เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 15-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคะตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 14 ? 18 ก.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ซึ่งมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 15 ? 17 ก.ค. 67 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ส่วนในช่วงวันที่ 19 ? 20 ก.ค. 67 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองและห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 15 ? 19 ก.ค. 67



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ฉบับที่ 6 (131/2567) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 15?18 กรกฎาคม 2567)


ในช่วงวันที่ 15?18 ก.ค. 67 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้


วันที่ 15 กรกฎาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่


ในช่วงวันที่ 16 กรกฎาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตากสุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล


ในช่วงวันที่ 17-18 กรกฎาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตากสุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ
2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 15-18 ก.ค. 67









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 15-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


"Kaituo 2" สร้างสถิติใหม่ในการขุดใต้ทะเลลึกกว่า 4,000 เมตร

เครื่องขุดเหมืองแร่ใต้ทะเลลึก "Kaituo 2" ประสบความสำเร็จในการดำน้ำใต้ทะเลที่ระดับความลึก 4,102.8 เมตร "Kaituo 2" สามารถปรับทิศทางการเดินตามสภาพพื้นที่ โดยใช้ระบบการควบคุมอัจฉริยะ



ใต้ทะเลลึกอุดมไปด้วยทรัพยากรแร่ เช่น ก้อนโพลีเมทัลลิก หรือ แหล่งแร่แมกกานีส แผ่นเปลือกโลกที่อุดมไปด้วยโคบอลต์ และแหล่งซัลไฟด์ขนาดใหญ่ มีแร่ต่างๆ เช่น ทองแดง โคบอลต์ นิกเกิล และแมงกานีส ที่เป็นแร่สำคัญในอุตสาหกรรมพลังงาน การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา เครื่องขุดเหมืองแร่ใต้ทะเลลึก ?Kaituo 2? ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียวทง ประสบความสำเร็จในการดำน้ำใต้ทะเลที่ระดับความลึก 4,102.8 เมตร

ภูมิประเทศใต้ทะเลลึก มีสภาพเป็นภูเขาใต้น้ำที่สูง ขรุขระ ลาดชัน เต็มไปด้วยตะกอน Yang Jianmin หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ผู้พัฒนา Kaituo 2 มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เจียวทง ระบุว่า Kaituo 2 สามารถขุดเจาะและรวบรวมแร่ใต้ทะเลได้กว่า 200 กิโลกรัม?

ทีมงานได้พัฒนาเทคโนโลยีการเดินใต้ทะเลให้เข้ากับสภาพพื้นที่ที่ซับซ้อน ให้ Kaituo 2 สามารถปรับทิศทางการเดินตามสภาพพื้นที่ โดยใช้ระบบการควบคุมอัจฉริยะ Yang กล่าวว่า Kaituo 2 ประสบความสําเร็จในการขุดเหมืองใต้ทะเลภายใต้สภาพคลื่นลมแรง และสามารถปีนข้ามสิ่งกีดขวางได้อย่างราบรื่น

จีนเป็นผู้บุกเบิกการสำรวจเหมืองใต้ทะเลหลายแห่ง ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งมีแหล่งแร่สำคัญ เช่น แมงกานีส นิกเกิล และโคบอลต์ ที่จะรองรับการพัฒนาประเทศในทศวรรษหน้า ความสำเร็จของ Kaituo 2 จึงช่วยทำให้จีนสามารถใช้ประโยชน์และพัฒนาทรัพยากรใต้ทะเลได้อย่างยั่งยืนโดยเร็วที่สุด?

