เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,873
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2567

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


เสียชื่อ! นักท่องเที่ยวผวาลงเล่นน้ำหาดพัทยา พบคราบน้ำมันสีดำเกาะตามตัวส่งกลิ่นเหม็น

นักท่องเที่ยวลงเล่นนํ้าทะเลชายหาดพัทยาช่วงวันหยุด พบคราบนํ้ามันสีดำลอยอยู่ในทะเลยาวหลายกิโลเมตร เกาะติดเสื้อผ้าตามลำตัวส่งกลิ่นเหม็น



เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ชายหาดยินยอม เมืองพัทยา จ.ชลบุรี หลังมีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเลแล้วพบว่ามีคราบน้ำมันติดตามเสื้อผ้าล้างไม่ออก ซึ่งพบว่าบริเวณชายหาดยินยอมมีคราบน้ำมันทั่วชายหาด ส่วนในน้ำทะเลก็ยังพบคราบน้ำมันลอยอยู่ นอกจากนั้นยังทราบว่าบริเวณทั้งชายหาดยินยอม ชายหาดดงตาล และช่วงชายหาดจอมเทียนถึงประมาณชอย 7-8 มีคราบน้ำมันความยาวประมาณหลายกิโล

ด้าน จ.ส.ต.วิกัลย์ เกตุแก้ว วิทยากร รร.จิตอาสาพระราชทาน 904 ( เขตบางเขน) เปิดเผยว่า เดินทางมาถึงพัทยาบริเวณชายหาดดงตาล เพื่อดูความสวยงามยามเช้า และตนเองได้เดินลงไปในชายหาดพร้อมไลท์สด แต่ไม่ได้ดูบริเวณชายหาดว่าอะไร มารู้อีกทีก็เหยียบไปเต็มๆเท้า พอดูก็พบว่าเป็นคราบน้ำมัน เลยตัดสินใจบอกนักท่องเที่ยวที่จะลงเล่นน้ำ จากนั้นได้โทรศัพท์หาตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบดำเนินการ

คนที่ทำไม่มีจิตสำนึกและไม่มีความรับผิดชอบในการกระทำเลย เพราะมันส่งผลกระทบให้กับเมืองท่องเที่ยว และวันนี้เป็นวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งนักท่องเที่ยวเดินทางมาเล่นน้ำกันจำนวนมาก

เบื้องต้นทางเมืองพัทยาส่งเจ้าหน้าที่ พนักงานกว่า 20 คน ลงพื้นที่ดังกล่าวเพื่อกำจัดคราบน้ำมันบริเวณชายหาดแล้ว


https://www.dailynews.co.th/news/3788683/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อ 01:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,873
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


จับตา 3 ภัยพิบัติใหญ่ ที่อาจหมายถึงจุดจบของโลก


SHORT CUT

- วิกฤติโลกร้อนได้ก่อให้เกิดภัยพิบัติทั่วโลกที่มีความรุนแรงผิดปกติ

- ท่ามกลางภัยพิบัติเหล่านั้น นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างจับตาไปที่ภัยพิบัติ 3 เหตุการณ์

- ซึ่งหากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นจริง จะสร้างความเสียหายต่อโลกอย่างรุนแรง และอาจหมายถึงสัญญาณวันสิ้นโลก




ในช่วงที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่า 'วิกฤติโลกร้อน' ส่งผลให้โลกต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่เกิดบ่อยครั้และรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นั่นก็ไม่สร้างความกังวลให้นักวิทยาศาสตร์ได้เท่ากับ 3 ภัยพิบัติที่อาจหมายถึงจุดจบของโลก

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่นานาชาติต้องเร่งแก้ไข ทั้งยังสร้างความกังวลในหมู่นักวิทยาศาสตร์ต่อผลกระทบที่ทำให้เกิดภัยพิบัติรูปแบบต่าง ๆ ขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก

แต่ในบรรดาภัยพิบัติที่มีโอกาสเกิดขึ้นทั้งหมด มีเพียงภัยพิบัติใหญ่ 3 เหตุการณ์เท่านั้น ที่นักวิทยาศาสตร์ให้การจับตาเป็นพิเศษ เพราะเมื่อมันเกิดขึ้น นั่นหมายถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าโลกของเราใกล้ถึงคราวอวสานเต็มที


1. ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก

ธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับประเทศอังกฤษหรือรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันกำลังละลายอย่างรวดเร็ว

โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว่าฝันร้ายจะอุบัติขึ้นเมื่อธารน้ำแข็งดังกล่าวเกิดการถล่มหรือละลายไปจนหมด เพพราะจะทำให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นถึง 50 ฟุต หากเป็นแบบนั้นจะมีเมืองชายฝั่งของสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศทั่วโลกที่ถูกจมลงใต้น้ำ

อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาชิ้นใหม่ที่ยืนยันว่าสถานการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้


2. แผ่นน้ำแข็งของกรีนแลนด์

แผ่นน้ำแข็งที่่มีความหนาถึง 3,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 656,000 ตารางไมล์ ซึ่งหากมันละลายจนหมด จะส่งผลให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นประมาณถึง 20 ฟุต

จากผลการศึกษาล่าสุดยังพบว่า แผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์กำลังละลายอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าที่นักวิจัยคาดการณ์กันไว้ ทำให้มันสูญเสียน้ำแข็งประมาณ 2.70 แสนล้านตันต่อปี


3. กระแสน้ำแอตแลนติกหยุดไหล

กระแสน้ำแอตแลนติก หรือ The Atlantic Meridional Overturning Circulation (AMOC) คือส่วนหนึ่งของกระแสน้ำขนาดใหญ่ที่ไหลเวียนไปในทุกมหาสมุทรทั่วโลก นำพาน้ำอุ่นจากเขตร้อนลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเพื่อรักษาสมดุลของภูมิอากาศ

กระแสน้ำดังกล่าวได้รับความสนใจครั้งแรกเมื่อปี 2004 ด้วยฉากภัยพิบัติที่เป็นต้นตอของเนื้อหาในภาพยนตร์เรื่อง "The Day After Tomorrow" (วิกฤติวันสิ้นโลก)

หากกระแสน้ำแอตแลนติกเกิดการหยุดไหลขึ้นมาจริง ๆ คาดว่าจะทำให้เกิดวิกฤติสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และที่อื่นๆ หลาายพื้นที่อาจเผชชิญยุคน้ำแข็ง และอีกหลายพื้นที่เผชิญน้ำทะเลท่วมสูง และพายุเฮอริเคนที่มีกำลังแรงมากขึ้นตามชายฝั่งตะวันออก

มีการศึกษาที่คาดการณ์ว่า กระแสน้ำแอตแลนติก อาจล่มสลายภายในปี 2593 แต่ยังคงเป็นข้อมมูลเบื้องต้นที่รอการยืนยันอีกครั้ง


https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852285

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,873
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


เร่งหาทางช่วยเหลือ ความร้อนทำโลมาตาย 300 ตัวในปีเดียว


SHORT CUT

- เมื่อปีที่แล้วมีโลมาน้ำจืดอะเมซอนกว่า 300 ตัว ที่ต้องตายเพราะขาดออ็อกซิเจนเนื่องจากความร้อน

- นักวิทยาศาตร์ยืนยันว่า นี่คือปัญหาที่เกิดจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศโดยตรง

- พวกเขากำลังเร่งศึกษาวิจัยเพื่อหาทางช่วยเหลือโลมาเหล่านี้ ก่อนที่มันจะสูญพันธุ์




นักวิทย์เร่งจับโลมาอเมซอนมาศึกษาเพื่อหาหนทางอนุรักษ์ไม่ให้พวกมันหายไป หลังความร้อนได้ส่งผลให้มีโลมาตายถึง 300 ตัวภายในปีเดียว

สัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมนักชีววิทยา สัตวแพทย์ และชาวประมง ได้ช่วยกันจับโลมาน้ำจืดพันธุ์หายากได้จากทะเลสาบในอเมซอน เพื่อทำการศึกษาวิจัย โดยหวังว่าจะหาวิธีหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม หลังมีโลมาน้ำจืดต้องตายหลายร้อยตัวเนื่องจากภัยแล้งรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว

โลมาที่ถูกจับได้ จะถูกนำขึ้นฝั่งเพื่อตรวจเลือดและตรวจร่างกาย รวมถึงการใส่ไมโครชิปเพื่อติดตามการเคลื่อนไหวและพฤติกรรมของมันผ่านดาวเทียม ก่อนจะส่งกลับไปยังทะเลสาบทันทีที่นักวิจัยทำงานเสร็จ

นักวิจัยเชื่อว่าระดับแม่น้ำที่ลดลงต่ำในช่วงฤดูแล้ง ทำให้น้ำมีอุณหภูมิร้อนเกินกว่าที่โลมาจะทนได้ มีปลาหลายพันตัวตายในแม่น้ำอเมซอนเนื่องจากขาดออกซิเจนในน้ำ และมีโลมากว่า 300 ตัว ที่ตายด้วยสาเหตุเดียวกัน

โลมาแม่น้ำอเมซอน ซึ่งมีสีชมพูโดดเด่น เป็นสายพันธุ์น้ำจืดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ พบได้ในแม่น้ำของอเมริกาใต้เท่านั้น และเป็นหนึ่งในโลมาน้ำจืดเพียงไม่กี่สายพันธุ์ที่เหลืออยู่ในโลก วงจรการสืบพันธุ์ที่ช้าทำให้ประชากรของพวกมันเสี่ยงต่อการถูกคุกคามเป็นพิเศษ

บรรดานักวิทย์ต่างยืนยันว่า สภาวะไม่ปกตินี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทำให้ภัยแล้งและคลื่นความร้อนมีแนวโน้มจะเกิดบ่อยรุนแรงยิ่งขึ้นอีกหลังจากนี้


https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852292

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:57


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger