#21
|
|||
|
|||
ดีจังค่ะ ได้ทำบุญและได้เที่ยวทีเดียวเลย...ขอบคุณค่ะสำหรับภาพและเรื่องราวน่าประทับใจค่ะ..
|
#22
|
||||
|
||||
....เป็นนกนางนวลครับพี่น้อย...ก่อนลงเรือเขาจะแจกอาหารถุงให้พวกเรา..เขาบอกว่าเอาให้นกเมื่อถึงช่วงประมาณกลางทะเลสาบ...ตอนแรกก็ไม่ทราบว่านกอะไร...เห็นเรือลำแรกโยนอาหารขึ้นให้นกบนอากาศ..ฝูงนกนางนวลโฉบอาหารบนอากาศและส่วนมากอาหารจะไม่ถึงพื้นน้ำ เป็นภาพที่สวยงามมากครับ(เรือแล่นเร็วเลยถ่ายรูปไม่ทัน)....เขาใช้ใยบัวมาทอจริงๆครับตอนแรกก็งง..แต่ราคาก็แพงกว่าผ้าไหมมาก อยู่ที่ 500 - 1,000 us$ ขึ้นอยู่กับลวดลาย
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นาย : 14-01-2011 เมื่อ 18:01 |
#23
|
||||
|
||||
อู้วววว....ทะเลสาบกลางหุบเขา มีนกนางนวลเหมือนๆแถวชายทะเลด้วย น้องนายเล่าว่านกนางนวลมากินอาหาร ที่โยนขึ้นไปกลางอากาศแล้ว ทำให้คิดถึงนกนางนวลที่อ่าว San Francisco, California และที่ Galveston , Texas ที่นกนางนวลก็น่ารักอย่างนี้เหมือนกันค่ะ
__________________
Saaychol |
#24
|
||||
|
||||
ขอบพระคุณพี่นายค่ะ สวยจริงๆๆ ค่ะ
พี่น้อยขา เลือกช่วงที่หนูมีวันหยุดยาวหน่อย และขอติดไปสักคนได้ไหมค่ะพี่น้อย
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
#25
|
||||
|
||||
...วันที่ 4 ของการเดินทาง....จาก แฮโฮสู่ มันดาเลย์ -ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์ 2,500 รูป
....เวลา 0430 เดินทางสู่ วัดยักไข่ ร่วมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรมล้างหน้า พระพักตร์พระมหามัยมุนี ( 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า) .....ตำนาน พระมหามัยมุนี มัณฑเลย์ ......“พระมหามัยมุนี” หรือ “พระมหาเมี๊ยะมู่นี่” อันมีความหมายว่า “พระผู้เป็นที่เคารพสูงสุด” หรือ “ผู้รู้อันประเสริฐสุด” ซึ่งนับเป็นหนึ่งในห้าแห่ง “เบญจมหาบูชาสถาน” อันมีความสำคัญสูงสุดของประเทศพม่า ตำนานได้กล่าวไว้ว่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยกษัตริย์แห่งเมืองยะไข่ องค์พระทำจากทองสัมฤทธิ์ สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว ก่อนสร้าง พระกษัตริย์ผู้สร้างทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทานพรให้พระพุทธปฏิมาองค์นี้ เป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบพระศาสนาไปในภายหน้า โดยในอดีต แม้เมืองยะไข่จะถูกโจมตีโดยกษัตริย์ผู้ทรงแสนยานุภาพอย่างไร ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนย้ายองค์พระมหามัยมุนีนี้ออกจากเมืองได้ ต้องมีเหตุให้ขัดข้องทุกครั้งไป ......จนมาถึงรัชสมัยของพระเจ้าปดุง ยกทัพมาตีเมืองยะไข่ได้ และคราวนี้ สามารถอัญเชิญพระมหามัยมุนีออกจากยะไข่ได้ โดยล่องมาตามแม่น้ำอิระวดีมายังเมืองมัณฑเลย์ได้สำเร็จ พระมหามัยมุนีอันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑเลย์เป็นการถาวรนับแต่นั้นเป็นต้นมา .....และด้วยความเชื่อว่า พระพุทธมหามัยมุนีนี้ มีชีวิต เพราะด้วยเหตุที่ได้รับประทานพร(บางตำนานก็ว่าเป็น “ลมหายใจ”จากพระพุทธองค์) จึงมีประเพณีล้างพระพักตร์ถวาย โดยทุกเช้า เวลาประมาณตี 4 พระมหาเถระและสัปบุรุษก็จะมากระทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมแป้งทานาคาอย่างดีพร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า ก่อนใช้ผ้าจากศรัทธาสาธุชนถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท พร้อมใช้พัดทองโบกถวายเป็นอันดีเสมือนหนึ่งได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนมชีพอยู่จริงๆก็ปานกันเลยทีเดียว.... ......อนึ่ง องค์พระมหามัยมุนีมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นรอยย่นตะปุ่มตะป่ำไปทั้งพระองค์ ซึ่งหากเอานิ้วกดลงไป ก็จะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่มของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพันๆหมื่นๆชั้น ตลอดระยะเวลาเนิ่นนานกว่าศตวรรษ ทำให้พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า “พระเนื้อนิ่ม” แต่น่าแปลกที่ว่า แม้จะมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนองค์พระใหญ่ขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่พระพักตร์ขององค์พระมหามัยมุนีก็ยังแลดูใหญ่ตามองค์พระอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งๆที่ไม่ได้มีการปิดทองที่องค์พระเลยแม้แต่น้อย แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นาย : 20-01-2011 เมื่อ 10:29 |
#26
|
||||
|
||||
...ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์ 160 รูป และหลังจากนั้นร่วมกันถวายจีวรและคอมพิวเตอร์แก่พระภิษุสงฆ์ผู้ทรงพระไตรปิฎก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นาย : 20-01-2011 เมื่อ 10:31 |
#27
|
||||
|
||||
เดินทางมาที่ วัดมาโซหยิ่น..... ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุสงฆ์ 2,500 รูป (รอบละ 900 รูป )
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นาย : 20-01-2011 เมื่อ 10:33 |
#28
|
||||
|
||||
วันที่ 5 ของการเดินทาง ....กลับสู่ย่างกุ้ง..พระธาตุมุเตา...พระธาตุอินทร์แขวน
มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา) เจดีย์สูงที่สุดในพม่า สูงถึง 114 เมตร หรือ 374 ฟุต • มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือที่เราเรียกกันว่า พระธาตุมุเตา ที่ตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหงสาวดี พระเจดีย์องค์นี้ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า นอกจากนี้มหาเจดีย์ชเวมอดอ ยังเคยผ่านการพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยแผ่นดินไหวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. พ.ศ. 2473 ได้ทำให้ปลียอดของเจดีย์องค์นี้หักพังลงมา แต่ว่าด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมีต่อเจดีย์องค์นี้ พวกเขาได้ทำการสร้างเจดีย์ชเวมอดอขึ้นมาใหม่ในปีพ.ศ.2497 ด้วยความสูงถึง 374 ฟุต (ตอนแรกที่สร้างสูง 70 ฟุต) นับเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้ พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่ไปกับเจดีย์องค์ปัจจุบัน สำหรับความโดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเจดีย์ชเวมอดอก็คือ เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะแบบมอญอย่างเด่นชัด คือมีฉัตรแบบเรียบๆและมีองค์ระฆังของเจดีย์มีลักษณะแคบเรียว ภายนอกหุ้มด้วยทองจังโก้ ภายในเป็นอิฐกลวง แตกต่างจากเจดีย์ชเวดากองที่เป็นเจดีย์แบบพม่า(อย่างชัดเจน) • ส่วนบริเวณรอบๆองค์เจดีย์ก็มีพระพุทธรูปหลายองค์ให้กราบไหว้ มีอาคารสถาปัตยกรรมพม่าผสมตะวันตกให้เดิน นอกจากนี้ที่ด้านหนึ่งของเจดีย์ยังมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆเก็บโบราณวัตถุต่างๆให้ ชม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นาย : 20-01-2011 เมื่อ 10:34 |
#29
|
||||
|
||||
....บ่าย...เดินทางต่อไปยัง ..พระธาตุอินทร์แขวน
"พระธาตุอินทร์แขวน" หรือในภาษามอญใช้คำว่า "ไจ้ก์ทิโย" หมายถึง หินรูปหัวฤๅษี ตั้งอยู่ที่เมืองไจก์โถ่ อ.สะเทิม เขตรัฐมอญ ลักษณะเด่นของพระธาตุอินทร์แขวน คือ มีลักษณะเป็นก้อนหินสีทองขนาดใหญ่สูง ๕.๕ เมตร ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชันอย่างหมิ่นเหม่ เหมือนจะหล่น และท้าทายแรงดึงดูดของโลก โดยไม่ตกลงมาอย่างเหลือเชื่อ ......ตามตำนานเล่าว่า มีฤาษี ๒ ตน เป็นพี่น้องกัน บำเพ็ญเพียรและมีบุญได้ครอบครองพระเกษาขององค์พระพุทธเจ้า ๒ เส้น จึงแบ่งกันองค์ละเส้น ฤาษี ๒ พี่น้องได้แยกกันไปบำเพ็ญเพียรบนยอดเขา ๒ ลูกที่ติดกัน โดยมีกฎที่ว่า เมื่อถึงตอนค่ำของทุกวัน ฤาษีทั้งสองตนต้องส่งสัญญาณไฟจากยอดเขาของตนมายังยอดเขาอีกลูก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ ....... จนมาวันหนึ่ง ฤาษีผู้พี่ไม่เห็นสัญญาณไฟจากฤาษีผู้น้อง จึงเป็นห่วงและออกเดินทางไปยังยอดเขาที่ฤาษีผู้น้องอยู่ เวลาผ่านไปหลายวัน กว่าจะเดินทางไปถึง และก็พบว่าฤาษีผู้น้องเสียชีวิตแล้ว จึงได้นำพระเกษาของพระพุทธเจ้าเส้นที่อยู่กับน้องมาซ่อนไว้ที่มวยผมของตนเอง และเดินทางกลับไปยังยอดเขาที่ตนเองได้บำเพ็ญเพียร ....... วันหนึ่ง เกิดคิดขึ้นมาได้ว่า ตนเองก็คงจะต้องตายจากไปในวันใดวันหนึ่ง จึงเป็นกังวลว่า จะทำอย่างไรดีกับพระเกษาของพระพุทธเจ้าทั้งสองเส้น ที่อยู่กับตน จึงบำเพ็ญจิตภาวนาไปถึงพระอินทร์ ขอให้พระอินทร์ทรงช่วยหาสถานที่ที่ซึ่งจะสามารถบรรจุพระเกษาของพระพุทธเจ้าไว้ในที่ที่สูงที่สุดเทียบเท่ากับสวรรค์ ........ พระอินทร์จึงได้หาก้อนหินจากทะเลลึก และนำมาแขวนไว้บนเขา และดลใจให้ฤาษีได้มาพบเข้า จึงได้นำเอาพระเกษาของพระพุทธเจ้ามาประดิษฐานไว้ที่ก้อนหินนี้ และชาวบ้านก็เรียกต่อกันมาว่า พระธาตุอินทร์แขวน ........ บางตำรากล่าวว่า มีฤาษีติสสะผู้หนึ่งได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้มอบให้ไว้เป็นตัวแทนพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ แต่ว่าฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม ........ พอเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขาร โดยมีความตั้งใจจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของตน จึงให้พระอินทร์ช่วยหาก้อนหินที่มีลักษณะเหมือนกับศีรษะ ซึ่งได้มาจากใต้ท้องมหาสมุทร และก็ให้พระอินทร์นำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน จึงเป็นที่มาของชื่อ พระธาตุอินทร์แขวน ......... เล่ากันว่า ในสมัยก่อน ช่วงสร้างพระธาตุอินแขวนเสร็จใหม่ๆ หินดังกล่าวลอยอยู่กลางอากาศ ขนาดที่ว่า ไก่สามารถเดินลอดใต้ก้อนหินได้ แต่เนื่องจากคนทำบาปกันมาก ก้อนหินจึงหนักลง หนักลง เหลือเพียงนกพิราบที่สามารถลอดได้ ......... จากนั้นคนก็ทำบาปมากขึ้นเรื่อยๆ เหลือเพียงนกกระจอกลอดได้ และเส้นด้าย ก่อนที่จะติดพื้นในที่สุด ซึ่งแสดงเป็นภาพไว้ในห้องด้านขวาของทางขึ้น โดยในห้องดังกล่าวมีรูปปั้นเทพต่างๆ ของพม่าไว้ให้ไหว้กัน ......... ส่วนด้านซ้าย จะเห็นรูปปูนปั้นหญิงสาวนอนอยู่ ตามตำนานเล่ากันว่า มีมเหสีของเมืองเมืองหนึ่งในพม่าต้องคำสาปป่วยใกล้ตาย และหนีการถูกจับ ก่อนตายได้ตั้งใจมาไหว้พระธาตุ แต่เมื่อเดินเข้ามาไหว้ปรากฏว่า อาการป่วยใกล้ตายหายอย่างปาฏิหาริย์ ......... และได้อธิษฐานต่อว่า หากตนเองมีบุญที่ได้มาสักการะองค์พระธาตุ ขอให้ร่างของนางอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ห้ามมิให้ผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้ สิ้นคำอธิษฐานเธอก็กลายเป็นหิน ........ ปัจจุบันนี้ชาวพม่า ชาวมอญ รวมทั้งผู้แสวงบูญชาวไทยเชื่อกันว่า สามารถอธิษฐานฝากโรคที่ตนเองมีความเจ็บป่วย เช่น ปวดหัว ให้นำเงินไปวาง และลูบศีรษะของนาง จากนั้นนำมาลูบศีรษะตนเอง แล้วอาการปวดหัวจะหายไป แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นาย : 20-01-2011 เมื่อ 10:37 |
#30
|
||||
|
||||
บริเวณพระธาตุอินทร์แขวน.....
|
|
|