เครดิต China Media Group (CMG)


https://www.dailynews.co.th/news/3642010/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 15-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ตายยกฝูง "วาฬนำร่อง" กว่า 70 ตัวเกยตื้นชายหาดสกอตแลนด์



วาฬนำร่องเกยตื้นบนชายหาดในสกอตแลนด์ตายมากกว่า 60 ตัว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจทำการุณยฆาตวาฬที่ยังมีชีวิตอยู่ราว 10 ตัว

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2567 หน่วยงานการกุศลด้านการอนุรักษ์สัตว์ทะเลอังกฤษ เผยแพร่วิดีโอวาฬนำร่องครีบยาวอย่างน้อย 65 ตัว พบเกยตื้นตายริมชายหาดบนเกาะนอกชายฝั่งทางเหนือของสกอตแลนด์ นับเป็นเหตุวาฬเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดในแถบอังกฤษตลอดช่วงหลายปีมานี้

เจ้าหน้าที่ระบุว่า ก่อนหน้านี้พยายามเข้าช่วยเหลือวาฬฝูงนี้ตั้งแต่พบเมื่อวัน 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีวาฬเกยตื้นถึง 77 ตัว แต่ในจำนวนนี้มีวาฬที่ยังรอดชีวิตเพียง 12 ตัวเท่านั้น

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตัดสินใจทำการุณยฆาตวาฬที่เหลือ เนื่องจากการเกยตื้นเป็นเวลานานทำให้สภาพร่างกายของวาฬย่ำแย่ ทั้งบาดเจ็บจากน้ำหนักตัวที่กดทับบนพื้นทราย และการหายใจเอาน้ำเข้าไประหว่างคลื่นซัดขึ้นฝั่ง ล่าสุดยังไม่พบสาเหตุของการเกยตื้นหมู่ครั้งนี้


https://www.thaipbs.or.th/news/content/341988

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 15-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation


ระทึก! คลื่นลมแรงซัดเรือหางยาวล่มกลางทะเลกระบี่ 2 นทท. ต้องเกาะหัวเรือเอาชีวิตรอด



14 กรกฎาคม 2567 จากสถานการณ์คลื่นลมแรงในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะทะเลอันดามัน ที่กรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีการออกประกาศแจ้งเตือน ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าว เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือ ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 14-18 ก.ค. 67

ล่าสุดได้เกิดเหตุการณ์ เรือหางยาวนำเที่ยวล่มกลางทะเลกระบี่บริเวณเกาะพีพี โดยคลิปวีดีโอจาก ผู้ใช้ติ๊กต็อก รายหนึ่งได้บันทึกภาพ ขณะที่เรือสปีดโบ๊ทนำเที่ยว ชื่อเรือ "นารายานา มารีน" ให้การช่วยเหลือ เรือหางยาวที่ถูกคลื่นลมแรงพัดล่มกลางทะเล บริเวณเกาะพีพีเล ตำบลอ่าวนาง อำเภอกระบี่

มีนักท่องเทียวชาวจีนจำนวน 2 คน เป็นชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน และคนขับเรือหางยาว ว่ายน้ำเกาะหัวเรือเพื่อเอาชีวิตรอด โดยทั้งหมดไม่สวมเสื้อชูชีพ ลูกเรือนำเที่ยวและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ต้องว่ายน้ำนำเสื้อชูชีพไปให้ ก่อนใช้เชือกลากทั้งหมดขึ้นเรือสปีดโบ๊ทมาได้อย่างปลอดภัย

ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ปักธงแดงตามแหล่งท่องเทียวทางทะเลต่าง ๆ เช่น เกาะไม้ไผ่ ทะเลแหวก แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำเพื่อความปลอดภัย พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือ หากมีเรือประสบเหตุ

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัดกระบี่ ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยทั้ง 8 อำเภอ ให้เฝ้าระวังอันตรายจากน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ทำให้ดินอุ้มน้ำไว้มาก ประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำลำคลอง เตรียมขนย้ายทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยงไว้ที่ปลอดภัย ระหว่างวันที่ 13-18 กรกฎาคม เนื่องจาก มีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง จะมีฝนตกหนักและหนักมากในบ้างพื้นที่ ทำให้ท้องทะเลมีคลื่นลมแรงสูง 2?3 เมตร อาจทำให้เกิดพายุและมีลมกรรโชกแรง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก เรือขนาดเล็กงดออกจากฝั่ง ขอประชาชน เฝ้าติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด


https://www.nationtv.tv/news/region/378945829

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 15-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


เอไอพบ "เสียงพยัญชนะ" ในภาษาของวาฬสเปิร์ม
............ โดย แคเธอรีน ลาแธม และ แอนนา เบรสซานิน


คำบรรยายภาพ,การสื่อสารของวาฬสเปิร์มมีความคล้ายคลึงกับภาษาของมนุษย์
ภาพ,AMANDA COTTON/PROJECT CETI


ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาวาฬหัวทุยหรือวาฬสเปิร์ม (sperm whale) ค้นพบว่าพวกมันสามารถจะพูดคุยกันเองได้รู้เรื่อง โดยใช้โครงสร้างทางภาษาที่ละเอียดซับซ้อน ไม่ต่างไปจากการสื่อสารด้วยภาษาของมนุษย์

ใต้ผืนน้ำดำมืดของทะเลลึกที่ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องลงไปถึง หรือที่เรียกกันว่า "เขตเที่ยงคืน" (midnight zone) ยักษ์ใหญ่แห่งท้องทะเลซึ่งเป็นวาฬสเปิร์มตัวเมียตัวหนึ่ง กำลังออกล่าเหยื่อท่ามกลางความมืดมิด โดยมุ่งค้นหาหมึกยักษ์ในตำนานที่เคยฝากรอยแผลเป็นไว้บนตัวของมันหลายแห่ง จากวิธีระบุตำแหน่งด้วยเสียงสะท้อน (echolocation) เมื่อพบเป้าหมายแล้วมันส่งเสียงดัง "คลิก" อย่างกระชั้นถี่รัว ก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีสังหารเหยื่อในทันที

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครรู้แน่ว่าวาฬสเปิร์มจับเหยื่อที่ดุร้ายและมีขนาดมหึมาอย่างหมึกยักษ์ได้อย่างไร ปริศนานี้เป็นหนึ่งในเรื่องราวความลี้ลับของชีวิตวาฬเสปิร์ม ซึ่งยังมีคำถามที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบคำตอบอีกมาก

"พวกมันเป็นนักว่ายน้ำที่ช้ามาก" คริสเทน ยัง นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากมหาวิทยาลัยเอ็กซีเตอร์ของสหราชอาณาจักรกล่าวด้วยความสงสัย เพราะหมึกยักษ์ที่เป็นเหยื่อนั้นว่ายน้ำได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ ?พวกมันจับหมึกยักษ์เป็นอาหารได้อย่างไร ถ้าสามารถแหวกว่ายได้เร็วที่สุดเพียง 3 น็อต หรือราว 5.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น คำตอบของเรื่องนี้อาจเป็นได้ว่า หมึกยักษ์ไม่ได้เคลื่อนตัวเร็วอย่างที่คิดกัน หรือวาฬสเปิร์มอาจใช้คลื่นเสียงเข้ากระแทกโจมตีก่อน จนทำให้เหยื่อแน่นิ่งไปและสังหารได้ง่าย แต่อันที่จริงแล้ว เกิดอะไรขึ้นใต้ทะเลลึกนั้นไม่มีใครรู้?

วาฬสเปิร์มไม่ใช่สัตว์ที่นักวิทยาศาสตร์จะทำการศึกษาได้ง่าย ๆ เพราะพวกมันใช้ชีวิตส่วนใหญ่ออกหาอาหารและล่าเหยื่อใต้ทะเลลึก ในส่วนที่มืดมิดปราศจากแสงสว่างเหมือนเวลากลางคืน โดยวาฬสเปิร์มสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 3 กิโลเมตร ทั้งยังกลั้นลมหายใจได้นานถึง 2 ชั่วโมงติดต่อกัน

"ที่ระดับความลึก 1,000 เมตร วาฬสเปิร์มส่วนใหญ่ในฝูงจะหันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และเคลื่อนที่เป็นแนวขนาบข้างกันเสมอ แต่พวกมันจะไม่อยู่ชิดติดกัน และกระจายตัวอยู่ห่างกันออกไปทั่วพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร ในระหว่างนั้นพวกมันจะพูดคุยสื่อสารกัน ด้วยการส่งเสียงดังคลิกอยู่ตลอดเวลา" คริสเทนอธิบาย
"เมื่อผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง ทั้งฝูงจะขึ้นสู่ผิวน้ำพร้อมกันและเข้าสู่ช่วงเวลาพักผ่อน พวกมันจะอยู่ที่ผิวน้ำราว 15-20 นาที ก่อนจะเริ่มดำลงไปใหม่"

เมื่อสิ้นสุดการออกล่าหาอาหารในแต่ละวัน วาฬสเปิร์มทั้งฝูงจะมารวมกันที่ผิวน้ำและถูไถลำตัวเบียดเสียดกัน พลางส่งเสียงพูดคุยสื่อสารคล้ายมนุษย์ขณะกำลังเข้าสังคม คริสเทนกล่าวถึงพฤติกรรมนี้ว่า "แม้เราจะเป็นนักวิจัย แต่ก็ไม่ได้เห็นพฤติกรรมในการดำรงชีวิตของพวกมันมากนัก เพราะวาฬสเปิร์มไม่ค่อยจะขึ้นมาอยู่ที่ผิวน้ำ ทำให้สิ่งที่เราไม่รู้เกี่ยวกับมันมีมากมายมหาศาล เนื่องจากเราสังเกตการณ์ได้แค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ราว 15 นาที ที่มันขึ้นสู่ผิวน้ำเท่านั้น"

เมื่อ 47 ล้านปีก่อน ต้นตระกูลของสัตว์จำพวกวาฬและโลมา (cetaceans) ที่เคยอยู่บนบก เริ่มหวนกลับลงไปใช้ชีวิตในมหาสมุทรอีกครั้ง ทำให้เกิดเส้นทางวิวัฒนาการที่ยาวนาน สำหรับการปรับตัวใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากมนุษย์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำความเข้าใจสัตว์โลกอีกกลุ่มหนึ่ง ในขณะที่พวกมันดำรงชีวิตและสื่อสารภายใต้แรงกดดันทางวิวัฒนาการที่ไม่เหมือนกับคนเราอย่างสิ้นเชิง

"แต่มันง่ายที่จะทำความเข้าใจ ผ่านการแปลความหมายจากส่วนที่ทับซ้อนกันระหว่างโลกของเราและโลกของสัตว์ เช่นพฤติกรรมการกิน การนอน หรือการเลี้ยงดูลูกหลาน" เดวิด กรูเบอร์ หัวหน้าและผู้ก่อตั้งโครงการ "ซีติ" (Cetacean Translation Initiative - CETI) หรือความริเริ่มเพื่อการแปลภาษาของสัตว์จำพวกวาฬและโลมา กล่าวอธิบาย

กรูเบอร์ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ในสาขาวิชาชีววิทยา ประจำมหาวิทยาลัย City University of New York บอกว่า "คนเราและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ มีพฤติกรรมพื้นฐานบางอย่างร่วมกัน แต่ผมว่ามันจะน่าสนใจมากขึ้น หากเราพยายามทำความเข้าใจสัตว์โลกบางจำพวกที่แทบจะไม่มีอะไรคล้ายกับเราเลย"

ปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจความหมายในภาษาของสัตว์ ตั้งแต่ช้างไปจนถึงสุนัขได้กระจ่างชัดเจนมากขึ้น โดยปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) สามารถวิเคราะห์ชุดข้อมูลขนาดใหญ่ จนค้นพบความหลากหลายและซับซ้อนในรูปแบบการสื่อสารของสัตว์ที่มนุษย์ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งล่าสุดนักวิจัยในโครงการซีติแถลงว่า พวกเขาได้ใช้เอไอทำการศึกษากับวาฬและโลมาด้วยเช่นกัน จนสามารถถอดรหัสและค้นพบ "สัทอักษร" (phonetic alphabet) หรือเสียงพยัญชนะในภาษาของวาฬสเปิร์มได้

เมื่อปี 2005 เชน เกโร หัวหน้านักชีววิทยาของโครงการซีติ ได้ก่อตั้งโครงการ Dominica Sperm Whale เพื่อศึกษาพฤติกรรมทางสังคมและการใช้เสียงของวาฬสเปิร์มราว 400 ตัว ที่อาศัยอยู่ในทะเลแคริบเบียนตะวันออก โดยใช้เวลาเกือบ 20 ปี เฝ้าสังเกตการณ์ฝูงวาฬสเปิร์มนานหลายพันชั่วโมง จนค้นพบความละเอียดซับซ้อนในการเปล่งเสียงของพวกมันที่ไม่มีใครเคยทราบมาก่อน ซึ่งการค้นพบนี้เผยถึงโครงสร้างในการสื่อสารของวาฬสเปิร์ม ที่ดูไปแล้วละม้ายคล้ายคลึงกับภาษาของมนุษย์อย่างยิ่ง

สังคมของวาฬสเปิร์มแบ่งเป็นหลายระดับ โดยมีการสืบตระกูลผ่านทางสายของมารดาเป็นหลัก ประกอบไปด้วยกลุ่มของลูกสาว, แม่, และยายซึ่งเป็นผู้นำฝูง ในขณะที่วาฬตัวผู้จะออกพเนจรอย่างโดดเดี่ยวไปในท้องทะเลกว้าง และกลับมารวมฝูงเพื่อผสมพันธุ์เป็นครั้งคราวเท่านั้น

พวกมันเป็นสัตว์ที่รู้จักกันดีว่า มีพฤติกรรมทางสังคมซับซ้อนและตัดสินใจร่วมกันเป็นหมู่คณะได้ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้จะต้องอาศัยการสื่อสารระดับสูงเท่านั้น ตัวอย่างเช่นความสามารถของวาฬสเปิร์มในการปรับตัวให้เกิดพฤติกรรมใหม่ที่สอดคล้องกันทั้งฝูง เพื่อปกป้องตนเองและเครือญาติ เมื่อเผชิญภัยจากผู้ล่าอย่างวาฬเพชฌฆาตหรือมนุษย์

ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์พบว่า วาฬสเปิร์มสื่อสารกันด้วยเสียงคลิกถี่ ๆ เป็นจังหวะในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสัญญาณเหล่านี้เรียกว่า "โคดา" (Coda) ในอดีตนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าโคดาของวาฬสเปิร์มมีอยู่เพียง 21 แบบ แต่หลังจากโครงการซีติได้ศึกษาข้อมูลเสียงที่บันทึกไว้ได้เกือบ 9,000 ครั้ง กลับพบว่ามีโคดาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงอยู่ถึง 156 แบบ รวมทั้งค้นพบองค์ประกอบพื้นฐานที่ใช้สร้างโคดาเหล่านี้ขึ้นมาด้วย ซึ่งก็คือ "สัทอักษร" ของภาษาวาฬสเปิร์มนั่นเอง โดยหน่วยของเสียง (phonemes) เหล่านี้ เหมือนกับเสียงพยัญชนะในภาษามนุษย์ที่ประกอบกันขึ้นเป็นคำศัพท์ต่าง ๆ

ปรัตยุชา ชาร์มา นักศึกษาวิจัยระดับปริญญาเอก จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแมสซาชูเซตส์หรือเอ็มไอที (MIT) ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยข้างต้นอธิบายว่า ได้ใช้เอไอวิเคราะห์เสียงวาฬสเปิร์ม จนพบ ?ความเปลี่ยนแปลงในระดับย่อยที่เล็กละเอียดอย่างยิ่ง? ในการเปล่งเสียงของพวกมัน โดยโคดาแต่ละแบบประกอบไปด้วยเสียงคลิกถี่ที่ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว 3-40 ครั้ง ซึ่งความเร็วในการเปล่งเสียงโคดาหรือ tempo จะแตกต่างกันไปในแต่ละคราวได้ วาฬสเปิร์มยังเปล่งเสียงโคดาโดยเร่งให้เร็วขึ้นหรือลากช้าลงกว่าปกติ จนกลายเป็นเสียงแปลงที่เรียกว่า rubato ได้อีกด้วย

ลักษณะการเปล่งเสียงทั้งหมดที่กล่าวมา เหมือนกับการบรรเลงดนตรีที่ใช้ความแตกต่างของเสียงสื่อความหมายได้อย่างรุ่มรวยและหลากหลาย นอกจากนี้ วาฬสเปิร์มยังชอบเติมหางเสียงหรือเพิ่มเสียงคลิกพิเศษลงที่ส่วนท้ายของโคดาในบางครั้ง ซึ่งคล้ายกับการประดับตกแต่ง (ornamentation) ทางดนตรี ซึ่งจะเพิ่มโน้ตเข้าไปในทำนองเพลงเพื่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกมากขึ้น ชาร์มากล่าวสรุปว่าความหลากหลายในการเปล่งเสียงของวาฬสเปิร์มเหล่านี้ บ่งชี้ว่าการสื่อสารของพวกมันอาจมีการรับส่งข้อมูลข่าวสารปริมาณมากกันอย่างซับซ้อน ในระดับสูงกว่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยคาดการณ์เอาไว้มาก

"ความแตกต่างของเสียงเหล่านี้สื่อความหมายที่ขึ้นอยู่กับบริบท" ชาร์มากล่าวเสริม "ในภาษาของมนุษย์ เวลาที่ฉันพูดว่า 'อะไรนะ' กับ 'อารายน้า' ทั้งสองประโยคมาจากคำเดียวกันทั้งหมด แต่ให้ความหมายที่สื่อถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างกัน ซึ่งคุณต้องฟังเสียงทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบถึงจะเข้าใจ"

ทีมผู้วิจัยยังพบว่าวาฬสเปิร์มสามารถใช้หน่วยเสียงมาจัดหมู่ผสมผสานกัน แล้วสร้างรูปแบบการเปล่งเสียงใหม่ ๆ ออกมาได้อีกอย่างกว้างขวาง ทำให้การสื่อสารของพวกมันมีระบบการเข้ารหัสแบบจัดผสม ซึ่งจำเป็นต่อการเกิดปรากฏการณ์ทางภาษาศาสตร์ที่เรียกว่า duality of patterning หรือการที่องค์ประกอบย่อยของภาษาที่ไร้ความหมาย มารวมกันแล้วเกิดเป็นคำที่มีความหมายได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เคยคิดกันว่ามีอยู่แต่ในภาษาของมนุษย์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามชาร์มาเน้นย้ำว่า การค้นพบของเอไอดังกล่าวยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารองรับหรือยืนยันได้ว่าเป็นภาษาระดับสูงของวาฬสเปิร์มจริงหรือไม่ "เราเพียงพบว่าโคดาในการสื่อสารของวาฬสเปิร์ม ก่อตัวขึ้นจากการรวมหน่วยเสียงและรูปแบบการเปล่งเสียงพื้นฐานเหล่านี้ จากนั้นโคดาจะถูกจัดเรียงลำดับเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดเป็นชุดของลำดับโคดา ซึ่งก็เหมือนกับที่มนุษย์รวบรวมหน่วยเสียงเพื่อสร้างคำ แล้วจัดเรียงคำเพื่อสร้างประโยค"


(มีต่อ)
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 15-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


เอไอพบ "เสียงพยัญชนะ" ในภาษาของวาฬสเปิร์ม .......... ต่อ



กรูเบอร์กล่าวยืนยันอีกเสียงว่า การค้นพบโครงสร้างระบบสื่อสารที่ซับซ้อนในวาฬสเปิร์ม ยังไม่ได้บ่งบอกหรือช่วยให้ความรู้เพิ่มเติมแก่นักวิทยาศาสตร์ ในเรื่องของสติปัญญา ความสามารถในการใช้เหตุผล รวมทั้งรายละเอียดเรื่องการจดจำและการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารในหมู่วาฬแต่อย่างใด

"ในขั้นนี้มันยังไม่สามารถบอกอะไรแก่เราได้ ก่อนที่เราจะตั้งคำถามต่อไปในระดับสูงขึ้น เราต้องสร้างความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับวิธีสื่อสารและสิ่งที่มีความหมายต่อพวกมันเสียก่อน ตอนนี้เราเห็นเพียงว่าพวกมันดำรงชีวิตอย่างซับซ้อน โดยมีความละเอียดอ่อนและการร่วมมือร่วมใจกันแสดงออกซึ่งพฤติกรรมต่าง ๆ ถ้าหากเป็นนักปีนเขาก็เรียกได้ว่า เรายังคงอยู่แค่ที่เบสแคมป์เชิงเขาเท่านั้น นี่เป็นพื้นที่การสำรวจและศึกษาที่ยังใหม่สำหรับมนุษย์ ขอเวลาให้เราอีกสองสามปี เชื่อว่าเอไอจะช่วยให้เราสามารถมองลึกลงไปอีกในการสื่อสารของวาฬสเปิร์ม ในระดับยิ่งกว่าที่เคยมีมา" กรูเบอร์กล่าวทิ้งท้าย

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม มีนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มไม่เห็นด้วยกับผลวิจัยข้างต้นของโครงการซีติ โดยกล่าวเตือนว่าการใช้มุมมองทางภาษาของมนุษย์ไปตัดสินพฤติกรรมการสื่อสารของวาฬ เสี่ยงจะทำให้เกิดการตีความผิดและการศึกษาทำความเข้าใจจากมุมมองแคบ ๆ เพียงมุมเดียว

ด้านคริสเทน ยัง นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลจากมหาวิทยาลัยเอ็กซีเตอร์ของสหราชอาณาจักร แสดงความเห็นว่า นี่คืออีกก้าวย่างหนึ่งที่จะนำเราไปสู่ความเข้าใจชีวิตของสัตว์ยักษ์ในทะเลลึก "เราประกอบชิ้นส่วนของตัวต่อจิ๊กซอว์เข้าด้วยกัน จนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างได้แล้ว" เธอยังกล่าวเสริมว่าบางทีมนุษย์ควรจะดักฟังพวกมันต่อไป เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ เช่นวาฬผู้เฒ่าตัวเมียที่เป็นยายมีบทบาทสำคัญต่อฝูงอย่างไร สิ่งที่คล้ายคลึงระหว่างวาฬและมนุษย์เช่นนี้ อาจช่วยให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการอนุรักษ์วาฬในอนาคตได้

ปัจจุบันวาฬสเปิร์มถูกจัดให้เป็นสัตว์ชนิดที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) จำนวนประชากรวาฬสเปิร์มทั่วโลกเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว จากการติดตามไล่ล่าอย่างหนักของนักล่าวาฬในช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ซึ่งแม้คำสั่งห้ามล่าวาฬจะมีผลบังคับใช้มานานหลายสิบปีแล้ว แต่พวกมันยังคงต้องเผชิญกับภัยคุกคามใหม่ ๆ เช่นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก, มลภาวะทางเสียงในมหาสมุทร, และอุบัติเหตุจากการถูกเรือเดินทะเลชนเข้าได้

คริสเทนกล่าวสรุปว่า หนทางยังอีกยาวไกลกว่าที่นักวิทยาศาสตร์จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า วาฬสเปิร์มพูดคุยสื่อสารในหมู่พวกมันกันเองถึงเรื่องอะไรแน่ "ตอนนี้เราไม่รู้คำตอบเลยจริง ๆ แต่ยิ่งเราทำความเข้าใจสัตว์โลกที่น่าอัศจรรย์นี้ได้มากขึ้นเท่าไหร่ มนุษย์ก็จะยิ่งมีความสามารถในการปกป้องพวกมันได้สูงขึ้นเท่านั้น"


https://www.bbc.com/thai/articles/cl4yvmzmylko

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #7  
เก่า 15-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


เพจดังแฉ! โชว์จับ 'หอยมือเสือ' สร้างคอนเทนต์ไม่สนทำลายสัตว์คุ้มครอง



ในโลกออนไลน์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ หลังมีคนจับหอยลายเสือมาถ่ายรูปโชว์ โดยเรื่องราวถูกเผยแพร่ผ่าน X (ทวิตเตอร์) ชื่อดังอย่าง @RedSkullxxx เปิดพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง โดยระบุว่า "หอยมือเสือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเสี่ยงสูญพันธุ์ในบัญชีอนุสัญญาไซเตส (CITES) ให้เป็นหนึ่งในสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือหายากในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ไอ้พวกนี้ไปเที่ยวเฉยๆอย่ามือบอนกันได้ไหมวะ แล้วไม่รู้เอากลับไปไว้ที่เดิมหรือเอาขึ้นไปถือเล่นบนบกจนหอยตายไหม มึงยังกล้าทำคอนเทนต์ลง TikTok อีกนะ #หอยมือเสือ"

เมื่อคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก อาทิ "ในโลกที่เต็มไปด้วย Content ว่ากันว่าทำยังไงก็ได้ให้ Content ตัวเองเป็นไวรัล จะถูกด่าหรือจะถูกชมก็ได้ ให้คนพูดถึง แล้วเราก็จะมีตัวตน", เดี๋ยวการ์ด "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ก็จะถูกเปิดอีกครั้ง, ถ้าเป็นตัวอะไรที่มีพิษ มึงก็ตายหมู่ไปแล้ว, หน่วยงานที่รับผิดชอบเห็นคลิปนี้แล้ว ควรดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเล ถ้ามีสัตว์น้ำที่เป็นสัตว์สงวน ก็น่าจะมีป้ายเตือน เพราะปชช.บางส่วนก็ไม่รู้หรอกว่ามีสัตว์อะไรบ้าง แต่จริงๆ แล้วก็ควรปล่อยให้เค้าอยู่ที่เดิมไม่ควรจับนะ, แล้วเอาเขาขึ้นมาทำไม หอยแบบนี้อยู่น้ำลึก แทบจะพื้นท้องทะเล เอาขึ้นมาโดนแดด เขาก็จะตายเอา สมองน่อ กูเกลียดมากคำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ โตจนจะตายห่ายุละ รู้ทุกอย่างแหละ แต่ไม่ใช้สมอง, ยุคสมัยที่ คอนเทนท์ สำคัญกว่าทุกสิ่ง, สภาพคือดำน้ำเอาหอยขึ้นมาวางบนหิน เพื่อถ่ายคอนเท้น ต่อจากนี้ไปก็?..รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นต้น


หอยมือเสือ ทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เคยให้ความรู้เอาไว้ว่า หอยมือเสือเป็นทรัพยากรสัตว์น้ำที่มนุษย์นำมาใช้ประโยชน์ตั้งแต่สมัยโบราณ เนื้อของหอยมือเสือโดยเฉพาะกล้ามเนื้อยึดเปลือก เป็นอาหารซึ่งมีราคาแพง เปลือกใช้ทำเครื่องใช้, เครื่องประดับ รวมทั้งไข่มุก ซึ่งหอยมือเสือก็สามารถให้ได้เหมือนกัน และเป็นไข่มุกที่มีราคาแพงกว่าไข่มุกปกติธรรมดา เนื่องจากมีขนาดใหญ่และหาได้ยากมาก ส่วนหอยมือเสือขนาดเล็กนิยมนำมาเลี้ยงในตู้ปลาทะเลสวยงาม จึงทำให้หอยมือเสือถูกจับขึ้นมาใช้ประโยชน์มากจนเกินกำลังธรรมชาติจะทดแทนได้ทันในทุกแหล่งการแพร่กระจาย

กระทั่งอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ หรือบางชนิดถูกทำลายจนหมดไปจากบางแหล่ง จึงเป็นหนึ่งในจำนวนสัตว์น้ำที่ได้รับการขึ้นบัญชีในรายชื่อสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์หรือหายากในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ หรือ CITES และจัดอยู่ในบัญชีสัตว์สงวนและคุ้มครองประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ของกฎหมายไทย


https://www.naewna.com/likesara/816150

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:05


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger