เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 25-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,846
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "แคมี" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) และขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีน ในช่วงวันที่ 25-26 ก.ค. 67 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 25 ? 26 ก.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง มีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 27 ? 30 ก.ค. 67 จะมีร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือด้านตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "แคมี" บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) และขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 24 ? 26 ก.ค. 67 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะนี้ไว้ด้วย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 25 ? 26 ก.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออก และด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง และในช่วงวันที่ 27 ? 30 ก.ค. 67 ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 25-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,846
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ประกาศปิด! อ่าวมาหยา 2 เดือน เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติฟื้นตัว

อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ประกาศปิดอ่าวมาหยา 2 เดือน 1 ส.ค. - 30 ก.ย. 67 เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติระบบนิเวศทั้งบนฝั่งและใต้ทะเลได้ฟื้นตัว



เมื่อวันที่ 24 ก.ค. นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ทางกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะประกาศปิดการท่องเที่ยวประจำปี บริเวณอ่าวมาหยา อ่าวโละซามะ และอ่าวลอกอ หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม ? วันที่ 30 กันยายน 2567 เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติระบบนิเวศทั้งบนฝั่งและใต้ทะเลได้ฟื้นตัว รวมทั้งความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นช่วงดังกล่าวเป็นช่วงฤดูมรสุม ทะเลมีคลื่นลมแรง โดยเฉพาะบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวโละซามะ ทางเข้าอ่าวมาหยา เรือนำเที่ยวไม่สามารถเข้ามาเทียบท่าได้ กังวลว่าจะเกิดอันตราย

สำหรับสถิติการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติและสถิตินักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ จัดเก็บค่าเข้าพื้นที่อุทยานฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ? 22 กรกฎาคม 2567 จำนวนเงินรวม 549,865,932 บาท มีจำนวนนักท่องเที่ยว จำนวน 1,683,430 คน

เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2566 จัดเก็บได้ 23,000,940 บาท นักท่องเที่ยวจำนวน 110,436 คน ขณะที่เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2567 จัดเก็บได้ 34,745,805 บาท มีนักท่องเที่ยวจำนวน 96,236 คน ลดลง จากปีที่ผ่านมา จำนวน 13,328 คน แต่จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น 11,744,865 บาท มาจากมีมาตรการที่เข้มงวดในการจัดเก็บค่าเข้าพื้นที่


https://www.dailynews.co.th/news/3678095/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 25-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,846
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


คลิปไวรัล! วาฬสายโหดพุ่งชนเรือ '2 นักตกปลา' หวิดเอาชีวิตไม่รอด

นักตกปลาผู้เคราะห์ร้ายสองคนตกเป็นเหยื่อระบายอารมณ์ของวาฬตัวหนึ่งกลางทะเลซึ่งพุ่งชนเรือของพวกเขาจนพลิกคว่ำและคนทั้งสองต้องตกลงไปในน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว


เครดิตภาพ : YouTube /?ABC News

วันนี้ (24 ก.ค. 2567) สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งเผยแพร่ภาพจากคลิปวิดีโอไวรัลซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงของวาฬตัวหนึ่งพุ่งชนเรือตกปลาจนพลิกคว่ำ ทำให้ลูกเรือสองคนต้องตกน้ำอย่างกะทันหัน

โคลินและไวแอตต์ ยาเกอร์ พี่น้องวัยรุ่น 2 คน อายุ 16 และ 19 ปีจากรัฐเมนอยู่บนเรืออีกลำหนึ่งที่ลอยลำอยู่ใกล้ ๆ ขณะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวและหนุ่มน้อย 1 ใน 2 คนก็ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ได้พอดี?

หลังจากที่หนุ่มน้อยทั้งสองโพสต์คลิปวิดีโอลงบนโซเชียลมีเดียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คลิปดังกล่าวก็กลายเป็นไวรัล มีผู้แชร์คลิปออกไปเป็นจำนวนมากรวมถึงสำนักข่าวหลายแห่ง โดยมีผู้แชร์คลิปรายหนึ่งที่เขียนข้อความบรรยายเป็นคำเตือนให้ระวัง "วาฬขี้โมโห" ที่อยู่ในทะเลของรัฐนิวแฮมเชียร์ สามารถเรียกยอดเข้าชมได้มากกว่า 4 ล้านครั้ง?

โฆษกของหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งสหรัฐระบุว่า เหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นกลางทะเล ห่างจากแหลมโอเดียร์น เมืองไรย์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ตอนเช้าวันอังคารที่ผ่านมา หนุ่มวัยรุ่นทั้งสองไม่เพียงเป็นผู้บันทึกภาพเหตุการณ์ระทึกขวัญเอาไว้ แต่พวกเขายังช่วยเหลือนักตกปลาทั้ง 2 คนที่ตกจากเรือลิเวียทันเพราะแรงกระแทกของวาฬไว้ได้อย่างรวดเร็ว?

ในตอนแรกสองพี่น้องไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับวาฬตัวที่ก่อเหตุ เพราะเรือทุกลำที่อยู่แถวนั้น ต่างลอยลำอยู่รอบนอกของฝูงปลาเล็กซึ่งเป็นแหล่งอาหารของวาฬ แต่บังเอิญว่าวาฬตัวในคลิปไวรัลนั้นว่ายเข้าไปใกล้เรือมากเกินไป และเกิดพุ่งชนเรือจนพลิกคว่ำ ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ตกใจกันมาก

โชคดีที่หลังจากที่นักตกปลาผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองได้รับความช่วยเหลือ ก็ไม่พบว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีแต่เรือขนาด 23 ฟุตที่พังเสียหายเท่านั้น

หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวออกไปหลายทางก็มีชาวโซเชียลมีเดียเข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก โดยมีผู้แสดงความเห็นส่วนหนึ่งชี้ว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นเพียงอุบัติเหตุหรือความบังเอิญอันแสนซวยของนักตกปลาทั้งสอง เพราะสังเกตดูแล้ว วาฬในคลิปให้ความสนใจแก่ฝูงปลาที่อยู่ใกล้กับเรือของนักตกปลามากกว่า แต่ในจังหวะที่มันพยายามกินเหยื่อก็บังเอิญไปกระแทกเรือจนพลิกคว่ำ ไม่ใช่การมุ่งโจมตีเรือโดยตรง

ส่วนวาฬตัวที่ก่อเรื่องคาดว่าเป็นวาฬมิงค์ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีขนาดเล็กของตระกูลวาฬหลังค่อม

ที่มา : usatoday.com


https://www.dailynews.co.th/news/3679878/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 25-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,846
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


อึ้ง! นักวิจัยพบสารโคเคนในฉลาม นอกชายฝั่งแดนแซมบ้า


เครดิตภาพ Pixabay

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นักชีววิทยาทางทะเลได้ทำการวิเคราะห์ฉลามแหลมบราซิล 13 ตัวที่ถูกจับขึ้นมาจากทะเลนอกชายฝั่งนครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล โดยพบว่าพวกมันมีระดับสารโคเคนปริมาณสูงในกล้ามเนื้อและตับ รวมถึงสูงกว่าสัตว์น้ำอื่นๆ ที่เคยตรวจพบสารโคเคนถึง 100 เท่า

การวิเคราะห์ดังกล่าวของมูลนิธิออสวัลโด้ ครูซ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการพบสารโคเคนในฉลาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสารโคเคนไหลลงสู่น้ำทะเลผ่านทางห้องปฏิบัติการผิดกฎหมายที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด หรือของเสียจากร่างกายของผู้ใช้สารเสพติด อีกหนึ่งปัจจัยอาจมาจากการที่ผู้ค้ายาเสพติดทิ้งโคเคนลงทะเล แม้ปัจจัยดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้น้อย

ซารา โนเวส นักพิษวิทยาทางทะเลจากศูนย์วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและทางทะเลแห่งมหาวิทยาลัยโปลิเทคนิคไลเรีย ประเทศโปรตุเกส บอกกับนิตยสารทางวิทยาศาสตร์ว่า นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญมากแต่น่ากังวล ฉลามเพศเมียทุกตัวที่ถูกนำมาวิเคราะห์กำลังตั้งท้องแต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าการได้รับสารโคเคนจะมีผลกระทบตามมาอย่างไรต่อลูกฉลามในครรภ์

อย่างไรก็ดี ยังต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสืบค้นว่าสารโคเคนจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของฉลามได้หรือไม่ แต่งานวิจัยชิ้นก่อนหน้าชี้ว่าตัวยาต่างๆ มีแนวโน้มที่จะมีผลกับสัตว์เช่นเดียวกับผลต่อมนุษย์


https://www.matichon.co.th/foreign/news_4697788

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 25-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,846
Default

ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก


พาชม "อ่าวตะโละวาว" สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ อดีตทัณฑสถานนักโทษเด็ดขาด

พาชม "อ่าวตะโละวาว" อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ อดีตอ่าวตะโละวาว เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ในช่วงปี พ.ศ. 2480 - 2490 เคยใช้เป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพหรือทัณฑสถาน มีนักโทษกักกันและนักโทษเด็ดขาดอาศัยในพื้นที่แห่งนี้



"อ่าวตะโละวาว" อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ที่น่าไปเยือน"อ่าวตะโละวาว" ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล ทางด้านตะวันออกของเกาะตะรุเตา ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 12 กิโลเมตร อดีตอ่าวตะโละวาว เป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ในช่วงปี พ.ศ. 2480 - 2490 เคยใช้เป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพหรือทัณฑสถาน มีนักโทษกักกันและนักโทษเด็ดขาดอาศัยในพื้นที่แห่งนี้

ปัจจุบันทางอุทยานแห่งชาติตะรุเตาได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติและประวัติศาสตร์ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่สนใจ บริเวณอ่าวตะโละวาว ยังเป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ตต.1 (ตะโละวาว) สะพานท่าเทียบเรือ และอาคารบริการ นอกจากนี้มักพบเห็นโลมาหลังโหนกอยู่บริเวณอ่าวฯ รวมถึงมีป่าชายเลนที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติในพื้นที่อีกด้วย

ด้วยความที่เกาะตะรุเตาเป็นเกาะที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ในครั้งที่เป็นคุกนรกหรือนิคมฝึกอาชีพของนักโทษกว่า 4,000 ชีวิต และชุกชุมไปด้วยจระเข้กับฉลาม ก่อนความอดอยากช่วงสงครามเอเชียบูรพาจะทำให้ที่นี่กลายเป็นที่มาของตำนานโจรสลัดตะรุเตาผู้โหดร้าย และอ่าวตะโละวาวในระหว่างปี พ.ศ. 2480-2490 ใช้เป็นสถานที่ตั้งนิคมฝึกอาชีพหรือทัณฑสถาน นักโทษเด็ดขาด นักโทษกักกัน ในพื้นที่สามารถพบเห็นแต่มูลดิน ซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้าง และสุสาน 700 ศพ

ทางด้านอ่าวตะโละวาวจึงมีเส้นทางศึกษาประวัติศาสตร์กลางป่าทึบสีเขียวชอุ่มที่เต็มไปด้วยสมุนไพรยาวกว่า 1-2 กิโลเมตร ให้ได้เดินสำรวจเรื่องในอดีต โดยจำลองเรือนนักโทษ รูปปั้นผู้คุม ตึกแดง เรือนพยาบาล โรงเลื่อย อู่เรือ สะพานท่าเทียบเรือเก่า ซากรถเข็นวัสดุก่อสร้าง และหอสังเกตการณ์ของผู้คุมไว้ตามจุดต่าง ๆ ตามสถานที่จริงด้วย แต่ปัจจุบันอดีตอันโหดร้ายได้กลายเป็นความงดงามของธรรมชาติไปเรียบร้อยแล้ว หากอยากไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ ร่วมเรียนรู้ประวัติศาสตร์ "อ่าวตะโละวาว" อุทยานแห่งชาติตะรุเตา สามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (ปากบารา) อุทยานแห่งชาติตะรุเตา หมายเลขโทรศัพท์ 074 783485


ที่มา : ส่วนอุทยานแห่งชาติ สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 นครศรีธรรมราช


https://www.komchadluek.net/kom-lifestyle/travel/580582

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 25-07-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,846
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ระบบเตือนภัย "แบบไทยๆ" ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม

ระบบเตือนภัย เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการภัยพิบัติ อยู่ในรูปแบบการบริหารจัดการสาธารณภัย หลายคนตั้งคำถาม วันนี้ประเทศไทยต้องขยับอย่างไร "ระบบเตือนภัย แบบไทยๆ ไหวหรือไม่ ในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม" เมื่อโลกเกิดภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น



ระบบเตือนภัยพิบัติฉุกเฉิน คือ ระบบการเผยแพร่ข้อมูลเตือนภัยพิบัติที่ชัดเจนและทันเวลา เพื่อให้บุคคล ชุมชนและองค์กรที่ถูกคุกคามจากภัยพิบัติอันตราย สามารถเตรียมพร้อมและดำเนินการอย่างเหมาะสมในเวลาที่เพียงพอเพื่อลดความอันตรายหรือความสูญเสีย ระบบเตือนภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วยปัจจัย 4 ประการ ได้แก่ ความสามารถประเมินความเสี่ยง ความสามารถในการตรวจสอบ วิเคราะห์และการพยากรณ์อันตราย ความสามารถในการสื่อสารหรือแพร่กระจายข้อมูลเตือนภัยและความสามารถของท้องถิ่นในการตอบสนองต่อข้อมูลเตือนภัย

ธวัฒชัย ปาละคะมาน นักวิชาการด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ชวนวิเคราะห์กราฟ 2 เส้น บ่งชี้ว่าปัจจุบันโลกกำลังเผชิญความท้าทายกับภัยธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์สะท้อนว่าทุกครั้งที่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 0 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ปี 1960 - 2019 จำนวนความถี่การเกิดภัยพิบัติเพิ่มขึ้น ผลการศึกษา ระบุว่า ทุกครั้งที่แนวโน้มของภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติเพิ่มขึ้น ระบบเตือนภัยล่วงหน้าโดยโฉพาะระดับโลกจะได้รับการทบทวน เพื่อปรับระบบยู่เป็นระยะ

"ปัจจุบันภัยพิบัติเกิดขึ้นถี่ ต่อเนื่องและเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น มี 3 คำที่อยากชวนทำความเข้าใจ คือ "ซับซ้อน" ภัยธรรมชาติปัจจุบันไม่ได้มีแค่อุทกกภัย อัคคีภัย หรือลมพายุ แต่วันนี้มีลักษณะเฉพาะเป็นภัยพี่ภัยน้อง กรณีเหตุแผ่นดินไหว ผู้ประสบภัยอาจไม่ได้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวโดยตรง แต่ความซับซ้อนทำให้มีความเสี่ยงต่อชีวิต เพราะอาศัยอยู่ในอาคารที่ไม่ปลอดภัย อาคารถล่ม ไฟฟ้าลัดวงจร นี่คือความซับซ้อนของภัย"

ธวัฒชัย เผยข้อมูลล่าสุดขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่า ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกอาศัยอยู่ในพื้นที่เมือง ลองตั้งโจทย์กรณีความซับซ้อนในพื้นที่เมืองกับการจัดการภัยพิบัติ ด้วยคำว่า "เชื่อมร้อย" ภัยพิบัติหนึ่งๆ ที่ถูกเชื่อมร้อยด้วยกัน อย่างการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าโควิด-19 ไม่ใช่ภัยพิบัติจากธรรมชาติแต่เป็นโรคระบาด ที่มีความเชื่อมร้อยกับความบอบบางทางสังคม ทำให้เห็นศักยภาพในการตอบสนองหรือการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาภาครัฐ

ระบบการเตือนภัยล่วงหน้า เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ที่ส่งสัญญาณเตือนมนุษย์ว่ากำลังเผชิญสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น ยกตัวอย่างเมื่อเข้าฤดูฝน ปริมาณฝนไม่ได้ตกหนักเหมือนเมื่อ 30 ปีก่อน แต่เป็นลักษณะของฝนที่ตกช่วงเวลาสั้นๆ คือภัยเงียบความรุนแรงที่มนุษย์กำลังเผชิญทุกครั้งที่ภัยธรรมชาติเปลี่ยนแปลง การเตือนภัยล่วงหน้า จึงเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการภัยพิบัติในภาพรวมที่ต้องขยับตามทั้งมาตรฐานการลงทุนงบประมาณ ทำอย่างไรให้ระบบเตือนภัยล่วงหน้า สามารถที่เข้าถึง ตอบสนองและเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงภัยธรรมชาติรูปแบบใหม่

ทิศทางมาตรฐานโลกเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น ย้อนไปปี 1960 ระบบเตือนภัยเน้นลงทุนการพัฒนาระบบที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (radar) เป็นเครื่องมือในการระบุระยะต่างๆ แต่ช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา ระบบเตือนภัยปรับมาตรฐานไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง มีความพยายามนำความรู้ที่หลากหลายอาศัยศาสตร์แบบองค์รวม สร้างระบบเตือนภัยให้คนปลายทางปลอดภัย เพราะสังคมมีความหลากหลายมีกลุ่มคนเปราะบาง ที่ยังเข้าไม่ถึงนวัตกรรมเทคโนโลยี วันนี้ภาครัฐมีระบบเตือนภัยที่เข้าถึงความหลากหลายของประชากรแล้วหรือยัง เกิดการรับรู้มากน้อยแค่ไหน เมื่อส่งการเตือนภัยไปยังบุคคลที่มีความหลากหลายในสังคม


"ระบบเตือนภัยของไทยแบบสากล ยึดมาตรฐานโลกกำหนด เพื่อเชื่อมเข้ามาในบริบทพื้นที่ของประเทศไทย ภายใต้ 4 องค์ประกอบที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ คือ
1.ระบบตรวจจับทรัพยากร
2.ระบบความรู้
3.ระบบเตือนภัยต่างๆ เมื่อเกิดหตุวิกฤต และ
4.ศักยภาพในการตอบสนองต่อคำเตือนภัย"


ในขณะที่ทั่วโลกขยับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อรับมือภัยพิบัติ ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย เริ่มมีสิ่งเตือนภัยครั้งแรก หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ มีการออกแบบจัดตั้งหลายศูนย์เตือนภัย รวมถึงศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติที่เป็นศูนย์เตือนภัยหลักของประเทศ แต่ "วันนี้ไหวหรือไม่" คงตอบว่ายังไหวในแบบที่เริ่มจะไม่ไหวแล้ว ด้วยสองเหตุผลคือ

1. ภัยพิบัติเกิดขึ้นและรุนแรงต่อเนื่อง และ
2. มาตรฐานโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สวนทางกับการปรับตัวการรับมือต่อภัยภิบัติของประเทศไทยที่ค่อนข้างล่าช้า

แม้การขับเคลื่อนระบบเตือนภัยประเทศไทยไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ที่ผ่านมามีหลายหน่วยงาน แต่เป็นการเน้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ เช่นเรื่องน้ำที่มีไม่ต่ำกว่า 20 หน่วยงาน แต่ระบบเตือนภัยมีความเสี่ยงหลากหลาย ทั้งเหตุแผ่นดินไหว อาคารถล่ม หรือแม้แต่ความแปรปรวนของสภาพอากาศแบบสุดขั้ว ที่ผ่านมาไทยยึดระบบการเตือนภัยของสหรัฐอเมริกาเป็นต้นแบบ แต่วันนี้ทุกหน่วยงานพยายามทำงานบนฐานของตัวเอง แต่ประเทศไทยยังขาดระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ

ธวัฒชัย ย้ำว่าประเทศไทยขาดการลงทุนกับระบบการเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ อย่างเวทีการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) ครั้งที่ 27 จัดขึ้น ณ เมืองชาร์มเอลชีค ประเทศอียิปต์ ระหว่างวันที่ 6-18 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา เวทีโลกให้การยอมรับและมีมติร่วมกันคือ ระบบเตือนภัยล่วงหน้าในปี 2027 ทั่วโลกควรจะมีการลงทุนต่อเนื่องด้านนวัตกรรมเทคโนโลยี ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อยกระดับระบบเตือนภัยล่วงหน้า ตามแนวโน้มการเกิดภัยพิบัติที่ต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น

จากข้อมูลงานวิจัยของ UNDRR หรืองานวิจัยทางเศรษฐศาสตร์ รับรองว่า การลงทุนในระบบเตือนภัยล่วงหน้า สามารถป้องกันความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติได้ 3 - 10 เท่า เพราะทุกประเทศมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เมื่อเกิดภัยพิบัติแบบฉับพลันโดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ขาดการบริหารจัดการภาวะหยุดชะงักของห่วงโซ่ที่มีประสิทธิภาพมากพอ ย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียมูลค่ามหาศาล

"วันนี้ทิศทางทั่วโลก จับตาการลงทุนพัฒนาการเข้าถึงระบบเตือนภัย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทำอย่างไรให้เกิดความมั่นใจว่าระบบเตือนภัยจะเข้าถึงคนทุกกลุ่มทุกพื้นที่เพื่อมนุษยชาติ ไม่แบ่งเชื้อชาติ ไม่แบ่งแยกประเทศ โดยแนะว่าควรมี 3 ระยะ ที่ต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน คือช่วง 1 - 3 ปีแรก จัดสรรงบประมาณเติมเต็มช่องว่างระหว่างหน่วยงานให้ทุกคนทำงานบนมาตรฐานเดียวกัน ส่วนแผนระยะกลางถึงระยะยาว ตั้งเป้าว่าประเทศไทยควรมีระบบเตือนภัยแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดการลงทุนที่ซับซ้อน"


หมายเหตุ : เรียบเรียงจาก DxC Talk ตอน ระบบเตือนภัยแบบไทยๆ ไหวไหมในวันที่โลกไม่เหมือนเดิม


https://www.altv.tv/content/altv-new...0755a803962185

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:36


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger