เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 17-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้ว


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 17 - 18 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 19 ? 22 มิ.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับยังคงมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ในขณะที่ในช่วงวันที่ 21 ? 22 มิ.ย. 67 จะมีร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 19 - 22 มิ.ย. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 17-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ฐานทัพเรือพังงา แหล่งเรียนรู้คุณค่าของ "เต่าทะเลไทย"



บรรยากาศริมทะเล โล่งโปร่งสบายและเงียบสงบในพื้นที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา มีโรงเรือนขนาดย่อมกระจัดกระจาย โดยมีบรรดาเต่าหลากสายพันธุ์แหลวกว่ายอย่างสบายอารมณ์ ที่นี่คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การเรียนรู้เรื่อง "เต่าทะเล" ของไทย

"ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ฐานทัพเรือพังงา" ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญเรื่องการอนุรักษ์เต่าทะเลไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2538 ทางกองทัพเรือได้จัดทำโครงการอนุรักษ์พันเต่าทะเลฝั่งอันดามัน โดยได้มอบให้ทางกองทัพเรือภาคที่ 3 ในการจัดตั้งศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลขึ้นมา ซึ่งได้กำหนดจุดอนุบาลเต่าทะเล จำนวน 2 จุด ในพื้นที่แรกเป็นการอนุรักษ์เพาะฟักไข่เต่าในพื้นที่เกาะ 1 หรือเกาะหูยง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน

ส่วนพื้นที่ ที่ 2 เป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลบริเวณศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ฐานทัพเรือพังงา ซึ่งจากการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลที่ผ่านมา ทำให้มีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก และรอดชีวิตกลับคืนสู่ท้องทะเล ซึ่งเป็นการชี้วัดว่าในท้องทะเลมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลหลังจากนั้น 6 เดือน ก็นำไปปล่อยคืนทะเลสู่ทะเล

ภายในศูนย์มีโรงเพาะเลี้ยงเต่าเป็นโรงเรือนริมทะเล มีบ่อขนาด 2?3 เมตร อยู่เกือบ 20 บ่อ แบ่งเป็นบ่อเลี้ยงเต่าตนุ เต่ากระ และเต่าหญ้า มีทั้งเต่าที่มาจากอ่าวไทยแถบสัตหีบ และจากทะเลอันดามัน ส่วนใหญ่เป็นเต่าขนาดใหญ่ อายุประมาณ 4-5 ปี

ศูนย์ก่อตั้งเพื่อการอนุรักษ์ ทั้งยังเป็นการปลูกฝังให้ประชาชนมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจากการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลที่ผ่านมา ทำให้มีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่เป็นจำนวนมาก และรอดชีวิตกลับคืนสู่ท้องทะเล เป็นการชี้วัดว่าในท้องทะเลมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลหลังจากนั้น 6 เดือน ก็นำไปปล่อยคืนทะเลสู่ธรรมชาติ

นักท่องเที่ยวสามารถชมบ่ออนุบาลเต่า เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ในการปฏิบัติงานการอนุรักษ์เต่าทะเลของกองทัพเรือ มีการอนุบาลเต่าหลากหลายสายพันธุ์ โดยในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม อาจมีลูกเต่าที่นำมาอนุบาลก่อนปล่อยลงทะเลให้ชมด้วย ซึ่วนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อล่วงหน้าเพื่อทำการปล่อยเต่าได้ (มีค่าใช้จ่าย)

ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเข้าชมได้และไม่มีค่าใช้จ่าย

ที่ตั้ง ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา

สอบถาม โทร. 076-453342-3


https://mgronline.com/travel/detail/9670000051529

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 17-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


"เกาะสมุย" ปังไม่พัก! คว้าอันดับ 1 เกาะที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก



"เกาะสมุย" คว้าอันดับที่ 1 เกาะที่ดีที่สุดในเอเชียแปซิฟิก จากการประกาศรางวัล T+L Luxury Awards Asia Pacific 2024 ที่จัดโดยนิตยสารท่องเที่ยวระดับแนวหน้าของเอเชีย

นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี) และนายรัชชพร พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เป็นตัวแทนร่วมกันขึ้นรับรางวัล T+L Luxury Awards Asia Pacific 2024 โดยอำเภอเกาะสมุยได้รับรางวัลอันดับที่ 1 Best Islands in Asia Pacific

นอกจากนั้นสถานประกอบการบนเกาะสมุยยังติดการจัดอันดับในสาขาต่างๆ อีกด้วย โดยทางสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุยได้รวบรวมรายชื่อที่ได้รับรางวัลตามประเภทสาขาต่างๆในปี 2024 ดังนี้

ประเภท Best Island + Beach Hotels

อันดับที่ 2 Cape Fahn Hotel
อันดับที่ 3 Four Seasons Resort Koh Samui
อันดับที่ 5 Silavadee Pool Spa Resort
อันดับที่ 7 Centara Reserve Samui


ประเภท Best Hotel Spas

อันดับที่ 9 Six Senses Samui


ประเภท Transportation Best Airports

อันดับที่ 4 Samui International Airport


สำหรับ "T+L Luxury Awards Asia Pacific 2024" เป็นรางวัลที่จัดขึ้นโดย นิตยสาร Travel + Leisure Southeast Asia, Hong Kong and Macau นิตยสารท่องเที่ยว และ ไลฟ์สไตล์ระดับแนวหน้าของเอเชีย เพื่อมอบรางวัลให้กับโรงแรม และหมวดหมู่ต่างๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับคะแนนโหวตจากผู้อ่านนิตยสาร Travel + Leisure มากที่สุดในสาขาต่าง ๆ

ซึ่งในปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 แล้ว ตลอดระยะเวลา 3 เดือนของการเปิดโหวต (เดือนมกราคม-มีนาคม 2024) มีนักอ่านสายเที่ยวร่วมโหวตมากกว่า 200,000 คะแนน


https://mgronline.com/travel/detail/9670000051081

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 17-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


'เมืองพัทยา' เคลียร์! คราบสีดำที่พบในทะเล ไม่ใช่คราบน้ำมัน



ความคืบหน้ากรณีมีคลิปเรือที่วิ่งอยู่ในทะเลบริเวณอ่าวพัทยา จ.ชลบุรี พบคราบน้ำมันจำนวนมาก ลอยปะปนกับน้ำทะเล โดยในคลิปมีการพูดถึงว่าเป็นคราบน้ำมันที่เกี่ยวกับเรือน้ำมันที่หายไปหรือไม่ เมื่อตรวจสอบบริเวณชายฝั่งที่ติดอ่าวพัทยา พบว่าบริเวณแหลมบาลีฮาย มีสิ่งปนเปื้อนคล้ายคราบดำ ส่วนบริเวณกลางทะเลมีคราบคล้ายน้ำมันปะปนในน้ำทะเลเป็นจำนวนมาก

ล่าสุดวันนี้ (16 มิ.ย.67) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้ง พบคราบดำบริเวณแหลมบาลีฮายเริ่มไม่มีสีดำ แต่ยังเป็นน้ำทะเลขุ่นๆอยู่ ส่วนระบบบำบัดน้ำเสียเริ่มเปิดใช้งานได้ตามปกติ

นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา กล่าวว่า หลังจากที่มีภาพคราบสีดำลอยบริเวณอ่าวพัทยา แหลมบาลีฮาย ทางเมืองพัทยาได้ลงพื้นที่สำรวจแล้ว พบว่า คราบที่พบลอยบริเวณอ่าวพัทยาเป็นคราบน้ำเสียของบ่อบำบัดน้ำเสียบริเวณแหลมบาลีฮาย เนื่องจากท่อส่งน้ำเสียเกิดชำรุดกะทันหัน จึงต้องปิดระบบบ่อสูบน้ำ PS1 ที่จะสูบน้ำจากพัทยาใต้ไปบ่อบำบัดน้ำเสียหนองใหญ่ โดยมีการปิดระบบตั้งแต่เวลา 17.00 น. เพื่อซ่อมแซม ซึ่งช่วงนั้นไม่สามารถจะสูบน้ำออกไปได้ ทำให้น้ำเสียบางส่วนไหลออกสู่ทะเล ทำให้เกิดภาพคราบสีดำอย่างที่ปรากฏขึ้น ซึ่งคราบสีดำดังกล่าวไม่ใช่คราบน้ำมัน แต่เป็นคราบน้ำที่ล้นออกจากบ่อไหลลงสู่ทะเล เมืองพัทยาได้ดำเนินการซ่อมแซมนานกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งในเวลา 23.00 น.วันที่ 15 มิ.ย.67 สามารถสูบน้ำเข้าสู่ระบบได้เป็นปกติ


https://www.naewna.com/local/810814

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 17-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


ใหญ่กว่าคาด! ผลกระทบโลกร้อนต่อเศรษฐกิจมหภาค
....... โดย ธราธร รัตนนฤมิตศร สถาบันอนาคตไทยศึกษา


เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีงานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ล่าสุดศึกษาพบว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจมหภาคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีขนาดใหญ่กว่าที่เคยคาดการณ์ไว้มาก



นักวิจัยเศรษฐศาสตร์ได้ประมาณว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิทั่วโลก 1 องศาเซลเซียสจะนำไปสู่การลดลงของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) โลกถึง 12% ซึ่งมากกว่าการประมาณการก่อนหน้านี้ถึง 6 เท่า

งานวิจัยชิ้นนี้เป็นของ Adrien Bilal และ Diego R. K?nzig ในชื่อ ?The Macroeconomic Impact of Climate Change: Global vs. Local Temperature? ได้นำเสนอการวิเคราะห์ ที่ครอบคลุมถึงวิธีที่การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิทั่วโลกส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

งานวิจัยนี้ท้าทายผลการประมาณการก่อนหน้านี้ และให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่รุนแรงมากขึ้นมาก

นักวิจัยได้ใช้วิธีการใหม่ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้ความผันผวนตามธรรมชาติของอุณหภูมิทั่วโลกเพื่อประเมินผลกระทบต่อ GDP ซึ่งสามารถจับภาพผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการเพิ่มความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วได้

การศึกษายังได้คำนวณ "ต้นทุนทางสังคมของคาร์บอน" (Social Cost of Carbon หรือ SCC) ไว้ว่าเท่ากับประมาณ 1,056 ดอลลาร์ต่อหนึ่งตันของคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสูงกว่าการประมาณการก่อนหน้านี้ที่ต้นทุนอยู่ระหว่าง 51 ถึง 190 ดอลลาร์ต่อเมตริกตันมาก

การประเมินต้นทุนทางสังคมของคาร์บอนที่สูงขึ้นนี้ ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบทางการเงินจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนนั้นรุนแรงกว่าที่เคยคิด

ต้นทุนทางสังคมของคาร์บอนที่สูงขึ้นนี้ ทำให้ต้องกลับมาพิจารณานโยบายการลดการปล่อยคาร์บอน (Mitigation Policy) หลายๆ นโยบายที่เคยถูกมองว่าอาจไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจภายใต้การประมาณการก่อนหน้านี้ กลับมีความเป็นไปได้ในกรณีต้นทุนทางสังคมสูงขนาดนี้

ทั้งนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนทั่วโลกในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 37.55 พันล้านเมตริกตัน ตามข้อมูลจาก Statista ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากตัวเลขนี้กับต้นทุนทางสังคมของคาร์บอน จะพบว่าภาระทางการเงินจากระดับการปล่อยก๊าซในปัจจุบันนั้นสูงมาก

ดังนั้น การที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าอุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 3 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษนี้ เนื่องจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างต่อเนื่องนั้น ผลกระทบทางเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับหายนะทางเศรษฐกิจ

งานวิจัยฉบับนี้ยังเตือนว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้จะนำไปสู่การลดลงอย่างรวดเร็วของผลผลิต ทุน และการบริโภคเกินกว่า 50% ภายในปลายศตวรรษนี้

ผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงดูจะมีแนวโน้มจะเป็นฉากทัศน์เศรษฐกิจที่เลวร้ายในอนาคต งานวิจัยนี้เป็นเสียงเตือนครั้งสำคัญต่อความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการระดับโลก เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สำหรับประเทศไทยถือว่ามีความเปราะบางสูงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากไทยเราพึ่งพาภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวรวมกันประมาณ 25% ของ GDP นั้น เป็นภาคเศรษฐกิจที่มีอ่อนไหวและมีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากโลกร้อนเป็นอย่างมาก

