เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > Main Category > ห้องรับแขก

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #11  
เก่า 04-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



ลองอ่านนี่ดูค่ะ...

http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/417111

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #12  
เก่า 04-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



ข้อมูลที่ต่อต้าน EM Ball มาใช้ในกรณีน้ำท่วมกรุงเทพฯ เน่าค่ะ...

http://www.matichon.co.th/news_detai...&subcatid=0305


EM และน้ำหมักชีวภาพ แก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียได้จริงหรือ ?

วันที่ 04 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 17:37:57 น.



โดย กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย





ในช่วงเวลาปัจจุบันมีหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วนได้สนับสนุนการใช้ EM (Effective Microorganisms) เพื่อบำบัดปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นและน้ำเน่าเสียในบริเวณน้ำท่วมขัง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายรวมถึงประชาชนทั่วไปเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะอธิบายข้อเท็จจริงและให้ความรู้ในด้านต่างๆ เกี่ยวกับ EM และจะกล่าวถึงกรณีศึกษาในการบำบัดน้ำเสียของต่างประเทศในภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้ บทความนี้มิได้มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งแต่อย่างใด แต่มุ่งหวังถึงประโยชน์สูงสุดในการปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมในสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน



ปัญหาน้ำเน่าอาจกล่าวได้ว่าเกิดจากการที่สารอินทรีย์ในน้ำมีปริมาณสูง เมื่อเกิดการย่อยสลายโดยจุลินทรีย์จึงส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำมีปริมาณลดลง และในที่สุดอาจก่อให้เกิดสภาวะไร้อากาศซึ่งส่งกลิ่นเหม็น และส่งผลเสียต่อปลาและสัตว์น้ำต่าง ๆ ค่าการละลายออกซิเจนนับเป็นพารามิเตอร์หนึ่งที่สามารถบ่งบอกคุณภาพน้ำได้ โดยในแหล่งน้ำที่สะอาด ไม่เน่าเสีย โดยทั่วไปจะมีค่าการละลายออกซิเจนประมาณ 3 - 7 มิลลิกรัมต่อลิตร การย่อยสลายสารอินทรีย์ในสภาวะที่มีออกซิเจนสามารถอธิบายอย่างง่ายดังนี้



EM (Effective Microorganisms) เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีความสามารถเฉพาะทาง ประกอบด้วยจุลินทรีย์ 3 กลุ่มหลัก คือ 1) กลุ่ม Lactic acid bacteria 2) กลุ่ม Yeast และ 3) กลุ่ม Phototrophs (Purple bacteria) ซึ่งได้รับการพัฒนามาจาก Professor Teruo Higa ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงได้มีการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้าน อาทิ ด้านการเกษตร ด้านการหมักขยะมูลฝอยเพื่อทำปุ๋ย และด้านการย่อยสลายสารอินทรีย์ในสุขา (โถส้วม) เป็นต้น



โดยทั่วไป จุลินทรีย์ใน EM สามารถทำงานได้ทั้งในสภาวะที่มีออกซิเจน (Aerobic conditions) และไม่มีออกซิเจน (Anaerobic conditions) อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงการประยุกต์ใช้งาน EM ในสภาวะที่ในน้ำท่วมขังซึ่งมีปริมาณออกซิเจนละลายน้ำ (Dissolved Oxygen, DO) อยู่อย่างจำกัด กล่าวได้ว่า EM จะใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายสารอินทรีย์ และในช่วงเวลาดังกล่าวจะส่งผลทำให้ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลงและไม่เพียงพอได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าน้ำในบริเวณดังกล่าวมีสารอินทรีย์ปนเปื้อนอยู่มาก รวมถึงมีการใส่ EM ในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม (ปริมาณที่มากไปหรือใส่เข้าไปในสภาวะหรือรูปแบบที่ไม่เหมาะสม) ดังนั้น กล่าวได้ว่าการเติม EM อาจส่งผลทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียจากการขาดออกซิเจนที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม



อีกประเด็นสำคัญที่ควรคำนึงถึงเกี่ยวกับการเลือกใช้งาน EM กล่าวคือ จุลินทรีย์ใน EM ทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าวไม่มีความสามารถในการสร้างออกซิเจนแต่อย่างใด นอกจากนี้ องค์ประกอบของ EM ball หรือ Micro ball ซึ่งมีการปั้นโดยใช้องค์ประกอบเป็นสารอินทรีย์ต่างๆ เช่น กากน้ำตาล และ รำข้าว เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างผลกระทบของสารอินทรีย์ข้างต้นต่อการเน่าเสียของแหล่งน้ำ อาทิ



กรณีกากน้ำตาล ที่ส่งผลต่อปัญหาน้ำเน่า เช่น การลักลอบทิ้งน้ำเสียจากโรงงานน้ำตาล และกรณีเรือน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นข่าวใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา





กรณีรำข้าว อาจพิจารณาการที่เรานำรำข้าว หรือ เศษอาหาร ไปทิ้งไว้ในน้ำในปริมาณมากๆ และเป็นระยะเวลานาน ก็ย่อมส่งผลให้น้ำเน่าเสียเช่นกัน



ดังนั้น เมื่อโยน EM ball ลงในแหล่งน้ำจึงเปรียบเสมือนการเพิ่มปริมาณสารอินทรีย์ให้กับแหล่งน้ำในบริเวณที่มีการท่วมขังอีกทางหนึ่ง โดยสารอินทรีย์ดังกล่าวที่ยังคงเหลืออยู่ย่อมก่อให้เกิดความต้องการออกซิเจนในน้ำที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงได้ และแม้แต่จุลินทรีย์ใน EM เอง เมื่อตายไปก็นับเป็นแหล่งสารอินทรีย์ในน้ำเช่นกันซึ่งก็ยังต้องใช้ออกซิเจนในการย่อยสลายเช่นกัน ดังนั้น กล่าวได้ว่าการเติม EM นอกจากจะไม่ช่วยสร้างออกซิเจนแล้ว ยังส่งผลทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสียที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิมจากการลดลงของปริมาณออกซิเจนในน้ำ รวมถึงเพิ่มสูงขึ้นของปริมาณสารอินทรีย์ (ดังที่กล่าวถึงข้างต้น)



ทั้งนี้ การย่อยสลายสารอินทรีย์ในแหล่งน้ำท่วมขังควรกระทำภายใต้สภาวะที่มีอากาศหรือออกซิเจนเท่านั้น การย่อยสลายสารอินทรีย์ในสภาวะไร้อากาศถือได้ว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในแหล่งน้ำ โดยสรุป เราสามารถกล่าวได้ว่าการบำบัดสารอินทรีย์ในแหล่งน้ำมีลักษณะแตกต่างจากการบำบัดสารอินทรีย์ในสุขา และการหมักขยะเพื่อทำปุ๋ย (ซึ่งมีการใช้ EM ร่วมด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นด้านออกซิเจนละลายน้ำ (DO) ที่เป็นพารามิเตอร์ที่บ่งบอกถึงคุณภาพแหล่งน้ำ รวมถึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญอย่างมากต่อคุณภาพแหล่งน้ำ



ถึงแม้ EM ต้นแบบ (ลิขสิทธิ์ Professor Teruo Higa) ซึ่งอ้างว่ามีความสามารถในการกำจัดกลิ่นและทำให้น้ำใส แต่ก็เป็นการช่วยบรรเทาปัญหาชั่วคราวในระยะสั้นเท่านั้น แต่หากสารอินทรีย์ในน้ำยังคงอยู่ และออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถกล่าวได้ว่าน้ำนั้นสะอาดจริง กล่าวคือน้ำดังกล่าวยังไม่ปลอดภัยที่จะนำมาใช้และไม่ปลอดภัยต่อสัตว์น้ำแต่อย่างใด และอาจยังเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคต่างๆ ได้อยู่ นอกจากนี้ หากมองถึงประเด็นการผลิตน้ำหมักชีวภาพ หรือ EM ในแบบต่างๆ ด้วยตนเอง จุลินทรีย์ที่ได้อาจมีองค์ประกอบที่แตกต่างจากจุลินทรีย์ใน EM ต้นแบบ และหากไม่ได้ผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพที่ดีพอ EM และ น้ำหมักชีวภาพอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคได้ ซึ่งนับเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ควรระวังและไม่ควรมองข้ามสำหรับทุกๆ หน่วยงานและภาคส่วนที่มีสนับสนุนการใช้ EM เพื่อบำบัดปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นและน้ำเน่าเสียในบริเวณน้ำท่วมขัง



ผู้ทรงคุณวุฒิ จากประเทศญี่ปุ่น (ซึ่งไม่สามารถเอ่ยนามได้ เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาตไว้) ได้ให้ข้อมูลว่าจากเหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่นก็ได้มีการพยายามจัดการแก้ไขปัญหาน้ำเสียในพื้นที่ต่างๆ ขององค์กรอิสระต่างๆ ที่รณรงค์ร่วมกันใช้ EM เพื่อบำบัดน้ำเสีย อย่างไรก็ตาม ทางหน่วยงานรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น (กระทรวงสิ่งแวดล้อม) ได้ทำการทดลองเพื่อศึกษาความสามารถของ EM ในการบำบัดน้ำเสีย และพบว่า EM ไม่ได้ช่วยในการบำบัดน้ำเสียแต่อย่างใด ในการนี้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศญี่ปุ่นจึงไม่แนะนำการใช้ EM ในการบำบัดน้ำเสียในสถานการณ์ดังกล่าว



นอกจากนี้ จากเหตุการณ์สึนามิซึ่งระบบบำบัดน้ำเสียถูกทำลาย ทางหน่วยงานรัฐบาลของญี่ปุ่นได้ทำการแก้ไขปัญหาระยะสั้นโดยการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคลงในท่อบำบัดน้ำเสีย และเลือกใช้การตกตะกอน (Sedimentation) และการฆ่าเชื้อโรค (Disinfection) เพื่อบำบัดน้ำเสียในระบบบำบัดน้ำเสียชั่วคราว รวมถึงได้มีการวางแผนจะพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสียชั่วคราวโดยใช้ระบบบำบัดทางชีวภาพร่วมกับการตกตะกอน และการฆ่าเชื้อโรค (Biological treatment - Sedimentation - Disinfection) ส่วนในบริเวณชนบทนั้น ดำเนินการบำบัดน้ำเสียโดยทำการรวบรวมน้ำเสีย และทำการการฆ่าเชื้อโรค จากนั้นปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ จนกระทั่งระบบบำบัดขนาดเล็กได้รับการฟื้นฟู



ทั้งนี้ทางกลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าใจดีถึงความปรารถนาดีของทุกฝ่ายในการช่วยกันร่วมแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น หากแต่อยากนำเสนออีกแง่มุมหนึ่งของ EM เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพื่อเลือกวิธีการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมที่สุดในการฟื้นฟูปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากภาวะน้ำท่วมในปัจจุบัน

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #13  
เก่า 04-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



มาอีกแล้วค่ะ...








__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-11-2011 เมื่อ 22:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #14  
เก่า 05-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default

มีมาโต้กันอีกแลวค่ะ


http://m.matichon.co.th/readnews.php...grpid=03&catid



ผู้ผลิตอีเอ็ม บอลล์ โต้นักวิชาการจุฬาฯ ไม่รู้จัก "อีเอ็ม บอลล์" จริง


นายมนัส หนูสวี รองประธานมูลนิธิเกษตรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ริเริ่มการผลิตอีเอ็ม บอลล์ อย่างจริงจังคนแรกของภาคใต้ กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของศ.ดร. ธงชัย พรรณสวัสดิ์ ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และ กลุ่มอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ว่า EM Ball อาจไม่ช่วยบำบัดน้ำเสียจากน้ำท่วม และอาจจะยิ่งทำให้น้ำขาดออกซิเจนเน่าเสียไปกว่าเดิม นั้น ก็อยากถามว่าท่านรู้จักอีเอ็มบอลล์ Ball แค่ไหน ขณะนี้เกิดน้ำท่วมน้ำเน่าเหม็นชาวบ้านเดือนร้อนไปทั่ว และต้องการให้มีการบำบัดน้ำที่เสียให้ดีขึ้น การออกมาแสดงความคิดเห็นดังกล่าวไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นแล้วยังจะทำให้น้ำเน่าเสียนานขึ้นด้วย หากไม่เร่งบำบัด


ทั้งนี้ ความคิดเห็นทางวิชาการที่ว่า อีเอ็มบอลล์ ทำมาจาก สารอินทรีย์ เช่น กากน้ำตาล และ รำข้าว ซึ่งจุลินทรีย์ต้องใช้ออกซิเจนในการย่อยสลาย และอาจจะทำให้ออกซิเจนในน้ำลดลงเน่าเสียไปกว่าเดิมนั้น นาย มนัส ตอบว่า น้ำที่เน่าเสียจากน้ำท่วมถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับน้ำเสียจากบ่อขยะที่ส่งกลิ่นเหม็นไปไกลหลายกิโลเมตร โดยเฉพาะปัญหาที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ทางกลุ่มดำเนินการบำบัดจนสามารถปล่อยปลาได้ อีเอ็มบอลล์ มีจุลินทรีย์ หลายชนิด โดยเฉพาะจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ให้ออกซิเจนกับน้ำ และจุลินทรีย์ ที่ทำให้แก๊สไข่เน่า และแก๊สมีเทน ซึ่งทำให้น้ำมีกลิ่นเหม็นลดลง จุลินทรีย์บางชนิด นักวิชาการของไทยไม่รู้จักด้วยซ้ำ



นายมนัส กล่าวอีกว่า นักวิชาการได้อ้างกรณีสึนามิ ที่ญี่ปุ่นว่า ไม่ได้ใช้ อีเอ็ม แต่ใช้ปูนขาว และคลอรีน นั้น ปูนขาวคือการลดความเป็นกรด คลอรีนใช้ฆ่าเชื้อซึ่งจะฆ่าเชื้อทั้งหมดทั้งมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ ต้องถามว่าจะต้องใช้ปูนขาวและคลอรีนเท่าไหร่จึงจะพอ และต้องถามกลับไปว่า บริษัทนักการเมืองคนไหนที่ ผูกขาดการผลิตปูนขาว และคลอริน ซึ่งการที่นักวิชาการออกมาพูดเช่นนี้ควรที่จะพิสูจน์ก่อนว่าอีเอ็มบอลล์ดีหรือไม่ดี แม้ว่าการโยนอีเอ็มบอลล์บำบัดน้ำเสียจากน้ำท่วมอาจจะไม่ชัด แต่ขอให้นักวิชาการไปตักน้ำเสียในคลองไหนก็ได้ที่ กทม.มาพิสูจน์จะได้รู้กัน

ด้านนายประวิทย์ ภูมิระวิ ผู้รับผิดชอบการผลิตอีเอ็มบอลล์l ศูนย์การเรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร กล่าวว่า ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ ถ้าส้วมเหม็น ก็ลองทุบใส่ดู 2-3 วันกลิ่นหายไปก็หมายความว่าใช้ได้ ถ้าน้ำเสียมีกลิ่น โยนลงไปดู น้ำดีขึ้นกลิ่นหายไป ก็แสดงว่าใช้ได้ ส่วน อีเอ็ม บอลล์ ที่ศูนย์ฯ ผลิต 5 แสนลูก ถ้าไม่มาเอาก็ไม่เป็นไรเพราะปกติชาวบ้านทั่วไปก็ใช้อยู่แล้ว ไม่ได้เดือนร้อนเพราะเราไปได้มีอาชีพขาย อีเอ็มบอลล์

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #15  
เก่า 05-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



เป็นการ์ตูนก็มีค่ะ...และดูจะดูเข้าใจง่ายและเป็นกลางที่สุด...



ทำความเข้าใจปัญหาน้ำเน่ากับการแก้ปัญหาด้วย EM ผ่านการ์ตูน โดย ดร.อาทิตย์ นันทขว้าง อาจารย์สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งระบุว่าวาดการ์ตุนตอนพิเศษเพื่อแบ่งปันความรู้แก่คนทั่วไปและคนที่ต้องการใช้หรือคิดจะใช้ EM เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขังในบ้าน โดยไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านหรือทำลายขวัญและกำลังใจแต่อย่างใด และอ้างอิงข้อมูลจากกิจกรรม “ระดมสมองนักวิทย์: EM กับน้ำเสียสู่สังคมอุดมปัญญา” ในเฟซบุค












__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 05-11-2011 เมื่อ 20:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #16  
เก่า 05-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default










__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #17  
เก่า 05-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default










__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #18  
เก่า 05-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default







ขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.manager.co.th/Science/Vie...=9540000141172
__________________
Saaychol

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 05-11-2011 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #19  
เก่า 06-11-2011
lazyoctopussy lazyoctopussy is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: Jul 2009
ข้อความ: 249
Default

ขอบคุณค่ะ^____^
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #20  
เก่า 06-11-2011
สายชล's Avatar
สายชล สายชล is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: Bangkok
ข้อความ: 9,160
Default



ด้วความยินดีค่ะ...

__________________
Saaychol
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:51


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger