สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2567

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 300 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน โดยมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 21?23 ก.ค. 67 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนหรือฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 20 ? 21 ก.ค. 67 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออก และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 22 ? 26 ก.ค. 67 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และประเทศเวียดนามตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณตอนใต้ของประเทศจีน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง มีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และคาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 21 ? 23 ก.ค. 67 ส่วนพายุดีเปรสชันบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุหมุนเขตร้อน คาดว่าจะเคลื่อนไปทางด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 24 ? 26 ก.ค. 67 โดยพายุทั้งสองไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 21 ? 22 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุดีเปรสชัน ฉบับที่ 3 (143/2567)


เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (21 ก.ค. 67) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 440 กิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน หรือที่ละติจูด 16.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็วประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน โดยจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 21?23 ก.ค. 67 พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันดังกล่าวไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


หรือโลกกำลังถูกทำลาย? เมื่อดาวเคราะห์สีฟ้า ที่นักบินอวกาศมองลงมา ไม่ได้มีแต่ความสวยงาม
........... โดย ณัฏฐ์นรี เฮงสาโรชัย


Summary

- 'นักบินอวกาศ' คือไม่กี่คนบนโลกที่สามารถขึ้นไปมองโลกจากอวกาศด้วยตาของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่ความสวยงามบนอวกาศเพียงเท่านั้น แต่ได้เห็นสภาพโลกที่กำลังถูกทำลายจากฝีมือของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

- รอน แกแรน (Ron Garan) อดีตนักบินอวกาศชาวอเมริกาของ NASA วัย 62 ปี คือหนึ่งในคนที่เห็นภาพนั้น รอนใช้เวลาอยู่บนอวกาศเป็นเวลา 178 วัน เดินทางมากกว่า 71 ล้านไมล์ หรือประมาณ 114 ล้านกิโลเมตร ในวงโคจร 2,842 รอบ ตลอดอาชีพของเขาที่ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ซึ่งสิ่งที่รอนเห็นชั้นบรรยากาศของโลกที่บางอย่างไม่น่าเชื่อ

- รอนคิดว่าปัญหาในโลก เช่น โลกร้อนที่เกิดขึ้น เพราะหลายคนยังไม่เห็นภาพโลกจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร จึงต้องจัดความสำคัญทางความคิดกันใหม่ ไม่ใช่ 'เศรษฐกิจ สังคม โลก' แต่เป็น 'โลก สังคม เศรษฐกิจ' เพื่อให้พวกเราทุกคนใช้ชีวิตตามกระบวนการวิวัฒนาการที่ควรจะเป็น




จะเป็นยังไงนะถ้าเราได้ขึ้นไปบนอวกาศและมองลงมายังโลก? โลกสีฟ้าอันงดงามคงเป็นภาพที่หลายๆ คนเคยเห็น ทั้งภาพจริงหรือภาพจำลอง

'นักบินอวกาศ' คือไม่กี่คนบนโลกที่สามารถขึ้นไปมองโลกจากอวกาศด้วยตาของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ใช่ความสวยงามบนอวกาศเพียงเท่านั้น แต่ได้เห็นสภาพโลกที่กำลังถูกทำลายจากฝีมือของมนุษย์ด้วยเช่นกัน

รอน แกแรน (Ron Garan) อดีตนักบินอวกาศชาวอเมริกาของ NASA วัย 62 ปี คือหนึ่งในคนที่เห็นภาพนั้น รอนใช้เวลาอยู่บนอวกาศเป็นเวลา 178 วัน เดินทางมากกว่า 71 ล้านไมล์ หรือประมาณ 114 ล้านกิโลเมตร ในวงโคจร 2,842 รอบ ตลอดอาชีพของเขาที่ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS)

รอนได้รับผลกระทบจากการมองทัศนียภาพโดยรวม (overview effect) ซึ่งเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของนักบินอวกาศ เมื่อมองดูโลกขณะลอยอยู่ในอวกาศ ทำให้เขาเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ เช่น ความกลัว ตื่นเต้น ประหลาดใจ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ที่ท่วมท้นขนาดที่เราคาดไม่ถึงก็ได้

ไม่ใช่เพียงรอนเท่านั้น แต่นักบินอวกาศคนอื่นๆ ก็มีอาการเช่นเดียวกัน เช่น ไมเคิล คอลลินส์ (Michael Collins) นักบินขับยานอะพอลโล 11 (Apollo 11) เล่าว่า เขารู้สึกทึ่งกับรูปลักษณ์ของโลกที่ 'บอบบาง' และ 'เล็กมาก' ขณะที่ เอ็ดการ์ มิตเชลล์ (Edgar Mitchell) นักบินอวกาศของยานอะพอลโล 14 (Apollo 14) บอกว่า การขึ้นไปบนอวกาศทำให้เขาสัมผัสกับประสบการณ์ที่ระเบิดการรับรู้ของเขาไปเลย

รอน เคยให้สัมภาษณ์กับ Big Think ว่า สิ่งที่เราเคยปฏิเสธว่าไม่จริงนั้นถูกพิสูจน์โดยไร้ข้อครหาเมื่อเราเห็นโลกบนอวกาศ

"ในตอนนั้นผมเห็นชั้นบรรยากาศของโลกเรา มันมีบางอย่างไม่น่าเชื่อ และแผ่นบางๆ นั้นทำให้ชีวิตทุกชนิดบนโลกมีชีวิตอยู่ได้"

"เราพยายามให้ความสำคัญกับโลกร้อน การตัดไม้ทำลายป่า และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ แต่นั่นเป็นต้นตอของปัญหาที่อยู่ภายในโลกเพียงเท่านั้น"

"ผมเห็นโลกสีเหลือบเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิต ซึ่งบนอวกาศไม่มีส่ิงที่เรียกว่า 'เศรษฐกิจ' นั่นทำให้ผมตระหนักได้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องโกหกที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเอง เห็นได้จากระบบที่มนุษย์สร้างขึ้นของเราใช้เป็นวิธีในการดูแลทุกสิ่งบนโลก รวมถึงกระบวนการที่จะช่วยโลก"

"เราจึงต้องจัดความสำคัญทางความคิดกันใหม่ ไม่ใช่ 'เศรษฐกิจ สังคม โลก' แต่เป็น 'โลก สังคม เศรษฐกิจ' เพื่อให้พวกเราทุกคนใช้ชีวิตตามกระบวนการวิวัฒนาการที่ควรจะเป็น"

รอน อธิบายว่า หลายครั้งที่คนคิดว่ารู้ภาพรวมทั้งหมดของโลก ทั้งที่ในความเป็นจริงเราเห็นเพียงส่วนเล็กๆ น้อยๆ มากมาย หลายคนจึงไม่เห็นภาพโลกจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร

"ตอนนี้เรากำลังสูญเสียอะไรหลายอย่างไปในราคาแพงมากๆ เพื่อความเจริญ (civilization) ของมนุษย์ เพราะเราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากเราไม่เห็นภาพความจริงหรือมุมมองที่ถูกต้อง แม้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของเราอาจปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้ในด้านหนึ่ง แต่มันก็เป็นหายนะสำหรับโลกด้วยเหมือนกัน"

มนุษย์หลายคนบนโลกอาจยังมองความสำคัญของโลกเพียงใต้ชั้นบรรยากาศ เช่น เงิน ความเจริญ หรือทรัพยากรที่จับต้องได้ และมองเรื่องที่เกี่ยวกับโลกเป็นเรื่องรอง ซึ่งนั่นอาจเป็นการจัดลำดับความสำคัญที่ปลูกฝังในวิถีชีวิตมนุษย์กันมาอย่างยาวนานจนยากที่จะแก้ไข

ปัญหาที่เกิดในดาวเคราะห์สีฟ้าอย่างโลกร้อน ที่มีแนวโน้มจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ ก็เกิดจากมุมมองของมนุษย์ที่มองโลกไม่เหมือนกัน เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบสำคัญในหลายๆ ประเด็น ไม่ใช่เพียงแค่สิ่งแวดล้อม แต่กระทบไปถึงวิถีชีวิตและความเจริญทางด้านเศรษฐกิจของมนุษย์ด้วย

อ้างอิง: ladbible.com, upworthy.com


https://plus.thairath.co.th/topic/naturematter/104614

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ


ตื่นตา! โลมาร่าเริง เข้ามาหากินในปากแม่น้ำกระบี่ คาดอาหารชุกชุม

กระบี่ - เจ้าของโรงแรมกระบี่ ฟร้อนเบย์ รีสอร์ท ถ่ายคลิปขณะโลมาปากขวด ยาวกว่า 1 เมตร กำลังกระโดดเล่นน้ำอย่างร่าเริงที่ปากแม่น้ำกระบี่ คาดว่าน่าจะเข้ามาไล่จับอาหารที่ชุกชุม



วันนี้ (20 ก.ค.) นายเจริญชัย ศรีสุวรรณ ประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้า ทางนายมานิต ดำกุล อดีตนายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ เจ้าของโรงแรมกระบี่ ฟร้อนเบย์ รีสอร์ท ได้ส่งคลิปภาพวิดีโอ ความยาวประมาณ 20 วินาที มาให้ดู เป็นภาพขณะที่โลมาปากขวด ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร คาดว่าน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 100 กิโลกรัม 1 ตัว กระโดดเล่นน้ำอย่างร่าเริง คาดว่าไล่จับปลาเป็นอาหาร ก่อนที่จะดำน้ำหายไป

นายเจริญชัย ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับภาพโลมาดังกล่าว ทางอดีตนายกสมาคมชาวประมง จ.กระบี่ ถ่ายไว้ได้ที่ปากแม่น้ำกระบี่ หน้าโรงแรมกระบี่ฟร้อนเบย์ รีสอร์ท ม.7 ต.ปากน้ำ อ.เมืองกระบี่ คาดว่าโลมาที่พบเห็นในปากแม่น้ำกระบี่ เกิดจากความสมบูรณ์ของท้องทะเลกระบี่ที่มีปลาชุกชุม โลมาจึงเข้ามาจับกินเป็นอาหาร

ในช่วงนี้พบว่ามีทั้งชาวประมงพื้นบ้านและชาวประมงพาณิชย์สามารถจับกุ้งแชบ๊วยได้เป็นจำนวนมาก โดยเรือประมงพื้นบ้านบางลำสามารถวางอวนจับได้กุ้งร่วม 100 กิโลกรัม ต่อลำต่อวัน ซึ่งเกิดจากมาตรการการปิดอ่าว 3 เดือนของกรมประมง


https://mgronline.com/south/detail/9670000061719