ภาคเกษตรกรรมมีประชากรส่วนใหญ่และมีส่วนสำคัญต่อ GDP มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและรูปแบบการตกของฝน ความถี่ที่เพิ่มขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น น้ำท่วมและภัยแล้ง อาจทำให้ผลผลิตทางการเกษตรหยุดชะงักอย่างรุนแรง นำไปสู่ความไม่มั่นคงทางอาหารและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ


การท่องเที่ยวก็มีความเสี่ยงเช่นกัน อุณหภูมิที่สูงขึ้นและเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งอาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากมาเที่ยว การฟอกขาวของปะการังเนื่องจากอุณหภูมิทะเลที่สูงขึ้น ยังเป็นภัยคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลและความน่าดึงดูดของแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงของประเทศ

นอกจากนี้ ภูมิภาคชายฝั่งรวมถึงกรุงเทพมหานคร มีความเสี่ยงอย่างมากจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นและพายุที่รุนแรงขึ้น กรุงเทพมหานครซึ่งกำลังจมเนื่องจากการทรุดตัวของพื้นดิน อาจเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจที่รุนแรง


มิติผลกระทบทางสังคมก็มีความสำคัญเช่นกัน อากาศที่ร้อนจัดและการเกิดเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วบ่อยครั้งสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพ ประชากรกลุ่มเสี่ยง รวมถึงผู้สูงอายุ เด็ก และชุมชนที่มีรายได้น้อยมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ การตกต่ำทางเศรษฐกิจที่เกิดจากผลกระทบของสภาพอากาศอาจนำไปสู่ความยากจนและความไม่สงบทางสังคมได้

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องระยะยาวก็จริง แต่เราก็เริ่มได้รับผลกระทบระยะสั้นกันแล้ว การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ดี

จำเป็นที่รัฐบาลทุกชุดต่อจากนี้จะต้องมีการนำปัจจัย "โลกร้อน" เข้าไปอยู่ในสมการการขับเคลื่อนของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น การวางนโยบายและลงทุนเพื่อการปรับตัวรองรับผลกระทบอย่างจริงจัง การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบเศรษฐกิจให้ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการมีช่องว่างพื้นที่ทางการคลังและพื้นที่ว่างสำรองสำหรับการก่อหนี้สาธารณะเพิ่มได้ในอนาคตหากมีวิกฤติจากโลกร้อน

ประเทศอาจจำเป็นต้องคิดถึงการตั้ง "กระทรวงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" เพื่อบูรณาการและขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับโลกร้อนอย่างจริงจังในอนาคตอันใกล้นี้.


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1131479

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 17-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation


สิงคโปร์เร่งกำจัดคราบน้ำมันตามชายฝั่ง หลังรั่วไหลจากเรือชนกัน



สิงคโปร์เร่งกำจัดคราบน้ำในบริเวณชายฝั่งภาคใต้ ที่รวมไปถึงเกาะเซนโตซา แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม หลังจากเรือขุดชนกับเรือเติมน้ำมันเมื่อวันศุกร์ ทำให้น้ำมันรั่วไหล ท่ามกลางความวิตกว่าจะกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล

เรือขุด "วอกซ์ แมกซิมา" ที่ติดธงเนเธอร์แลนด์ ชนกับเรือเติมน้ำมัน "มารีน ออเนอร์" ที่ท่าเรือของสิงคโปร์เมื่อวันศุกร์ ทำให้ถังน้ำมันได้รับความเสียหาย และน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเล และเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งใช้สารเคมีกำจัดคราบน้ำมันในทะเลในวันอาทิตย์ หลังจากสามารถหยุดการรั่วไหลได้แล้วเมื่อวันเสาร์

แต่เนื่องจากกระแสน้ำขึ้น ทำให้คราบน้ำมันเหล่านั้นถูกซัดขึ้นไปบนชายฝั่ง รวมถึงที่เกาะเซนโตซา แหล่งท่องเที่ยยอดนิยม และเกาะอื่น ๆ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ และสวนสาธารณะริมหาด และชายหาดบางส่วนถูกปิดเพื่อให้เจ้าหน้าที่เร่งเก็บกวาดคราบน้ำมันตามชายหาด

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ใช้เรือ 18 ลำ เพื่อกำจัดคราบน้ำมัน และใช้ทุ่นลอยน้ำยาว 1,500 เมตรเพื่อดูดซับน้ำมันในทะเลด้วย โดยคาดว่าจะเพิ่มจำนวนทุ่นอีกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันแพร่กระจายเข้าสู่ชายฝั่ง และน้ำมันที่อยู่บนชายหาดไม่กลับลงสู่ทะเลอีก

ด้านนักชีววิทยาและนักอนุรักษ์กำลังเฝ้าระวังเพื่อสำรวจความเสียหายที่เกิดกับสิ่งมีชีวิตในทะเลและสัตว์ป่า และกลุ่มมารี สจวร์ดส์ เปิดเผยว่า มีภาพซากปลาและนากถูกเคลือบด้วยคราบน้ำมัน และกลิ่นน้ำมันฟุ้งกระจายส่งผลกระทบต่อปลา นก และสัตว์ทะเลอื่น ๆ ที่ต้องลอยขึ้นสู่พื้นผิวเพื่อหายใจ เช่น เต่า และโลมา


https://www.nationtv.tv/foreign/378944927

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 17-06-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


"ส.ค.เป็นต้นไป ฤทธิ์ลานีญารอบใหม่ ฝนมากผิดปกติ " ผู้เชี่ยวชาญเตือนรับมือ

"หลังจากลานีญาเพิ่มกำลัง ส่งผลให้อากาศร้อนทุบสถิติโลกในรอบ 175 ปีในช่วง ม.ค.-พ.ค. ที่ผ่านมา ตอนนี้เข้าสู่ภาวะปกติเต็มตัว (มิ.ย.-ก.ค.) ก่อนจะเปลี่ยนเข้าสู่ลานีญาในช่วง ส.ค. เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้ฝนมากกว่าปกติ เริ่ม ก.ค. เตือนให้ตั้งรับภัยจาก "น้ำท่วม?พายุรุนแรง" ทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคใต้" ดร.วิษณุ อรรถวานิช ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์


(ภาพ : NOAA)

"ล่าสุดองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NOAA) รายการว่าอุณหภูมิช่วง ม.ค. ? พ.ค. 67 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 175 ปี เมื่อกับช่วงเวลาเดียวกัน โดยอุณหภูมิภาคพื้นดิน (Land Temperature) สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.63 องศาเซลเซียสในเดือน พ.ค. 67 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.92 องศาเซลเซียส! ในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. 67

นอกจากนั้น ทะเลก็เดือดขึ้น โดยอุณหภูมิในมหาสมุทร (Ocean Temperature) สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 0.98 องศาเซลเซียสในเดือน พ.ค. 67 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมถึง 1.02 องศาเซลเซียส! ในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. 67" ดร.วิษณุ นักเศรษฐศาสตร์ที่ติดตามความเคลื่อนไหวด้านการคาดการณ์และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกต่อภาคเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด เปิดเผยผลการคาดการณ์ของทีมนักวิทยาศาสสตร์โลกและไทย ผ่านโพสต์เฟสบุ๊กวันนี้ (16 มิ.ย. 2567)

"Climate Prediction Center (NOAA) รายงานว่าเอลนีโญได้จบลงเรียบร้อย และเราได้เข้าสู่เฟสกลาง (Neutral Phase) หรือภาวะปกติเต็มตัวในเดือน มิ.ย. 67 และจะเปลี่ยนสู่ลานีญาราวเดือน ส.ค. 67 และคาดว่ากำลังลานีญาจะเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดช่วง พ.ย. 67 ? ม.ค. 68

โดยกำลังลานีญาในรอบนี้ มีโอกาสอยู่ในระดับอ่อน?ปานกลางมากที่สุด ขณะที่กำลังลานีญาระดับรุนแรงขึ้นไปยังมีโอกาสราว 27% ต้องจับตาด้วยความไม่ประมาท ช่วง ก.ย.-ธ.ค. 67 ต้องระวังน้ำท่วมและพายุให้มาก" ดร.วิษณุ ระบุ

"เดือน ก.ค. 67 ค่าเฉลี่ยผลพยากรณ์ของสำนักอุตุนิยมวิทยา 9 สำนักทั่วโลกบ่งชี้ว่าปริมาณฝนจะกลับมาสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติเล็กน้อยเกือบทั่วประเทศ (ยกเว้นภาคตะวันตก ตะวันออก และกลางตอนล่าง)"

"เดือน ส.ค. 67 ค่าเฉลี่ยผลพยากรณ์ของสำนักอุตุนิยมวิทยา 9 สำนักทั่วโลกบ่งชี้ว่าปริมาณฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติต่อเนื่องในเกือบทุกภูมิภาค ภาคใต้ฝนจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติมากกว่าภูมิภาคอื่น"

"เดือน ก.ย. 67 ปริมาณฝนทุกพื้นที่ของประเทศจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ต้องระวังน้ำท่วมและพายุที่จะสร้างความเสียหายให้มากในทุกภูมิภาค (ยกเว้นภาคใต้) เนื่องจากเป็นเดือนที่มักมีปริมาณฝนสูงสุดในรอบปี"

"เดือน ต.ค. 67 ผลพยากรณ์จากอุตุนิยมวิทยา 9 สำนักทั่วโลกยังบ่งชี้ว่าทุกพื้นที่ของประเทศจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ทุกภูมิภาคต้องระวังน้ำท่วมและพายุให้มาก โดยเฉพาะภาคใต้และภาคตะวันตก"

"เดือนพ.ย. 67 ปริมาณฝนจะลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเกือบทุกภูมิภาคยกเว้นภาคใต้ซึ่งจะยังคงมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติภาคใต้ต้องระวังพายุและน้ำท่วมให้มากเนื่องจากเป็นเดือนที่มักมีปริมาณฝนสูงสุดในรอบปี"

"เดือน ธ.ค. 67 รูปแบบฝนคล้ายกับเดือน พ.ย. 67 โดยปริมาณฝนจะกลับสู่ภาวะปกติในทุกภูมิภาค (ยกเว้นภาคใต้) ภาคใต้ยังคงต้องระวังพายุและน้ำท่วมให้มาก โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่างซึ่งน่าจะยังมีปริมาณฝนมากกว่าภูมิภาคอื่น


IRI มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา พยากรณ์ว่าภาคใต้และภาคตะวันออกจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ ลากยาวตั้งแต่ ก.ค.-ธ.ค. 67 ขณะที่ภาคกลางจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติช่วง ส.ค.-ธ.ค. 67

ภาคเหนือและอีสานจะมีปริมาณฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติตั้งแต่ ก.ย.-ธ.ค. 67 โดยช่วง ก.ย.-พ.ย. 67 ต้องระวังน้ำท่วมให้มากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่สีเขียวเข้ม (ตะวันออก กลาง ตะวันตก อีสานตอนล่าง และใต้)" ดร.วิษณุ ระบุ

"เตรียมกับมือกับปริมาณฝนที่จะค่อยๆเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติจากนี้ไปกันนะครับ เตรียมทางระบายน้ำให้ดีเพื่อป้องกันน้ำท่วมระวังขยะอุดตันทางระบายน้ำต้องเร่งขุดลอกคูคลองที่ตื้นเขินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและต้องหาทางเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในฤดูแล้งปีหน้ากันด้วยอย่าปล่อยให้ไหลลงทะเลไปจนหมด

เกษตรกรผู้ปลูกข้าวต้องระวังข้าวล้มช่วงใกล้ฤดูเก็บเกี่ยวด้วยนะครับ ภาคเกษตรต้องระวังโรคและศัตรูพืชที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่ฝนตกต่อเนื่องมากกว่าปกติกันด้วย ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่สูงต้องระวังดินถล่ม โดยตั้งแต่ ก.ย. 67 ต้องระวังพายุที่จะสร้างความเสียหาย และรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ" ดร. วิษณุ ระบุ


https://greennews.agency/?p=38113

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:52


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger