เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 10-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยตอนบน ประกอบกับมีแนวลมพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม

สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 10 ? 11 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงใต้ละลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกและอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 12 ? 15 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับในช่วงวันที่ 14 ? 15 ก.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังแรงจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 12 ? 15 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 14 ? 15 ก.ค. 67









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 10-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ผู้ว่าการ กทพ.ประเมินสร้างสะพานข้ามเกาะช้างขั้นต่ำใช้งบ 10,000 ล้าน

ผู้ว่าการ กทพ.ประเมินสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง จังหวัดตราด ขั้นต่ำใช้งบ 10,000 ล้านบาท



เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 9 ก.ค.67 ที่ห้องประชุพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พร้อมคณะศึกษางานศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัดตราด (คณะกรรมการ กรอ.จังหวัดตราด) เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูล "โครงการทางการพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด" เบื้องต้นคณะศึกษาฯ จะรับฟังและทบทวนแนวเส้นทางเชื่อมเกาะช้างจำนวน 2 แนว คือ เส้นทางที่ 1 ระยะ 8.20 กิโลเมตร เส้นทางที่ 2 ระยะทาง 5.59 กิโลเมตร

จากการศึกษาเดิมพบว่าเส้นทางที่ 1 (เส้นสีชมพู) ระยะ 8.20 กิโลเมตร เริ่มต้น : บ้านยายม่อม - บ้านหนองเตียน อ.แหลมงอบ จ.ตราด จุดสิ้นสุด : หน้าโรงพยาบาลเกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ประชาชนชาวอำเภอแหลมงอบและอำเภอเหาะช้าง มีมติเสียงข้างมาก 472 เสียง จาก 476 เสียง ในเวทีรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชนเมื่อวันที่ 9 และ 10 กุมภาพันธ์ 2566

ส่วนแนวเส้นทางเลือกที่ 2 (เส้นสีเขียว) ระยะทางประมาณ 5.59 กิโลเมตร จุดเริ่มต้น : บนถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 4006 บริเวณบ้านธรรมชาติล่างต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด (ใกล้เคียงท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวธรรมชาติ อ.แหลมงอบ) จุดสิ้นสุด : บนถนน อบจ.ตร. บริเวณอ่าวสับปะรดต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด (ใกล้เคียงท่าเรือเฟอร์รี่อ่าวสับปะรด อ.เกาะช้าง)

นายนายครรชิต วิลัยศิลป์ วิศวกรงานทางอาวุโสกล่าวว่า คณะศึกษาได้กำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของโครงการ เพื่อให้ได้แนวเส้นทางที่มีความเหมาะสมที่สุด โดยแนวเส้นทางที่ 1 จุดเริ่มต้นมีทั้งหมด 3 จุด จุดสิ้นสุดมีทั้งหมด 2 จุด แนวเส้นทางที่ 2 จุดเริ่มต้น 2 จุด จุดที่สิ้นสุด 3 จุด และการพิจารณาแนวเส้นทางนั้น จะต้องพิจราณา ทิศทางของกระแสลม ,เส้นทางการเดินเรือชนิดต่าง ๆ, ความลึกของท้องทะเล, ทิศทางการไหลของกระแสน้ำทะเล, ความเร็วของกระแสน้ำทะเล รวมทั้งหลีกเลี่ยงกานเกิดผลกระทบต่อพื้นที่อ่อนไหงด้านสิ่งแวดล้อม เช่น พื้นที่ปะการัง,หญ้าทะเล,ที่อยู่อาศัยปลาโลมา ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณา "โครงการทางการพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด" มี 3 ด้านคือ ด้านวิศวกรรม ด้านเศษรฐกิจและการลงทุน ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการศึกษา 24 เดือน

นายสมเกียรติ โมครัตน์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงตราดและนายจตุพิธ นามสนิท ผู้อำนวยแขวงการทางหลวงชนบทตราด ได้แนะนำให้คณะศึกษาให้หลีกเส้นทางที่อาจจะเวนคืน เพราะจะต้องเสียเวลาการเวนคืนอีก 2 ปี ซึ่งแนวเส้นทางที่ 1 ถนนเส้น 3156 เหมาะสมที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ

หลังจบการประชุมแล้วนายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการรับฟังความคิดเห็นของชาวตราดที่เข้ามาสะท้อนความรู้สึกร่วมกันว่า ต้อบการได้สะพานข้างเกาะช้างเป็นเสียงเดียวกัน วันนี้การทางพิเศษฯได้รับมอบหมายจากกระทรวงคมนาคมให้มาศึกษาถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการก่อสร้างทางด่วนหรือสะพานข้ามเกาะช้าง ที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาศึกษาความเหมาะสมและพบว่า มีข้อเสนอแนะพิเศษบางเรื่องที่การทางพิเศษต้องได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้ามารับฟังข้อคิดเห็นและรับรู้ว่าชาวตราดมีความต้องการอยากได้สะพาน ข้ามเกาะช้างมากเรารู้ดีว่าโครงการขนาดใหญ่มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะเส้นทางที่สะพานจะเชื่อมไปยังฝั่งเกาะช้างว่าจะอยู่บริเวณไหนวันนี้เป็นการแสดงคอมเมนต์ว่าการทางพิเศษจะทำโครงการไปได้ถึงไหน ซึ่งทุกโครงการที่ทำเชื่อว่าไม่ว่าจะทำพื้นที่บริเวณไหนก็จะสร้างความเจริญให้กับจังหวัดตราดซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับจังหวัดตราดและเกาะช้าง ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย จึงเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะเข้ามาดูพื้นที่และเข้าไปศึกษาสภาพพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้างทั้งฝั่งอำเภอแหลมงอบและฝั่งอำเภอเกาะช้างและเชื่อว่าภายในสองปีนี้จะมีการลงพื้นที่ของการทางพิเศษอย่างต่อเนื่องและได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนในการดำเนินนโยบายของทางรัฐบาลให้มีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์กับทางจังหวัดตราด

"สำหรับการประเมินค่าก่อสร้างในการสร้างสะพานข้ามก่อสร้างครั้งนี้ประเมินไว้ขั้นต่ำประมาณ 10,000 ล้านบาทแต่ผมยังไม่ต้องการที่จะนำมาเป็นปัจจัยในการกำหนดกำหนดโครงการเนื่องจากยังยังต้อง ยังต้องพิจารณาเงื่อนไขหลายหลายอย่างร่วมกันเนื่องจาก ยังต้องเดินทางมาศึกษาผลกระทบอีกหลายครั้งจึงยังไม่ต้องการที่จะพูดอะไรมากกว่านี้เพราะอาจจะมีการปรับเปลี่ยนในภายหลังได้แต่สิ่งที่จะยืนยันกับพี่น้องประชาชนชาวตราดในขณะนี้ก็คือการทางพิเศษ ยืนยันว่าจะทำโครงการนี้ให้ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด"

จากนั้นคณะของผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทยได้เดินทางไปพร้อมกับนายสมเกียรติ สมรรถการ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาความคิดเห็นของชาวตราดเรื่องสะพานข้ามเกาะช้าง ไปยังพื้นที่ที่ได้มีการศึกษาไว้เบี้ยงต้น 2 จุด ก่อนที่คณะได้เดินทางไปยังอำเภอเกาะช้างเพื่อตรวจสอบพื้นที่เชื่อมสะพานที่ฝั่งอำเภอเกาะช้าง ที่มีนายสัญญา เกิดมณี นายกเทศบาลตำบลเกาะช้างนำไป


สำหรับไทม์ไลน์ "โครงการทางการพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จังหวัดตราด" มีดังนี้

ปี พ.ศ. 2567 - 2569 ดำเนินการศึกษาความเหมาสม ฯ
ปี พ.ศ. 2569 - 2572 ขออนุมัติ EIA และขออนุมัติโครงการ คัดเลือกผู้รับจ้าง
ปี พ.ศ. 2572 ดำเนินการก่อสร้างโครงการ
ปี พ.ศ. 2576 เปิดใช้สะพาน


https://www.naewna.com/local/815348

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 10-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


เฉลยความลับ! ทำไม "ฉลามกรีนแลนด์" อายุยืนที่สุดในโลก ก็แค่ขยับให้น้อย


SHORT CUT

- ปัจจัยเดิม ที่ทำให้ฉลามกรีนแลนด์มีอายุยืน คือสภาพแวดล้อมเย็นและการเคลื่อนไหวน้อย

- แต่มีการค้นพบปัจจัยใหม่เพิ่มเติมพบว่า ระบบเผาผลาญของกล้ามเนื้อฉลามกรีนแลนด์ไม่เปลี่ยนแปลงตามอายุ อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีอายุยืน

- งานวิจัยนี้ยังไม่สมบูรณ์ ทีมวิจัยต้องการศึกษาต่อเรื่องผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ รวมถึงระบบหัวใจฉลามเพิ่มเติม




"ฉลามกรีนแลนด์" ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีอายุยืนที่สุดในโลก โดยพวกมันจะมีอายุขัยอยู่ที่ระหว่าง 270-500 ปี และก่อนหน้านี้มีการค้นคว้าว่า ปัจจัยที่ทำให้พวกมันมีอายุยืนเกิดจากสภาพแวดล้อมที่อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็น และการเคลื่อนไหวน้อยๆ

แต่ตอนนี้ ยังมีการค้นพบปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับการอนุรักษ์ "ฉลามกรีนแลนด์" และถ้าหากมีการไขความลับได้เพิ่มขึ้น ก็อาจจะนำมาปรับใช้เป็นศาสตร์การชะลอวัยในมนุษย์ได้ด้วย

ผลการศึกษาของศูนย์ Society for Experimental Biology ในประเทศกรีซพบว่า ระบบเผาผลาญของกล้ามเนื้อหรือ muscle metabolic อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฉลาดกรีนแลนด์ เป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลก โดยนักวิจัยเชื่อว่า ผลลัพธ์จากการค้นคว้าจะเป็นข่าวดีสำหรับการอนุรักษ์ฉลามสายพันธุ์ดังกล่าว และเป็นผลดีต่อสุขภาพของมนุษย์

โดยส่วนใหญ่แล้ว สัตว์เกือบทุกสายพันธุ์จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ระบบเผาผลาญเมื่อมีอายุมากขึ้น และทางทีมวิจัยต้องการค้นคว้าว่า ฉลามกรีนแลนด์เองก็มีการส่งสัญญาณที่แสดงออกถึงการมีอายุมากขึ้น หรือระบบเผาผลาญของพวกมันเป็นอย่างไรบ้างเมื่อแก่ขึ้น

ทีมศึกษาใช้วิธีวัดระบบเผาผลาญของฉลามกรีนแลนด์ ด้วยการวิเคราะห์เอนไซม์ตัวอย่างเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของพวกมัน และใช้อุปกรณ์สเปกโตรโฟโตมิเตอร์เข้ามาช่วย ศึกษาฉลามที่มีอายุต่างกันและอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่างกัน

ผลการศึกษาพบว่า ไม่พบการเปลี่ยนแปลงในระบบเผาผลาญของกล้ามเนื้อสำหรับฉลามที่มีอายุต่างกัน

"หมายความว่า ระบบเผาผลาญของพวกมันไม่ได้มีความสามารถลดลงเมื่อพวกมันมีอายุมากขึ้น ซึ่งนี่อาจจะเป็นปัจจัยสำคัญของการมีอายุยืน"

หัวหน้าทีมวิจัยเผยว่า สิ่งนี้จะแตกต่างจากสัตว์ส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงในระบบเผาผลาญเมื่อมีอายุมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยทีมงานตั้งใจจะศึกษาต่อเพื่อทำความเข้าใจเรื่องระบบเผาผลาญของฉลามกรีนแลนด์ และศึกษาว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลอย่างไรก็ต่อพวกมันบ้าง นอกจากนี้ ยังต้องการศึกษาในประเด็นที่สามารถนำมาปรับใช้กับมนุษย์ได้ โดยเฉพาะการศึกษาระบบหัวใจของพวกมัน เพื่อที่เราจะได้เข้าใจเรื่องสุขภาพของหัวใจและหลอดเลือดของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น


ที่มา : Euronews
Photo : Reuters



https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/851403
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 10-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


เปิดผลชันสูตรซาก 'วาฬบรูด้า' เกยตื้นเกาะพะลวย ทช. คาด เจ็บป่วยตามธรรมชาติ



กระทรวงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แถลงผลชันสูตรซากวาฬบรูด้า เกยตื้นตายที่ เกาะพะลวย จ.สุราษฎร์ธานี ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี ทิ้งท้ายไว้ด้วยการเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และรักษาวาฬบรูด้า

จากกรณีที่ชาวประมงพบวาฬบรูด้าเกยตื้น บริเวณอ่างสอง เกาะพะลวย ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และได้มีความพยายามยื้อชีวิต ?พี่ใหญ่แห่งท้องทะเล? อยู่นานถึง 3 ชม. แต่ไม่เป็นผล

"ผมช่วยเต็มที่แล้วครับ ขอให้วาฬตัวนี้ไปสู่สุขคติ" ธีระพงค์ ทองมาก ชาวบ้านสุราษฎร์ธานี กล่าว

เวลาล่วงเลยผ่านไปสามวัน ขณะนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เปิดเผยผลผ่าพิสูจน์ซากวาฬบรูด้าออกมาแล้ว


วันนี้ (9 ก.ค. 67) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า หลังเกิดกรณีดังกล่าว ตนได้สั่งการให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เร่งลงพื้นที่ร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง

ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง, สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 และอุทยานหมู่เกาะอ่างทอง ผ่าชันสูตรซากวาฬบรูด้าเกยตื้นดังกล่าว


ผลผ่าพิสูจน์ซากวาฬบรูด้า เกาะพะลวย

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นวาฬบรูด้าเพศผู้ วัยรุ่น ความยาว 9.6 เมตร น้ำหนักประมาณ 5 ตัน สภาพซากสด ผอม มีแผลถลอกตามลำตัว โดยผลชันสูตรพบฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมากในหลอดลม แขนงหลอดลมและปอด

สาเหตุการตายสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเกิดจากการเจ็บป่วยตามธรรมชาติ ทำให้เกยตื้นและเสียชีวิต ซึ่งมีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อนำไปศึกษาหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไป


ทช. เผย ขอลุยปกป้องวาฬบรูด้า และสัตว์หายากเต็มที่

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยอีกว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีการออกสำรวจวาฬบรูด้า ทั้งทางเรือและทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินจำนวนประชากรและจัดทำฐานข้อมูลสัตว์ทะเลหายากในประเทศไทย เพื่อยกระดับความสำคัญของการอนุรักษ์วาฬบรูด้า ควบคู่ไปกับการคุ้มครองตามมาตรการทางกฎหมาย

รวมถึงดำเนินการช่วยชีวิตหากพบการเกยตื้น เพื่อรักษาฟื้นฟูสุขภาพวาฬบรูด้าก่อนปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ตลอดจนการชันสูตรหาสาเหตุและแนวทางป้องกันในการลดการสูญเสีย พร้อมทั้งเสริมสร้างและอบรมเครือข่ายในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น และลดอัตราการเสียชีวิต

ดร.ปิ่นสักก์ ทิ้งท้ายไว้ด้วยการเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และรักษาวาฬบรูด้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่นับวันจะสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเลไทย

โดยสามารถเริ่มต้นจากการลดการทิ้งขยะลงในทะเล ทำประมงอย่างถูกกฎหมาย เดินเรือให้ห่างจากแหล่งอาศัยของวาฬบรูด้า และท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ตลอดจนช่วยกันสอดส่องดูแลหากพบเจอวาฬบรูด้าหรือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ หรือโทรไปที่ 1362 สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ที่มา: กรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง


https://www.springnews.co.th/keep-th...ronment/851413
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:31


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger