุงกั้งค่ะ" และได้ถามเพิ่มเติมในช่องแสดงความคิดเห็นว่าสามารถรับประทานได้ไหม

ทั้งนี้ มีชาวเน็ตผู้มีความรู้ได้เข้ามาให้คำตอบ ระบุว่า สัตว์ดังกล่าวน่าจะเป็นกลุ่ม ปากกาทะเล (Sea pen) เป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลโดยส่วนฝังรากอยู่ใต้ทราย มีรูปทรงคล้ายปากกาขนนก จึงเป็นที่มาของชื่อ "ปากกาทะเล" มีหลายชนิดบางชนิดมีรูปทรงคล้ายฝักข้าวโพด หรือ แท่งดินสอ มีหนวดคล้ายดอกไม้เล็กๆ อยู่ตามใบหรือกิ่งก้านใช้จับอาหารและมีหนามขนาดเล็กใช้ป้องกันตัว

นอกจากนี้ ปากกาทะเลยังสามารถเจริญเติบโตได้ถึง 46 เซนติเมตร และไม่มีพิษที่อันตรายต่อร่างกาย มีเพียงหนามแหลมที่อาจทำให้เจ็บแปลบๆ เมื่อสัมผัส นอกจากนี้หนามแหลมยังทำให้เจ้าปากกาทะเลติดอวนของชาวประมงขึ้นมาบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม คนไม่สามารถนำไปรับประทานได้ จึงมักนิยมนำไปทำอาหารสัตว์มากกว่า


https://mgronline.com/onlinesection/.../9670000051172

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


อ.ธรณ์ เผยช่วงเดือนมิ.ย. ชี้เป็นชี้ตาย ปะการังฟอกขาว รอดมากน้อย!



ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งเกาะติดสถานการณ์แนวปะกะรังฟอกขาวทั่วประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก Thon
Thamrongnawasawat ??เมื่อวันก่อน ( 9 มิ.ย.67) ถึงสถานการณ์????ปะการังฟอกขาว ว่า "มิถุนายนเป็นเดือนชี้เป็นชี้ตาย กรกฎาคมประเมินความเสียหาย"

อาจารย์ธรณ์ กล่าวว่า วันทะเลโลกผ่านไปแล้ว แต่ปะการังยังคงฟอกขาวจนน่ากลัว ภาพที่เห็นคือหมู่เกาะราชา ภูเก็ต เพื่อนธรณ์เพิ่งลงไปทำกิจกรรมเก็บขยะทะเลเมื่อวานก่อน (8 มิ.ย.67) ที่นี่เป็นเกาะห่างฝั่งน้ำใส แต่ปะการังก็ยังฟอกขาวโพลน

สรุปสถานการณ์ตอนนี้คืออุณหภูมิน้ำทะเลเริ่มลดลง ไม่ร้อนจัดเหมือน 2 เดือนก่อน แต่ปะการังที่แช่น้ำร้อนมานานอยู่ในสภาพอ่อนแอมาก

มิถุนายน 2567 จึงเป็นเดือนชี้เป็นชี้ตาย ผมแบ่งง่ายๆ เป็น 4 แบบ

????แบบแรก เกาะใกล้ฝั่งหรือติดฝั่ง ทั้งในอ่าวไทยและอันดามัน ปะการังน้ำตื้นโดนเยอะมาก บริเวณนี้น่าจะตายเยอะสุด
ในเขตน้ำลึก ปะการังฟอกขาวเช่นกัน แต่น่าจะตายน้อยกว่าน้ำตื้น ยกเว้นเกาะที่น้ำลึกหน่อย (8-10 เมตร) แนวลึกอาจรอดตายมากกว่า

????แบบสอง เกาะไกลฝั่ง เช่น เกาะเต่า โลซิน พีพี ราชา อาดัง/ราวี ปะการังฟอกขาวเยอะ แนวตื้นมีปัญหาแต่อาจรอดบ้าง แนวลึกอาจฟื้นมากกว่า ตอนนี้ปะการังบางแห่งก็เริ่มมีสีกลับมาบ้าง

????แบบสาม เกาะไกลฝั่ง เช่น สุรินทร์ สิมิลัน ฟอกขาวไม่มาก คงฟื้นเกือบหมด

????แบบสี่ น่าติดตามมาก คือแนวปะการังแถวพัทยา น้ำตื้นแต่กลับฟอกขาวไม่มาก ยังหาสาเหตุไม่ได้ แต่หากเราเจาะลึกตรงนี้ เราอาจพบทางออกในอนาคต

โดยสรุปแล้ว ????เขตอันตรายแท้จริงคือหลายแห่งในภาคตะวันออก โดยเฉพาะในเขตน้ำตื้นของเกาะใกล้ฝั่ง ยังรวมบางจุดในภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย

ความหวังยังมี สุรินทร์สิมิลันรอด เกาะไกลฝั่งน้ำลึกยังรอด และพัทยาที่รอดคล้ายปาฏิหาริย์ เอลนีโญจะกลับมาอีก ปะการังฟอกขาวจะเกิดขึ้นอีก ทุกอย่างที่เราเรียนรู้ในครั้งนี้ จะมีค่ามหาศาลในครั้งต่อไป

เดือนกรกฎาคม 2567 น่าจะเป็นช่วงที่เราสามารถประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นได้แล้ว

เดือนนี้เดือนหน้ายังเข้าหน้าฝนจริงจัง ปรากฏการณ์น้ำเขียว (แพลงก์ตอนบลูม) จะซ้ำเติมปะการัง เช่นเดียวกับตะกอนและขยะจากแผ่นดินที่ไหลลงสู่ทะเล

เดือนมิถุนายน/กรกฎาคม จึงเป็นช่วงที่เราต้องระมัดระวังมากที่สุด ช่วยกันดูแลทะเลทุกทาง เลิกให้อาหารปลา เก็บขยะทะเล อย่าทำร้ายสัตว์หายาก ลดน้ำทิ้ง/น้ำเสีย ลดตะกอนทุกรูปแบบ ท่องเที่ยวแบบระวังสุดขีด สนับสนุนผู้ประกอบการที่มีความรับผิดชอบ

"ทุกอย่างที่เราทำ คือตัวตัดสินชี้เป็นชี้ตายของปะการังที่พยายามฟื้นตัวเอง ช่วยกันนะครับ"


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9670000049950

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


อ.ธรณ์ เผยข่าวดี ดงดอกไม้ทะเลที่ใหญ่สุดในอ่าวไทย รอดพ้นจากฟอกขาว



อ.ธรณ์ เผยข่าวดี ดงดอกไม้ทะเลที่ใหญ่สุดในอ่าวไทยรอดพ้นปะการังฟอกขาว

วันที่ 14 มิถุนายน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ข่าวดี เรื่องการรอดพ้นจากการฟอกขาวของกลุ่มดอกไม้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่อ่าวไทย โดยระบุว่า

ศุกร์เย็น มีเรื่องสดๆ จากทะเล อ่านแล้วใจฟูๆ มาฝากเพื่อนธรณ์ เรื่องของดงดอกไม้ทะเลใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอ่าวไทย ที่รอดจากการฟอกขาวมาได้แบบอัศจรรย์

เริ่มจากดูภาพครับ แต่ละก้อนสีคล้ำที่เห็นในภาพโดรน คือก้อนปะการังตายที่มีดอกไม้ทะเลเกาะ
ผมวงกลมสีแดงไว้ นั่นคือ 1 ก้อน มีดอกไม้ทะเลเกาะ 10+ ตัว หากรวมทั้งพื้นที่ คงมีหลายร้อย
คนที่เห็นใส่กางเกงฟ้าฟินฟ้าในภาพ คือนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลสุดหล่อ ผู้กำลังอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

ดอกไม้ทะเลเป็นสัตว์ประหลาด รูปร่างเหมือนแมงกะพรุนกลับหัว อายุแต่ละตัวยืนยาวจนมิอาจบอกได้

ยังบอกไม่ได้ว่าทำไมดอกไม้ทะเลชอบอยู่รวมกัน ? อาจมีปัจจัยบางประการทำให้เกิดลักษณะเช่นนั้น เช่น ดอกไม้ทะเลแบ่งตัวได้

แบ่งจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 4 จนกลายเป็นดง กลายเป็นกองพันดอกไม้โคลนนิ่ง

นั่นคือสมมติฐานที่ต้องศึกษาต่อไป แต่สิ่งสำคัญคือ มนุษย์สร้างดงดอกไม้ทะเลเช่นนี้ไม่ได้

เมื่อทะเลเดือด หากดอกไม้ทะเลฟอกขาวจนตายหมด/เกือบหมด เราจะสูญเสียจุดสุดยอดเช่นนี้ไปตลอดกาล
ผมเคยเศร้าสุดๆ กับการสูญเสียแหล่งหอยมือเสือเกาะมันใน ดงหญ้าทะเลเกาะกระดาด ฯลฯ

โลกร้อนทะเลเดือดทำลายจุดพิเศษด้านความหลากหลายทางชีวภาพของทะเลภาคตะวันออก แทบไม่มีเหลือเลย

ผมจึงใจเต้นเมื่อลงน้ำไปดูดงดอกไม้ทะเลแห่งพัทยา ภาวนาว่าต้องรอดๆ

แล้วพวกเธอก็รอด

แม้มีฟอกขาวบ้าง แต่น้อยมากที่ดูร่อแร่ ส่วนใหญ่สีดูดีส่อแววว่าไม่ตาย

หมายถึงพวกเธอจะคงอยู้ต่อไป เป็นบ้านให้ปลาการ์ตูนหลายร้อยตัว

นั่นคือเรื่องดีมากๆ
มาพัทยาทริปนี้ ผมมีความสุขครับ


https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_4628420

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


โบราณสถานใน 'กรีซ' กำลังจะจม โลกร้อนหนุนระดับน้ำทะเลขึ้นสูง
......... โดย กฤตพล สุธีภัทรกุล


KEY POINTS

- "ดีลอส" (Delos) เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งของกรีซที่มีโบราณสถานจากอารยธรรมกรีกอายุมากกว่า 2,000 ปี กำลังจะจมในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

- ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในบางส่วนของเกาะมีระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 20 เมตร และน้ำจะกัดกินฐานกำแพง จนทำให้กำแพงก็จะพังทลายลง

- ขณะเดียวกันในตอนนี้กรีซกำลังเผชิญหน้ากับ "คลื่นความร้อน" ทำให้อากาศทะลุ 43 องศาเซลเซียส รัฐบาลต้องประกาศปิด "อัครปุระเอเธนส์" (The Athens Acropolis) ตั้งแต่ช่วง 12.00 - 17.00 น.




"ดีลอส" (Delos) เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งของกรีซ เป็นสถานที่สำคัญด้านตำนาน ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ของประเทศกรีซ มีแหล่งโบราณสถานตั้งแต่สมัยอารยธรรมกรีกตั้งเรียงรายอยู่ทั่วเกาะ จนได้รับการคัดเลือกเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก แต่ในวันนี้เกาะทั้งเกาะกำลังจมลงช้าๆ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การค้นพบทางโบราณคดีบนเกาะดีลอส นับเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อาคารอายุกว่า 2,000 ปีตั้งเรียงรายอยู่ทั่วเกาะ แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของอารยธรรมกรีก ตัดกับภาพผืนน้ำทะเลที่กำลังค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ตัวอาคารขึ้นเรื่อยๆ ภายในอีกไม่กี่สิบปี อาคารเหล่านี้จะหายไปตลอดกาล เนื่องจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อันเป็นผลพวงมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

"ภายใน 5 ปีดีลอสอาจจะหายไปจากแผ่นที่โลก" เวโรนีก ชานโคว์สกี้ ครูใหญ่โรงเรียนโบราณคดีแห่งเอเธนส์ (EFA) ของฝรั่งเศส ผู้ทำหน้าที่ขุดค้นแหล่งโบราณสถานในเกาะตลอดช่วง 150 ปีที่ผ่านมา ภายใต้ใบอนุญาตจากรัฐบาลกรีซ กล่าว


น้ำทะเลกัดกร่อนโบราณสถาน

ความเสียหายทางโครงสร้างจากน้ำทะเลกัดเซาะเริ่มแสดงให้เห็นแล้ว ในหมู่อาคารที่เชื่อว่าเป็นสถานที่ขายสินค้า และคลังสินค้าในช่วง 100-200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้

ฌอง-ชาร์ลส์ มอเร็ตติ นักวิจัยจากสถาบันรัฐฝรั่งเศส เพื่อการวิจัยสถาปัตยกรรมโบราณ (IRAA) ผู้ร่วมขุดโบราณสถานบนเกาะมากว่า 40 ปี กล่าวว่า ในช่วงฤดูหนาว น้ำจะเข้าท่วมโซนอาคารร้านค้า น้ำเหล่านี้จะกัดกินฐานกำแพง พอเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ กำแพงก็จะพังทลายลง

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในบางส่วนของเกาะมีระดับน้ำทะเลสูงขึ้นถึง 20 เมตร

การศึกษาในปี 2023 จากมหาวิทยาลัยอริสโตเติล ในกรีซ พบว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นรวมกับความชื้นในระดับสูง อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อองค์ประกอบทางเคมีของวัสดุบางชนิดที่ใช้ในสิ่งก่อสร้างบนเกาะ ซึ่งถือเป็นอนุสรณ์สถานมรดกทางวัฒนธรรมของโลก

"เช่นเดียวกับร่างกายมนุษย์ สิ่งก่อสร้างเหล่านี้สามารถทนต่ออุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง" เอฟสตาเธีย ทรินกา นักวิจัยด้านอุตุนิยมวิทยาและภูมิอากาศจากมหาวิทยาลัยอริสโตเติล กล่าวกับ Kathimerini Daily เมื่อต้นปีนี้

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวมักชอบเข้าไปในเขตห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหามากกว่าเดิม และมีนักโบราณคดีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมาอยู่ดูแลโบราณสถานในช่วงหน้าร้อนที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

ชาวกรีกโบราณเชื่อกันว่าเกาะดีลอส เป็นบ้านเกิดของอะพอลโล เทพเจ้าแห่งแสงสว่าง ศิลปะ และการรักษาโรค และอาร์ทิมิส น้องสาวของอะพอลโล ผู้เป็นเทพีแห่งการล่า ซึ่งทั้งสองพี่น้องเป็นหนึ่งในเทพเจ้าแห่งโอลิมปัส ได้รับการเคารพนับถือจากทั้งชาวกรีก และชาวโรมัน

ในช่วงที่เทพอะพอลโล และอาร์ทิมิสได้รับการบูชามากที่สุด ผู้แสวงบุญ และพ่อค้าจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมายังเกาะดีลอส จนกลายเป็นเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านมากกว่า 30,000 คน แต่ด้วยความนิยมของเกาะนี้ก็กลายเป็นหายนะ ดีลอสถูกปล้น 2 ครั้ง ในช่วงร้อยปีก่อนคริสต์ศักราช หลังจากนั้นไม่นานเกาะนี้ก็ถูกทิ้งร้างโดยสิ้นเชิง

การกัดเซาะของน้ำทะเล ทำให้นักโบราณคดีต้องใช้คานไม้เพื่อยึดผนังอาคารอายุหลายพันปีบางส่วน แต่ด้วยความซับซ้อน และโครงสร้างของอาคารที่ค่อนข้างเปราะบาง การจะบูรณะจึงจำเป็นผ่านความเห็นชอบจากหลายฝ่าย

อย่างไรก็ตาม หากยังไม่สามารถแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ เมืองชายฝั่งทั้งหมดในกรีซจะจมลงในทะเล จากระดับน้ำทะเลสูงขึ้น


"กรีซ" เจอคลื่นความร้อน

ขณะเดียวกันในตอนนี้กรีซกำลังเผชิญหน้ากับ "คลื่นความร้อน" ทำให้อากาศทะลุ 43 องศาเซลเซียส รัฐบาลต้องประกาศปิด ?อัครปุระเอเธนส์? หรือที่คุ้นในชื่อ "อะโครโพลิส" (The Athens Acropolis) สถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดของกรีซ ตั้งแต่ช่วง 12.00 - 17.00 น. ซึ่งมาตรการนี้อาจจะขยายต่อไปอีก หากอุณหภูมิยังคงสูง

อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 รัฐบาลเคยสั่งปิด อะโครโพลิส เป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากที่กรีซเผชิญกับคลื่นความร้อนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

เจ้าหน้าที่ใช้โดรนที่มีกล้องตรวจจับความร้อนบินรอบกรุงเอเธนส์เพื่อตรวจจับอากาศ และให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ก่อนหน้านี้เกิดเพลิงไหม้โรงงานเครื่องครัว และภาชนะบรรจุอาหาร ส่งควันดำหนาทึบขึ้นสู่ท้องฟ้า

นอกจากนี้ ทางการยังสั่งปิดโรงเรียนระดับประถมศึกษาและโรงเรียนอนุบาลทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด ขณะที่กระทรวงแรงงาน ได้แนะนำให้พนักงานภาครัฐทำงานจากที่บ้าน

ส่วนกรุงเอเธนส์ ประกาศหยุดเก็บขยะเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อป้องกันความร้อน และจะเปิดพื้นที่ติดเครื่องปรับอากาศ 7 แห่งให้ประชาชนได้เข้าไปพักผ่อนคลายร้อน

ที่มา: AP News, Neos Kosmos, Phys


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1131432

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


ไม่สนเสียงวิจารณ์! ไอซ์แลนด์อนุญาตบริษัทล่าวาฬได้ 128 ตัวปีนี้


SHORT CUT

- ไอซ์แลนด์ออกใบอนุญาตให้บริษัท Hvalur ซึ่งเป็นบริษัทล่าวาฬแห่งสุดท้ายในยุโรป สามารถฆ่าวาฬฟินได้ทั้งหมด 128 ตัวในฤดูล่าวาฬปีนี้

- เมื่อปีที่แล้วมีคำสั่งระงับการล่าวาฬชั่วคราว เนื่องจากรายงานของรัฐบาลชี้ว่า การใช้ฉมวกแทงวาฬ ใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าที่วาฬจะตาย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการทรมานสัตว์อย่างโหดร้าย

- ไอซ์แลนด์เป็นชาติที่สอง นับจากญี่ปุ่น ที่อนุญาตให้กลับมามีการล่าวาฬอีกครั้งในปีนี้ โดยวาฬที่อนุญาตให้ล่านั้นจะเป็นวาฬฟิน ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และพวกมันถูกจัดให้อยู่ในบัญชีแดงสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์




รัฐบาลไอซ์แลนด์ออกใบอนุญาตให้บริษัทล่าวาฬ สามารถล่าวาฬได้ทั้งหมด 128 ตัวในฤดูล่าวาฬปีนี้ สร้างความผิดหวังให้หลายฝ่าย เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว ทางการสั่งระงับการล่าวาฬชั่วคราว หลังมีรายงานพบว่า มีการทรมานสัตว์อย่างโหดร้ายกว่าที่วาฬจะตาย


"ไอซ์แลนด์" ออกใบอนุญาติล่าวาฬ ให้โควต้า 128 ตัว

ไอซ์แลนด์ออกใบอนุญาตให้บริษัท Hvalur ซึ่งเป็นบริษัทล่าวาฬแห่งสุดท้ายในยุโรป สามารถฆ่าวาฬฟินได้ทั้งหมด 128 ตัวในฤดูล่าวาฬปีนี้ สร้างความผิดหวังให้แก่หลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่มพิทักษ์สิทธิสัตว์ที่ออกมาระบุว่า ผิดหวังอย่างยิ่ง

รายงานระบุว่า ปีนี้บริษัท Hvalur ซึ่งมีสัญชาติไอซ์แลนด์ บริหารงานโดย Kristj?n Loftsson ได้รับอนุญาตให้ฆ่าวาฬฟินได้ 128 ตัว ทั้งที่เมื่อปีที่แล้วมีคำสั่งระงับการล่าวาฬชั่วคราว

เนื่องจากรายงานของรัฐบาลชี้ว่า การใช้ฉมวกแทงวาฬ ใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าที่วาฬจะตาย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการทรมานสัตว์อย่างโหดร้าย และยังมีการออกกฎใหม่ ซึ่งทำให้ฤดูล่าวาฬของปีที่แล้วล่าช้ากว่าปกติ ดังนั้นเมื่อปีที่แล้วจึงมีการล่าวาฬไปเพียง 24 ตัวเท่านั้น

ส่วนในคำอนุญาตปีนี้ รัฐมนตรีอาหาร ประมงและการเกษตรของไอซ์แลนด์เปิดเผยว่า การตัดสินใจของเธอไม่จำเป็นต้องไปเป็นตามมุมมองของเธอ หรือพรรคของเธอ แต่เธอจำเป็นต้องทำตามกฎหมายและกฎระเบียบ


เกิดเสียงต่อต้าน

ด้านผู้อำนวยการของกองทุนสวัสดิภาพสัตว์ระหว่างประเทศเปิดเผยว่า มันไม่มีทางที่จะฆ่าวาฬในทะเลโดยไม่มีการทารุณเกิดขึ้น

อดีตรัฐมนตรีกระทรวงประมงฯคนก่อนได้สั่งระงับการล่าวาฬชั่วคราว หลังจากมีรายงานพบว่า การล่าวาฬเมื่อปี 2022 ไม่ได้ทำตามกฎระเบียบเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ และใช้เวลานานมากกว่าที่วาฬจะตาย

โดยรายงานชี้ว่า วาฬบางตัวที่ถูกฉมวกแทงใช้เวลาถึงสองชั่วโมงกว่าจะตาย และนั่นนำไปสู่การตั้งคำถามว่า การล่าวาฬขนาดใหญ่จะสามารถเป็นไปตามกฎระเบียบเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ได้หรือไม่

ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์เป็นชาติที่สอง นับจากญี่ปุ่น ที่อนุญาตให้กลับมามีการล่าวาฬอีกครั้งในปีนี้ โดยวาฬที่อนุญาตให้ล่านั้นจะเป็นวาฬฟิน ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

และพวกมันถูกจัดให้อยู่ในบัญชีแดงสัตว์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ขององค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม จำนวนประชากรวาฬฟินกลับมาเพิ่มขึ้น นับตั้งแต่ช่วงคริสตทศวรรษที่ 1970 ที่หลายประเทศออกคำสั่งห้ามล่าพวกมัน

ที่มา: The Guardian


https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/850936

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #8  
เก่า 3 วันที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,526
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


เกิดอะไรขึ้นกับโครงการเกาะเทียม "เดอะ เวิลด์" ของดูไบ


Aerial shot of The World Dubai
ที่มาของภาพ,GETTY IMAGES



ในช่วงกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา ดูไบได้ทำให้โลกทึ่งกับโครงการเมกะโปรเจกต์มากมาย ทั้งตึกที่สูงที่สุดในโลกที่ชื่อว่า เบิร์จ คาลิฟา หรือโรงแรมเบิร์จ อัล อาหรับ โรงแรมที่สมาร์ทที่สุดในโลก รวมทั้งเกาะต้นปาล์ม เกาะเทียมที่มีการถมทะเลสร้างขึ้นนอกแนวชายฝั่ง

อย่างไรก็ตาม โครงการเกาะเทียมจำนวน 260 เกาะ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ที่วางแผนว่าจะสร้างเป็นเกาะที่มีรูปร่างเหมือนกับทวีปต่าง ๆ บนโลก ยังคงมีแต่ความว่างเปล่าเป็นส่วนใหญ่ หลังจากเริ่มการก่อสร้างมาเป็นเวลากว่า 20 ปี

เกิดอะไรขึ้นกับโครงการ "เดอะ เวิลด์" กันแน่

โครงการเดอะ เวิลด์ เป็นกลุ่มของเกาะเทียมจำนวน 260 เกาะ ที่จัดวางเป็นรูปทรงของทวีปต่าง ๆ บนโลก ได้แก่ แอฟริกา, แอนตาร์กติกา, เอเชีย, ยุโรป, อเมริกาเหนือ, โอเชียเนีย และอเมริกาใต้ โดยกลุ่มเกาะของเดอะ เวิลด์ จะตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งนครดูไบราว 4 กิโลเมตร

เกาะเทียมทุกเกาะถูกตั้งชื่อตามประเทศ เมือง หรือภูมิภาคที่อยู่ในทวีปนั้น ๆ

แผนการสร้างคือการให้กับบริษัทเอกชนต่าง ๆ เข้ามาก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกบนเกาะ เช่น โรงแรม ภัตตาคาร รีสอร์ท หรือคฤหาสน์ เพื่อดึงดูดให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั่วโลก

นาคีล พรอพเพอร์ตีส์ (Nakheel Properties) บริษัทพัฒนาอสังหาที่รัฐบาลสนับสนุน เพิ่งก่อสร้างเกาะเทียมที่ชื่อว่า เกาะต้นปาล์มหรือ Palm Jumeirah เสร็จ บนเกาะแห่งนี้มีอสังหาริมทรัพย์หรูหราราว 4,000 หลัง และโรงแรมหลายสิบแห่ง อย่างไรก็ดี โครงการเดอะ เวิลด์ ถือเป็นโครงการพัฒนานอกชายฝั่งของบริษัทที่คาดว่าจะใช้งบประมาณการก่อสร้างมากกว่าเสียอีก

กลุ่มเกาะเทียมของเดอะ เวิลด์จะทำให้นครดูไบมีพื้นที่ของชายหาดเพิ่มอีก 230 กิโลเมตร โดยโครงการดังกล่าวถูกคาดหวังว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวด้วย

เชคโมฮัมเหม็ด อัล มักตูม เจ้าผู้ครองนครดูไบ ประกาศเปิดตัวโครงการเดอะ เวิลด์ ขึ้นเมื่อปี 2003


มันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร

หลังจากเดอะ เวิลด์ เปิดตัว บริษัทนาคีลก็เริ่มต้นการก่อสร้างในปีเดียวกัน

กลุ่มเกาะต่าง ๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยทรายปริมาณ 321 ล้านลูกบาศก์เมตรที่ขุดขึ้นมาจากอ่าวเปอร์เซีย

นักนิเวศวิทยาวิจารณ์ว่าการขุดทรายขึ้นมาได้สร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังในอ่าวเปอร์เซีย หลังจากนั้นบริษัทนาคีลที่ก่อสร้างเกาะเทียม ได้ว่าจ้างให้นักชีววิทยาทางทะเลสร้างและฟื้นฟูแนวปะการังขึ้นมาใหม่


เดอะ เวิลด์ ส่อแววมีปัญหาตอนไหน

บริษัทนาคีลก่อสร้างเกาะต่าง ๆ และเขื่อนกั้นคลื่นโดยรอบเสร็จในปี 2008 และบอกว่าได้ขายเกาะต่าง ๆ ให้กับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนไปแล้ว 70%

อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ บนเกาะหยุดชะงักลงเพราะวิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้นในดูไบตั้งแต่ช่วงปี 2007 และลากยาวมาถึงปี 2010

ในช่วงเวลาดังกล่าว ดูไบประสบปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ตกฮวบ ซึ่งทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ต่างระงับแผนการพัฒนาโครงการเอาไว้ก่อนหรือไม่ก็ยกเลิกไปเลย

บริษัทนาคีลตกเป็นหนี้หลายพันล้านดอลลาร์ แต่บริษัทก็กลับมามีอนาคตอีกครั้งในปี 2009 เมื่อกรุงอาบูดาบี ได้มาลงทุนในดูไบเป็นจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทนาคีลสามารถได้รับความช่วยเหลือทางการเงินผ่านบริษัทแม่ที่ชื่อว่า ดูไบ เวิลด์ ได้


มีอะไรถูกก่อสร้างบน เดอะ เวิลด์ แล้วบ้าง

เพื่อเป็นการโฆษณาโครงการ บริษัทนาคีลได้สร้างบ้านตัวอย่างขึ้นมาหลังหนึ่งบนเกาะแลพแลนด์ พร้อมกับมอบเกาะหนึ่งเกาะพร้อมกับบ้านหนึ่งหลังให้กับอดีตแชมป์โลกฟอร์มูลา วัน มิคาเอล ชูมัคเกอร์ เพื่อเป็นการชื่นชมต่อความสำเร็จของเขา

ในปี 2012 เดอะ โรยัล ไอส์แลนด์ บีช คลับ ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่มีภัตตาคารและบาร์ ได้เปิดให้บริการบนเกาะเลบานอน

อนันตรา เวิลด์ ไอส์แลนด์ เปิดในปี 2022 ที่นี่ประกอบด้วยรีสอร์ท ห้องพักโรงแรม ห้องสูท วิลลา และสปา

อย่างไรก็ตาม เกาะส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงผืนทรายที่ว่างเปล่า

"หนึ่งในปัญหาใหญ่ของเดอะ เวิลด์ ที่ไม่เหมือนกับหมู่เกาะต้นปาล์ม คือมันไม่มีส่วนผืนดินที่เชื่อมต่อกับดูไบ" อะลาสแตร์ บอนเนตต์ ศาสตราจารย์ด้านภูมิศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล สหราชอาณาจักร และผู้เขียนหนังสือ "การเดินทางสู่ยุคของเกาะเทียม (A Journey into the Era of Artificial Islands)" ระบุ

"มันไม่มีสะพานที่คนจะเดินทางไปได้ด้วยรถยนต์ ไม่มีแม้แต่ถนนที่เชื่อมระหว่างเกาะต่าง ๆ" เขาระบุ

ทางด้านบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เองก็ประสบกับความยากลำบากในการขนส่งคนงานรวมทั้งวัสดุก่อสร้างไปยังที่ก่อสร้างเช่นกัน นอกจากนี้ การจัดหาทั้งน้ำและไฟฟ้าไปให้ถึงเกาะก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน

เรือเฟอร์รีข้ามฝั่งจากหมู่เกาะต้นปาล์ม เป็นการเดินทางสาธารณะวิธีเดียวที่จะไปยังเกาะเทียมของเดอะ เวิลด์ ได้


จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

ทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทไคลน์เดียนท์กรุ๊ปที่ตั้งอยู่ในนครดูไบ ซึ่งก่อตั้งและดำเนินการโดย โจเซฟ ไคลน์เดียนท์ นักธุรกิจชาวออสเตรีย กำลังก่อสร้างโครงการที่ชื่อว่า "หัวใจแห่งยุโรป" (The Heart of Europe)

โครงการนี้มีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ประกอบด้วยโรงแรมหรู คฤหาสน์ส่วนตัว วิลลาลอยน้ำ โดยทั้งหมดจะก่อสร้างในสไตล์การออกแบบแบบยุโรป โดยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เหล่านี้ จะถูกก่อสร้างบนเกาะต่าง ๆ ในโครงการเกาะเทียม เดอะ เวิลด์ ได้แก่ เกาะเยอรมนี, เกาะโมนาโก, เกาะสวีเดน และเกาะเวนิส (แน่นอนว่าในโลกจริง ไม่มีประเทศใดในรายชื่อข้างต้นที่เป็นเกาะ)

นอกจากนี้ ยังจะมี เรนนิ่งสตรีท (Raining Street) หรือถนนที่นักท่องเที่ยวเข้าไปเดินอยู่ใต้สายฝนเทียมเมื่ออากาศร้อนจัด

โครงการดังกล่าวนี้มีแผนว่าจะเปิดให้บริการในปี 2026

บริษัทนาคีลยังได้ว่าจ้างผู้รับเหมาให้มาก่อสร้างเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเกาะต่าง ๆ 260 เกาะ ให้กลายเป็นทวีปที่เชื่อมเข้าด้วยกันด้วย

แต่เดิมเกาะทุกแห่งในเดอะ เวิลด์ ถูกออกแบบว่าจะมีไฟฟ้าและน้ำประปาของตัวเอง แต่ตอนนี้มันพิสูจน์แล้วว่าแนวคิดดังกล่าวมีต้นทุนที่สูงเกินไปและเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ

เมื่อเกาะทุกเกาะเชื่อมกันเป็นทวีปเดียวกัน แผนการก็คือ สาธารณูปโภคต่าง ๆ จะถูกใช้ร่วมกัน


https://www.bbc.com/thai/articles/c3gg18lnre5o

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:02


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger