เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า สัปดาห์ที่แล้ว
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมถึงระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 ก.ย. 67 นี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ยางิ" (YAGI) ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในวันที่ 7 ก.ย. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และพายุดีเปรสชันตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงบางแห่งในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 6 ? 7 ก.ย. 67 ร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้

ส่วนในวันที่ 8 - 11 ก.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคตะวันออก และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ในขณะที่พายุไต้ฝุ่น "ยางิ" (YAGI) จะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักมาก และลมกระโชกแรงบางแห่ง

สำหรับในช่วงวันที่ 6 ? 8 ก.ย. 67 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในวันที่ 9 - 11 ก.ย. 67 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดระนองขึ้นมาประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตั้งแต่จังหวัดพังงาลงและอ่าวไทยมีคลื่นสูงไปมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ยางิ" (YAGI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 6 ? 7 ก.ย. 67 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันตามลำดับ ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะนี้ไว้ด้วย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 6 ? 7 ก.ย 67 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 11 ก.ย 67 ประชาชนบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมกระโชกแรง และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 ก.ย. 67 จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุ "ยางิ" ฉบับที่ 10 (169/2567)

เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันนี้ (5 ก.ย. 67) พายุไต้ฝุ่น "ยางิ" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางทางด้านทิศตะวันออกของเกาะไหหลำ ประมาณ 380 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 19.3 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.6 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 15 กม./ชม. คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67 หลังจากนั้น จะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมาก
และลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 7-8 ก.ย. 67

อนึ่ง มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชน
ในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง
โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 8 ก.ย. 67 นี้ไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า สัปดาห์ที่แล้ว
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


โลกผลิตขยะพลาสติกปีละ 57 ล้านตัน แอฟริกา-อาเซียนมากที่สุด



รายงานล่าสุดเปิดเผยว่า โลกสร้างมลพิษจากพลาสติกมากถึง 57 ล้านตัน ในแต่ละปี โดยมากกว่า 2 ใน 3 มาจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

การศึกษาชิ้นใหม่ระบุว่า โลกสร้างมลพิษจากพลาสติก 57 ล้านตัน (52 ล้านเมตริกตัน) ทุกปี และแพร่กระจายจากมหาสมุทรที่ลึกที่สุดไปยังยอดเขาที่สูงที่สุดและเข้าสู่ภายในร่างกายของผู้คน โดยมากกว่า 2 ใน 3 มาจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยลีดส์ ในสหราชอาณาจักร พบว่ามลพิษในแต่ละปี เพียงพอที่จะทำให้สวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์คในนครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ เต็มไปด้วยขยะพลาสติกสูงเท่ากับตึกเอ็มไพร์สเตท โดยนักวิจัยได้ตรวจสอบขยะที่ผลิตในระดับท้องถิ่นในเมืองและเทศบาลมากกว่า 50,000 แห่งทั่วโลก และเผยแพร่ในวารสาร "เนเจอร์" เมื่อวันพุธ (4 ก.ย.)

การศึกษาวิจัยนี้ตรวจสอบพลาสติกที่ทิ้งลงในสภาพแวดล้อมที่เปิดโล่ง ไม่ใช่พลาสติกที่ทิ้งลงในหลุมฝังกลบหรือถูกเผาอย่างถูกต้อง ผู้เขียนการศึกษาวิจัยกล่าวว่า รัฐบาลไม่สามารถรวบรวมและกำจัดขยะได้สำหรับประชากรโลก 15% ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกาใต้สะฮาราผลิตขยะพลาสติกมากที่สุด ซึ่งรวมถึงประชากร 255 ล้านคนในอินเดียด้วย

เมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ปล่อยมลพิษจากพลาสติกมากที่สุดในบรรดาเมืองทั้งหมด จากการเปิดเผยของคอสตาส เวลิส ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจากลีดส์ ผู้เขียนผลการศึกษา เมืองที่ปล่อยมลพิษจากพลาสติกมากที่สุดอีกสองเมืองคือ นิวเดลี ลูอันดา ประเทศแองโกลา การาจี ประเทศปากีสถาน และอัลกาฮิราห์ ประเทศอียิปต์

อินเดียเป็นผู้นำโลกในการก่อให้เกิดมลพิษจากพลาสติก โดยผลิต 10.2 ล้านตันต่อปี ซึ่งมากกว่าประเทศไนจีเรียและอินโดนีเซียที่ปล่อยมลพิษเป็นอันดับสองถึงสองเท่า

เวลิสกล่าวว่าจีน ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นผู้ก่อมลพิษอยู่อันดับสี่ แต่กลับมีความก้าวหน้าอย่างมากในการลดขยะ เวลิสกล่าว ประเทศที่ปล่อยมลพิษจากพลาสติกมากที่สุดอีกสองประเทศ ได้แก่ ปากีสถาน บังกลาเทศ รัสเซีย และบราซิล จากข้อมูลของการศึกษาพบว่าแปดประเทศเหล่านี้มีส่วนรับผิดชอบต่อมลพิษจากพลาสติกมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก

ขณะที่สหรัฐฯ อยู่อันดับที่ 90 ในด้านมลพิษจากพลาสติก โดยมีปริมาณมากกว่า 52,500 ตัน และสหราชอาณาจักรอยู่อันดับที่ 135 โดยมีปริมาณเกือบ 5,100 ตัน

ในปี 2565 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกส่วนใหญ่ตกลงที่จะทำข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับแรกเกี่ยวกับมลพิษจากพลาสติก ซึ่งรวมถึงในมหาสมุทร การเจรจาเรื่องข้อตกลงฉบับสุดท้ายจะเกิดขึ้นที่เกาหลีใต้ในเดือนพฤศจิกายนนี้

เวลิส กล่าวว่า การศึกษานี้ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อมุ่งเน้นไปที่พลาสติกที่ถูกเผาอย่างไม่ถูกต้องหรือที่ถูกทิ้ง ซึ่งคิดเป็นประมาณ 57% ของมลพิษทั้งหมด โดยในทั้งสองกรณี ไมโครพลาสติกขนาดเล็กมาก หรือที่เรียกว่า นาโนพลาสติก คือผลที่เปลี่ยนจากปัญหาความรำคาญทางสายตาที่เกิดขึ้นตามชายหาดและปัญหาต่อสัตว์ทะเล ให้กลายเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์

งานวิจัยหลายชิ้นในปีนี้ได้ศึกษาว่า ไมโครพลาสติกมีการปนเปื้อนมากเพียงใดในน้ำดื่มและในเนื้อเยื่อของมนุษย์ เช่น หัวใจ สมอง และอัณฑะ โดยแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าไมโครพลาสติกเหล่านี้มีความหมายอย่างไรในแง่ของภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์

เวลิส กล่าวว่า "ระเบิดเวลาครั้งใหญ่ของไมโครพลาสติก คือไมโครพลาสติกที่ถูกปล่อยออกมาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่" เขากล่าวว่า ไมโครพลาสติกเหล่านี้สามารถพบในพื้นที่ห่างไกลที่สุด เช่น ยอดเขาเอเวอเรสต์ ในร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนาในมหาสมุทรแปซิฟิก อากาศที่หายใจ สิ่งที่มนุษย์กินและดื่ม

องค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า การผลิตพลาสติกน่าจะเพิ่มขึ้นจากประมาณ 440 ล้านตัน ต่อปี เป็นมากกว่า 1,200 ล้านตันโดยระบุว่า "โลกของเรากำลังจมอยู่กับพลาสติก".

ที่มา AP


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2812662

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า สัปดาห์ที่แล้ว
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก SpringNews


ตะลึง! แม่น้ำในเมืองหลวงของเซอร์เบียกลายเป็นสีเขียว เพราะมลพิษ - อากาศร้อน



ประชาชนในเมืองหลวงของเซอร์เบียแสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับแม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมือง เพราะมันเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเขียว ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ามันกำลังมีปัญหาอะไรบางอย่าง

แม่น้ำซาวาในกรุงเบลเกรด เมืองหลวงของเซอร์เบีย เปลี่ยนสีกลายเป็นสีเขียว สร้างความตกใจให้แก่ประชาชนที่ได้พบเห็นไม่น้อย โดยนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า สาเหตุที่ทำให้แม่น้ำกลายเป็นสีเขียวเกิดจากฝนตกลงมาน้อยและเกิดอากาศร้อนกินเวลายาวนานกว่าปกติ

ศาสตราจารย์กอร์ดานา ไซมิก ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำและนักพฤกษศาสตร์เปิดเผยว่า น้ำเปลี่ยนสีเกิดจาก algal bloom หรือการที่สาหร่ายเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ส่งผลทำให้มีฝนตกลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ประการต่อมา คืออุณหภูมิของน้ำร้อนขึ้น ส่งผลทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง จนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ

ศาตราจารย์ยังมองว่า นี่เป็นหนึ่งในการเตือน เพราะยังพบเห็นปัญหาพืชผักแห้งเหี่ยว ปลูกไม่ขึ้นอีกด้วย แม้กระทั่งในสวนพฤกษศาสตร์ Botanical Garden ยังเจอปัญหาต้นไม้แห้งตาย

ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้เกิดอันตรายมากขึ้นต่อต้นไม้ด้วย

ในฤดูร้อนปีนี้ กรุงเบลเกรดยังเจอกับวันที่ร้อนทำลายสถิติอยู่หลายวันด้วยกัน โดยบรรณาธิการนิตยสาร Ribolov ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับการตกปลาเปิดเผยว่า ในปีนี้ algal bloom หรือการขยายตัวของสาหร่ายค่อนข้างรุนแรง

เพราะนี่คือฤดูร้อนที่ร้อนมาก โดยคาดว่า นับจนถึงเดือนกันยายน กรุงเบลเกรดกลับเผชิญกับวันที่ร้อนจัดเช่นนั้นมากกว่า 40 วันแล้ว โดยวันเหล่านั้นจะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส

นอกเหนือไปจากปัจจัยเรื่องความร้อน การจัดการขยะอย่างไม่ถูกวิธีก็ยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง เพราะสิ่งปฏิกูลที่ถูกทิ้งลงแม่น้ำกลายเป็นสารอาหารคอยหล่อเลี้ยงสาหร่ายและยิ่งทำให้พวกมันเติบโต

ที่มา: Reuters


https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852557

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:04


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger