มิงกะลาบา...จากมัณฑะเลย์สู่เมืองเอกแห่งรัฐฉาน

[สายชล]

เมื่อเดินเข้าไปในถ้ำหินปูน ที่มีอายุราว 200 ปี... เราได้เห็นเจดีย์สีทองอร่ามในโถงใหญ่ใกล้ปากถ้ำ เจดีย์นี้ มีชื่อว่า “เจดีย์ถ้ำทอง (Shwe U Min Pagoda or the Golden Cave Pagoda)” ซึ่งสันนิษฐานว่า ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อ คศ. 3 หรือเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว


ข้อมูลจาก....http://en.wikipedia.org/wiki/Pindaya...ndayacave.html)

[สายชล]

ถ้ำพินดายา มีถ้ำ 3 ถ้ำวางตัวในแนวเหนือ-ใต้ ของเทือกเขา มีเพียงถ้ำทางด้านใต้เท่านั้น ที่เปิดให้เข้าชม ถ้ำนี้มีความลึกราว 150 เมตร ตั้งแต่พื้นจนถึงเพดานถ้ำ มีพระพุทธรูปหลายแบบ หลายขนาด ทำด้วยไม้ ปูนปั้น หินอ่อนแกะสลัก กระเบื้องเคลือบ ทองเหลือง และ ทองสัมฤทธิ์ วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด และยังมีเจดีย์ใหญ่น้อยมากมายแทรกอยู่ระหว่างองค์พระพุทธรูปด้วย จนแทบไม่มีที่ว่างเหลืออยู่ในถ้ำ...

[สายชล]

ไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่นอนว่า พระพุทธรูปองค์แรกที่ถูกนำมาไว้ในถ้ำนี้เมื่อไร แต่สันนิษฐานว่า น่าจะราวปลายศตวรรษที่ 18 โดยมีทั้งเจ้าบ้านผ่านเมือง ข้าราชการ พ่อค้าวานิช และชาวบ้าน ที่ผ่านมาที่ถ้ำแห่งนี้ เป้นผู้นำพระมาประดิษฐานไว้ ส่วนมากจะมีการเขียนชื่อผู้นำพระมาไว้ ติดไว้ที่ฐานองค์พระด้วย

[สายชล]

คาดว่า ปัจจุบันนี้มีพระพุทธรูปในถ้ำพินดายาเกือบเก้าพันองค์แล้ว...

[สายชล]

บางส่วนที่ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่จ่ายค่ากล้องเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ บริเวณนั้นจึงมีคนน้อยมาก...สองสายรู้สึกจิตใจสงบเย็นสบาย เมื่อไร้ซึ่งผู้คน มีเพียงพระพุทธรูปที่ล้อมรอบตัวเราเต็มไปหมด ....

[สายชล]

มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง ที่มีคนไทยนำไปประดิษฐานไว้ด้วยค่ะ...

[สายชล]

พุทธลักษณะของพระพุทธรูปส่วนมากงดงามทีเดียวค่ะ

[สายชล]

เราออกจากถ้ำมาด้วยความประทับใจ...หน้าถ้ำ เป็นลานทางเดินไปลิฟท์ให้เราได้ถ่ายภาพทิวทัศน์เมืองพินดายา ที่มองเห็นได้ไกล 180 องศา...ชอบต้นไทรอินเดียยักษ์ที่ขึ้นอยู่ที่เชิงเขาจริงๆค่ะ

[สายชล]

ดีใจค่ะ ที่ไม่ต้องเดินไต่บันไดสองร้อยขั้นขึ้นมาจากเชิงเขา เพื่อมาไหว้พระที่ถ้ำพินดายา...

[สายชล]

แค่เดินจากลานจอดรถขึ้นมาบนถ้ำนี้ ก็แทบจะขาดใจตายแล้วค่ะ...มองเห็นคนเดินลงแน่นขนัด แต่ไม่มีคนเดินขึ้นแล้ว สองสายก็เปลี่ยนใจไปลงลิฟท์ที่ไม่มีใครใช้ลงเลยแทน...