#91
|
||||
|
||||
ดีใจที่ได้ยินรายงานจากน้องนาย....ขอบคุณมากๆค่ะ... ปะการังด้านอ่าวไทยโชคดีกว่าทางอันดามันมาก เพราะเสียหายน้อยกว่าและฟื้นตัวได้เร็วมาก อาจจะเป็นเพราะทั้งน้ำเย็นเร็วกว่า และถูกรบกวนน้อยกว่าด้วย เปอร์เซนต์การรอดชีวิตจึงมากกว่านะคะ
__________________
Saaychol |
#92
|
||||
|
||||
เสนอนายกฯ แก้ทั้งระบบ ‘ปะการังขาว’ นักวิชาการเข้าพบนายกฯ เสนอแผนฉุกเฉินฟื้นฟูปะการังในระยะเร่งด่วน เรียกร้องให้ผลักดันแผนยุทธศาสตร์การจัดการแนวปะการังในประเทศไทยผ่านบอร์ดสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เผยปัญหาปะการังฟอกขาวในปีนี้ไม่รุนแรง ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการประการัง อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนและกลุ่มนักวิชาการจากหลายองค์กรอนุรักษ์ทะเลไทยได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อยื่นหนังสือให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาแนวปะการังตายจำนวนมากจากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว มีข้อเสนอ คือ แผนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองและฟื้นฟูแนวปะการังในเขตทะเลฝั่งอันดามันและอ่าว ไทย ประกอบด้วย 1.ลดผลกระทบปะการังเสียหายอันเกิดจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ 2.ปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายและทำลายทรัพยากรอย่างรุนแรง 3.ป้องกันน้ำเสียจากเรือและสถานประกอบการที่ปล่อยน้ำเสียลงทะเล และ 4.ป้องกันตะกอนดินที่ไหลจากภูเขาลงมาทับถมปะการังเสียหาย ผศ.ดร.ธรณ์ระบุว่า นอกจากเสนอแผนฉุกเฉินให้รัฐบาลนำไปดำเนินงานแล้ว ยังเสนอนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเร่งผลักดันแผนยุทธศาสตร์และปฏิบัติการจัดการแนวปะการังในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเรื่องยังค้างอยู่ที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นักวิชาการต้องการให้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ทันภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ แผนดังกล่าวจะช่วยอนุรักษ์และคุ้มครองแนวปะการังได้อย่างยั่งยืน โดยนายกฯให้ความสนใจปัญหานี้ และพร้อมผลักดันแผนเร่งด่วนและแผนระยะยาวให้เกิดขึ้นสำเร็จ "ส่วนการปิดพื้นที่ดำน้ำในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลบางส่วนไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ เพราะผู้ประกอบการเข้าใจสถานการณ์และพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ แต่หากมีการลักลอบเข้าไปดำน้ำในเขตหวงห้าม หัวหน้าอุทยานแห่งชาตินั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบ" นายธรณ์กล่าว นักวิชาการผู้นี้แสดงความเห็นว่า สถานการณ์ปะการังฟอกขาวในปีนี้จะไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา แต่จะปิดพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลเป็นระยะเวลานานเท่าใดขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของแนวปะการัง ทั้งนี้ สิ่งที่นักวิชาการเรียกร้องมาตลอด แต่ภาครัฐไม่เคยสนใจ คือ การสำรวจสภาพแนวปะการังตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้มีการติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา อาจารย์ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง นักวิจัยทะเลอันดามัน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ปัญหาปะการังฟอกขาวและเสียหายจะไม่หนักเท่ากับปีที่แล้ว เนื่องจากปะการัง ที่ยังมีชีวิตอยู่รอดนั้นสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี และอุณหภูมิน้ำทะเลก็จะไม่ร้อนจัดเหมือนปีก่อน ส่วนการแก้ปัญหาของกรมอุทยานแห่งชาติฯนั้นถือว่าล่าช้ามาก และไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล จึงไม่ทราบว่าเกิดปัญหาปะการังฟอกขาว ขอให้ฝึกอบรมหรือเปิดรับเจ้าหน้าที่ ผู้มีความเชี่ยวชาญโดยตรงเข้ามาประจำพื้นที่อย่างเร่งด่วน นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานการจับกุมผู้ฝ่าฝืนเข้าไปดำน้ำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน ซึ่งอยู่ระหว่างการประกาศปิดพื้นที่บางส่วนห้ามใช้ประโยชน์ในกิจกรรมท่องเที่ยว ขอยืนยันว่ากรมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด แม้ว่าอาจจะมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มเข้าไปดำน้ำในเขตหวงห้าม เพราะไม่ทราบข้อมูล จึงได้ตักเตือน และหากพบผู้ฝ่าฝืนก็ให้เจ้าหน้าที่จับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย. จาก .................. ไทยโพสต์ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#93
|
||||
|
||||
เราคงจะต้องรอดูกันต่อไปนะครับ ว่าแผนที่เสนอจะทำได้มากน้อยแค่ไหนเพียงไร ..
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon |
#94
|
|||
|
|||
ทำไมนึกถึงหน้งเรื่องLord of the ringก็ไม่รู้ .......
เมื่ออำนาจ อยู่ในมือ ก็สามารถบันดาล หรือพลิกผัน ทุกอย่าง ได้ ..จริง รึ |
#95
|
||||
|
||||
กรมอุทยานฯ แจงแนวทางเร่งฟื้นฟูปะการังคืนระบบนิเวศสมดุล ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติทางทะเลได้ประกาศปิดอุทยานฯบางจุดเพื่อเร่งฟื้นฟูปะการังไปแล้วนั้น นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กล่าวชี้แจงสาเหตุว่า “การเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวตามแนวปะการังทั้งฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามันที่ส่งผลให้ระบบนิเวศทางทะเลเสียสมดุล ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปรากฏการณ์แอลนิลโญ อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง รังสีจากดวงอาทิตย์ การถูกแดด-ลมฝนกระทำตะกอนและความขุ่นของน้ำทะเล น้ำจืดเข้ามาปะปนน้ำทะเล สภาพสารและธาตุอาหารในน้ำทะเล สารเคมีหรือสารชีวภาพที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวันและเชื้อโรค แต่สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในครั้งนี้ เกิดจากภาวะโลกร้อน โดยอุณหภูมิน้ำในทะเลสูงขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส หรือผลจากความเข้มของแสงหรือสองปัจจัยนี้ร่วมกันส่งผลให้สาหร่ายซูแซนเทลลี ที่อาศัยอยู่ในปะการังทนไม่ได้ และหนีออกมาจากปะการัง ทำให้ปะการังกลายเป็นสีขาวไม่มีสีสัน คล้ายหินปูน เมื่อเกิดการฟอกขาวแล้ว ปะการังจะยังไม่ตายในทันที แต่จะอ่อนแอ และมีชีวิตอยู่ได้อีก 2-3 สัปดาห์ หากอุณหภูมิน้ำทะเลหรือสภาพแวดล้อมกลับคืนสู่สภาพปกติ ปะการังจะสามารถปรับสภาพและฟื้นตัวได้ ดังนั้นพื้นที่ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ควรลดหรืองดกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเล เพื่อช่วยลดมลพิษที่จะถูกปล่อยลงสู่ทะเล และให้เวลาปะการังในการฟื้นตัวกลับคืนสู่สภาพเดิมอีก ทั้งนี้การปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน อาจมีผลกระทบกับหลายฝ่ายอย่างแน่นอน แต่เพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้จากปรากฏการณ์ในครั้งนี้ อุทยานแห่งชาติทางทะเลจำเป็นที่จะงดกิจกรรมดำน้ำในเขตที่เกิดปรากฏการณ์ที่ มีบริเวณกว้างเกินร้อยละ 80 ของพื้นที่ เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัว และมาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ อีกทั้งเพิ่มความเข้มข้นในการออกตรวจปราบปรามการลักลอบทำการประมงในเขต อุทยานฯ เพิ่มจำนวนเปลี่ยนจุดวางทุ่น หรือซ่อมบำรุงทุ่นจอดเรือ เพื่อลดการทิ้งสมอในแนวปะการัง เฝ้าระวังรักษาแนวปะการังที่มีความสามารถทนทานสภาวะฟอกขาวให้เป็นแหล่งกระจายตัวอ่อนปะการังตามธรรมชาติ ให้ข้อมูลข่าวสารแก่เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และชุมชนชาวมอร์แกนรับทราบถึงสถานการณ์และสร้างความร่วมมือในการลดผลกระทบ รณรงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวตลอดจนเยาวชนและประชาชนทั่วไปในการท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯอย่างมีจิตสำนึก เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและลดภาวะโลกร้อนต่อไป ซึ่งในอนาคตพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันจะมีการเสนอเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติต่อไป จาก .................. บ้านเมือง วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#96
|
||||
|
||||
อุทยานหมู่เกาะช้างปิด 3 เกาะ ฟื้นฟูปะการัง เมื่อ 23 ก.พ. นายเฉลิม กลิ่นนิ่มนวล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ว่าขณะนี้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างได้แจ้งการปิดเกาะทองหลาง เกาะกระ และเกาะเทียน ซึ่งเป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังอยู่ใกล้เกาะรัง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เป็นต้นไป โดยไม่มีกำหนดเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชม การปิดเกาะกระ เกาะทองหลางและเกาะเทียนดังกล่าว เป็นมติของกรมอุทยานแห่งชาติให้อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างดำเนินการปิด เนื่องจากแนวปะการังเกิดการฟอกขาวและตายไปกว่า 90% แล้วจากภาวะโลกร้อน การปิดเกาะดังกล่าวเพื่อป้องกันนักท่องเที่ยวดำน้ำดูปะการังไปรบกวน เพื่อให้แนวปะการังมีโอกาสได้พักฟื้น นายเฉลิมกล่าวต่อว่าการปิดดังกล่าวเพียงแต่แจ้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและดำน้ำไปบางส่วนเท่านั้น ซึ่งจะได้ทำประกาศแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้ง สำหรับรายละเอียดการปิด นายเฉลิมบอกว่าได้วางแนวทุนกันบริเวณเกาะดังกล่าวไว้แล้ว โดยห้ามเรือนำเที่ยวรวมทั้งเรือประมงเข้าไปในบริเวณดังกล่าวโดยเด็ดขาด ผู้ใดฝ่าฝืนจะใช้กฎหมายอุทยานดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต่อไป นอกจากนี้จังหวัดตราด โดยนางสาวเบญจวรรณ อ่านเปรื่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด อนุมัติงบประมาณจำนวน 4 ล้านบาท สำหรับทำทุ่นซิเมนต์ขนาด 40 ตัน 41 ทุ่น ทุ่นขนาด 5 ตัน 18 ทุ่น สำหรับวางแนวรอบเกาะดังกล่าวให้เป็นทุ่นผูกเรือ ขณะนี้กำลังเตรียมทุ่นดังกล่าว และจะนำทุ่นไปทำการติดตั้งในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ดังนั้นจึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวทราบ ว่าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างสั่งปิดเกาะเทียน เกาะกระและเกาะทองหลางแล้วเริ่มตั้งเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป โดยยังไม่มีกำหนดเปิดให้เข้าชมแต่อย่างไร จาก .................. ข่าวสด วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#97
|
|||
|
|||
ตอนนี้ทางตะรุเตาออกข่าวมาแล้วว่าปะการังฟอกขาวที่นั่นฟื้นสภาพแล้วเกือบ 100%
สงสัยว่าจะผลักดันให้ยกเลิกการประกาศปิดจุดดำน้ำแถวนั้นนะคะ คงต้องรอสมาชิก sos ไปอันดามันใต้ (ไม่ทราบว่าไปถึงแถวนั้นมั้ย) ไปดูกับตาว่าฟื้นแล้วจริงๆหรือเปล่า หรือแค่ราคาคุยนะคะ |
#98
|
||||
|
||||
ไปถึงอาดัง-ราวี แน่นอนค่ะ ถ้าดินฟ้าอากาศเป็นใจ.... ใต้ทะเลอันดามันเหนือ นั้น ที่ฟอกขาวตายไปเกือบหมด ส่วนที่เหลือก็เริ่มฟื้นตัวสวยงามมากๆ ปลาเล็กๆมากมาย ดูแล้วชื่นใจ ส่วนอันดามันใต้ ถ้าเป็นอย่างเขาว่า ก็น่าจะสวยเช่นกัน....
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 14-06-2011 เมื่อ 11:05 |
#99
|
||||
|
||||
ผู้ประกอบการ 150 รายลงมติใช้กฎบ้านปิดแหล่งดำน้ำดูปะการังเพิ่ม 4 เดือน ตราด - ผู้ประกอบการธุรกิจเกาะช้าง 150 ราย ลงมติใช้กฎบ้านปิดแหล่งดำน้ำดูปะการังเพิ่ม 4 เดือน ประกาศพร้อมรับรายได้หด ชี้ตราดใช้กฎบ้านห้ามมี “เจ็ตสกีบานาน่าโบต” ได้ผล จี้ประมงตราดจับกุมเรือประมงเรือนำเที่ยวเข้มหากเข้าทำประมงในพื้นที่ ความคืบหน้าจากกรณีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด ได้ทำการปิดแหล่งดำน้ำดูปะการังในหมู่เกาะช้างจำนวน 3 เกาะคือ เกาะกระ เกาะทองหลาง และเกาะเทียน เนื่องจากปะการังได้รับความเสียหายมากนั้น นางสาวจารุวรรณ จินตกานนท์ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ตราด เปิดเผยว่า การปิดแหล่งดำน้ำดูปะการัง 3 เกาะ ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างนั้น เป็นการปิดโดยใช้กฎหมายบังคับให้ปิด ทั้งนี้ เพราะปะการังทั้ง 3 เกาะนั้น เป็นแหล่งดำน้ำสำคัญของหมู่เกาะช้างได้รับความเสียหายมากจนต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน หากไม่ปิดปะการังจะถูกทำลายโดยสิ้นเชิง ซึ่งสมาคมเห็นด้วย นอกจากนี้ ได้ออกไปสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ทั้งในเกาะช้าง เกาะกูด และเกาะหมาก ทั้งหมดเห็นด้วย และพร้อมเสียสละรายได้ที่จะได้จากการนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำดูปะการังไปตลอด 4 เดือน (มิถุนายน-กันยายน) “แต่สมาคมและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งหมดที่ร่วมประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2553 ไม่ต้องการให้ปิดเพียง 3 เกาะ แต่จะใช้กฎบ้านที่เป็นมติของพวกเราทั้งหมด ปิดหมู่เกาะรัง ที่เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังสำคัญที่สุดของหมู่เกาะช้างต้องปิดด้วย เป็นเวลา 4 เดือน เพื่อให้ปะการังได้รับการฟื้นฟู เพราะที่ผ่านมาปะการัง ถูกปรากฏการณ์ลานีญาทำลายไปกว่า 60% ที่เหลืออยู่ แม้รอดแต่ก็อยู่ในอาการสาหัส หากผู้ประกอบธุรกิจยังนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำอีกทั้งหมดจะตายหมด และไม่สามารถฟื้นฟูได้อีกต่อไป” นายกสมาคมกล่าวว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะช้างมีมติร่วมกัน คือ เป็นกฎบ้านที่ดีกว่ากฎหมาย และทุกคนทำเพื่อปกป้องปะการัง ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ใช้กฎบ้านไม่ให้มีการนำเจ็ตสกีและบานาน่าโบตเข้ามาในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง รวมทั้งเกาะหมากและเกาะกูด ซึ่งได้ผลดี และยังเป็นกฎบ้านที่ศักดิสิทธิ์และมีผลทางปฏิบัติมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นางสาวจารุวรรณยังบอกอีกว่า สำหรับการฟื้นฟูปะการัง สมาคมมีโครงการสร้างปะการังใต้น้ำในชื่อ “ช้างแห่งสยามเพื่อทะเลไทย” โดยจะปั้นช้างจำนวน 9 ตัว 8 ตัว จะทิ้งลงไปในแหล่งดำน้ำดูปะการังที่เสื่อมโทรม อีก 1 ตัว จะทำการทิ้งลงทะเลในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นี้ ซึ่งจะทำโครงการเพื่อเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษาของในหลวง ขณะนี้มีภาคเอกชน 2-3 ราย เข้ามาสนับสนุนโครงการแล้ว แต่จะนำเสนอรายละเอียดต่อไป แต่หากทำโครงการนี้ได้จะส่งผลดีต่อทะเล จ.ตราดมาก และจะเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวของ จ.ตราด ที่ยิ่งใหญ่ เพราะนักดำน้ำดูปะการังจะเห็นความสวยงามของทั้งปะการัง, สัตว์น้ำ และช้างทั้ง 9 ตัว ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำด้วย จาก .................. ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#100
|
||||
|
||||
"สตูล" หนุนงบอุทยานฯ 1ล้าน ทำทุ่นจอดเรือ ป้องกันปะการัง สตูล:ว่าที่ร้อยเอกไพโรจน์ หอมช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล เปิดเผยว่า จ.สตูล ได้อนุมัติงบประมาณ 1,600,000 บาท ให้กับอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เพื่อนำไปจัดทำทุ่นสีขาว เป็นทุ่นแสดงพื้นที่จอดเรือให้พื้นที่ 3 จุด ที่อยู่ห่างจากที่มีปะการัง ทั้ง 3 จุดคือบริเวณ 1. เกาะหลีเป๊ะ 2.บริเวณหาดทรายขาว 3. บริเวณอ่าวเรือใบ เพื่อจัดระเบียบที่จอดเรือให้เรียบร้อย สำหรับพื้นที่การเกิดปะการังฟอกขาว ทั้ง 4 จุด กำลังฟื้นตัวเร็ว หลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯสำรวจพบการฟื้นตัว เกิดจากสภาพอุภูมิใต้ทะเลมีน้ำทะเลไหลแรง และผู้ประกอบท่องเที่ยวให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยขณะนี้ปะการังฟื้นตัวแล้วกว่า 70% ทั้งนี้อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เร่งปราบปรามเรือประมงอวนลากที่ฝ่าฝืนเข้ามาในพื้นที่หวงห้าม โดยทางกรมเป็นห่วงปะการังในท้องทะเล หวั่นอาจถูกทำลายจากเรือประมงอวนลากและนักท่องเที่ยวให้อาหารปลา ซึ่งเป็นการเกิดปะการังฟอกขาวขึ้นมา ละการเกิดปะการังฟอกขาวอีกหนึ่งสาเหตุ คือรีสอร์ท บนเกาะทิ้งน้ำเสียลงทะเล ทางกรมจึงเร่งให้อุทยานฯในพื้นที่เร่งจัดการปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน จาก .................. แนวหน้า วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 25-02-2011 เมื่อ 11:14 |
|
|