|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
#21
|
||||
|
||||
เดินออกจากถ้ำแล้ว เราเดินกลับรถด้วยความรู้สึกเศร้าซึม ยิ่งผ่านหลุมระเบิดใหญ่ๆมากมายข้างทาง ก็ยิ่งทำให้เราเศร้าใจหนักเข้าไปใหญ่ ความขัดแย้งทำให้เกิดสงคราม...สงครามก่อให้เกิดความสูญเสียขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้ หรือ ผู้ชนะ.. สันติภาพภายหลังสงคราม...ไม่ได้ทำให้ความเสียใจ และ ความคับแค้นใจ สูญสลายไปจากใจได้เลย แล้วทำไมเราไม่แสวงหาสันติภาพกันตั้งแต่ต้น ก่อนที่สงครามจะเกิดขึ้นนะ... แม้ไม่ใช่สีขาว...แต่เราก็ขอมอบดอกหญ้าสีม่วงในหลุมระเบิดนี้ ให้แก่ผู้รักสันติภาพทุกคนค่ะ...และขอภาวนา อย่าให้เรื่องของความคิด ความเชื่อ หรือสี ที่แตกต่าง ทำให้เกิดสงครามขึ้นอีกเลยนะคะ
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 17-06-2012 เมื่อ 16:44 |
#22
|
||||
|
||||
จากทุ่งไหหิน...ขบวนรถคาราวานย้อนกลับไปเข้าถนนสาย 7 หรือ "เส้นทางโฮจิมินห์" ยิ่งห่างจากเมืองโพนสะหวันเท่าไร ต้นไม้สองข้างทางก็ดูจะหนาแน่นมากขึ้นๆทุกที แสดงให้เห็นว่า ในบริเวณนั้น อาจจะได้รับผลกระทบจาก "ฝนเหลือง" น้อยลงๆ หรืออาจไม่ได้ถูกฝนเหลืองโปรยปรายลงมาทำลาย... ตอนขามาเชียงขวางนั้น ระหว่างทางก็มืดซะก่อน เลยทำให้เราไม่ได้เห็นวิวสองข้างทาง พอขากลับออกมา แม้อากาศจะยังหนาวจับใจ แต่ท้องฟ้าก็แจ่มใส ทำให้เราเห็นความงามของสองข้างทาง ที่เต็มไปด้วยป่าสนสองใบและสามใบ (คนลาวเรียกสนว่า "แปก" ซึ่งเป็นชื่อเมืองเก่าของเมืองโพนสะวัน) เราเห็นมีเด็กๆและสาวๆชาวเขา แต่งชุดชนเผ่ายืนกันอยู่ในดงสน... คุณอานนท์ หัวหน้ากองคาราวานจากรถเบอร์ 00 สั่งให้เราหยุดรถทันที เพื่อให้เราลงไปถ่ายภาพกัน รถทุกคันจอดชิดขอบถนนด้านขวา...แล้วพวกเราก็ค่อยๆทะยอยลงรถ และเดินตรงไปยังดงสนที่เห็นเด็กชาวเขายืนออกันอยู่ พอไปถึง...จากเด็กชาวเขา 3-4 คนที่เราเห็น ก็มีเด็กชาวเขาเดินออกมาจากดงสนที่ลึกเข้าไปอีกเป็นโขยง ทุกคนหน้าแฉล้มแช่มช้อย ตกแต่งหน้าตาด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ใส่ชุดชาวเขาหลากเผ่าพันธุ์ แต่ใส่ถุงน่องรองเท้าสวยงามซะด้วยสิคะ ไม่เหมือนชาวเขาบ้านเราเลย... เอิ้กกกก....โดนนางแบบอาชีพหลอกซะแล้วเรา..
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 15-06-2014 เมื่อ 15:55 |
#23
|
||||
|
||||
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว...พวกเราก็รุมขอถ่ายภาพชาวเขานางแบบอาชีพพวกนี้ไว้เป็นที่ระลึก คนไทยใจดีเสมอ..ถ่ายภาพกับนางแบบชาวเขาแล้ว ก็มีทั้งขนมและเงินมาแจกนางแบบด้วย.. ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกซะหน่อย พอเดินเข้าไปด้านหลังหมู่นางแบบชาวเขา (มีหนุ่มนายแบบหน้าดำๆมาสมทบด้วย) สายชลก็ได้ไอร้อนๆ ที่ทำให้เราอุ่นขาขึ้นมาทันทีทันใด ก้มลงไปมอง ก็เห็นเตาไฟอั้งโล่ มีถ่านติดไฟลุกวาบๆเต็มเตา....อืมมม...มืออาชีพจริงๆเลยนะคะเนี่ย...
__________________
Saaychol |
#24
|
||||
|
||||
เราเดินกลับไปขึ้นรถด้วยความขบขัน ที่ถูกหลอกให้ลงไปถ่ายภาพชาวเขา ที่เป็นนางแบบมืออาชีพ... รถวิ่งต่อไปเรื่อยๆ การจราจรเริ่มสับสนวุ่นวายเมื่อฝ่าเข้าไปกลางเขตชุมชน ถนนที่นี่แคบๆ ไม่มีขอบถนน แต่ทั้งผู้คน รถยนต์ รถวีโก้คอยาว (อีแต๋น) หมู เป็ด ไก่ สุนัข แพะ วัว ฯลฯ อาศัยขอบถนนเป็นที่ดำรงชีวิต วิ่ง หรือเดินเล่น... รถหมายเลข 15 ของเรา ที่อยู่กลางขบวน มักจะถูกทั้งมีสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตทั้งหลาย ตัดหน้าเป็นประจำ ทำให้รถของเราทิ้งช่วงรถคันหน้าไกลๆเสมอๆ จนกลายเป็นหัวขบวน ของรถคันหลังๆเราไป กว่าจะตามไปเจอท้ายรถคันที่ 14 ได้ ก็เล่นลุ้นกันจนเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก.. เราหยุดเข้าห้องน้ำที่หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง สังเกตว่ามีบ้านปลูกสร้างใหม่ๆผุดขึ้นมากมาย ที่เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะรัฐบาลลาวมีนโยบายให้ชาวเขาซึ่งปกติปลูกบ้านที่อยู่อาศัยอยู่ในหุบเขาให้ออกมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมถนน เพื่อเป็นยามเฝ้าเส้นทาง และเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่บ้านเรือน... การไปเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวเขาเช่นนี้ เราไม่แน่ใจว่าชาวเขาพอใจหรือไม่ ดูพวกผู้ชายยังรื่นเริงบันเทิงใจดี เพราะมีทางออก นอกเหนือจากการทำมาหากิน ได้อีกมากมายหลายทาง อย่างเช่น การเตะตะกร้อ เตะบอล ไปเที่ยวบ้านเพื่อน ฯลฯ...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 18:19 |
#25
|
||||
|
||||
ส่วนพวกผู้หญิง...คงมีทางออกน้อยกว่า เพราะชีวิตของพวกเธอ คงจะมีเพียงงานบ้าน ดูแลสามี (ที่ไม่ค่อยจะอยู่บ้านในยามอื่น นอกจากยามนอน) และ ลูกๆแล้ว การหาความสำราญด้านอื่นของพวกเธอ คงไม่ค่อยจะมีให้เลือกมากนัก นอกจากการมานั่งคุยกับเพื่อนๆไป เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานไป...นี่ละกระมัง ที่ทำให้เราไม่ค่อยจะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าพวกเธอ แม้แต่เด็กๆก็หารอยยิ้มได้ยาก.. เราอยากเห็นรอยยิ้มของเธอนะคะ... เราอยากเห็นรอยยิ้มของเด็กๆค่ะ...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 18:21 |
#26
|
||||
|
||||
เราวิ่งผ่านเมืองภูคูน เข้าสู่ถนนสาย 13 ที่ถนนมีฝุ่นตลบ วกไปวนมาเป็นงูเลื้อย และแล้วชบวนรถก็แวะจอดที่เมือง "กิ่วกะจำ" หรือที่เรียกกันเล่นๆว่า "หิวประจำ" เพราะที่นี่ เป็นจุดจอดเพื่อให้รับประทานอาหาร ของผู้จะเดินทางเข้าและออกจากหลวงพระบาง ผ่านถนนสาย 13 กิ่วกะจำ เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่มีชาวเขาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตามนโยบายให้ชาวเขาออกมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมถนน เพื่อเป็นยามเฝ้าเส้นทาง ในช่วงฤดูหนาว อากาศบนกิ่วกระจำจะหนาวเย็น แม้ช่วงสายๆก็สามารถพบสายหมอกที่ปกคลุมเต็มบริเวณหุบเขา เกิดเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ร้านอาหารที่เราใช้บริการชื่อ "ร้านพี่วัน" ที่ลงทุนทำที่ชมวิว เป็นศาลาอย่างดี เปิดโล่งใหญ่โต มีห้องน้ำเป็นสิบห้อง ทั้งแบบนั่งยองๆ และเป็นโถส้วม ที่สะอาด ให้ผู้มาทานอาหารได้ใช้ ที่นี่วิวสวยใช้ได้ทีเดียวค่ะ...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 17-06-2012 เมื่อ 16:59 |
#27
|
||||
|
||||
คณะทัวร์เกือบทุกคณะ จะมาแวะพักรับประทานอาหารและทำธุรส่วนตัว ณ กิ่วกะจำแห่งนี้เป็นประจำ ทำให้บนที่ราบบนกิ่วกะจำแห่งนี้ มีร้านอาหารเกิดใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้...ยังมีชาวลาวนำสินค้าพื้นเมืองมาจำหน่ายมากมายหลายชนิด ผลไม้พอจะซื้อได้ ทุกอย่างกิโลละ 60 บาทหมด ส่วนของพื้นเมืองอย่าเพิ่งรีบซื้อนะคะ...ไปซื้อที่หลวงพระบาง หรือเวียงจันทน์ดีกว่า เพราะถูกกว่ากันหลายบาท ถ้าอยากจะได้เพลงลาวไปฟังบ้าง...ก็เชิญเลือกซื้อหา ติดไม้ติดมือได้เลยค่ะ..
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 18:21 |
#28
|
||||
|
||||
รถมุ่งหน้าสู่หลวงพระบาง ไปตามถนนหมายเลข 13...ไม่ถึงห้าโมงเย็น เราก็ถึงเมือง หลวงพระบาง หลวงพระบาง เป็นเมืองเอกของแขวงหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อยู่ทางภาคเหนือของประเทศ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน ซึ่งไหลมาบรรจบกัน เป็นเมืองที่งดงามด้วยศิลปและวัฒนธรรม จนองค์การยูเนสโกได้ยกย่องให้เป็นมรดกโลกด้วย ในเมืองหลวงพระบาง...เรากลับมาพบกับความวุ่นวาย ที่มีรถนานาชนิดจำนวนมากมายเป็นต้นเหตุ ผิดกับเมื่อครั้งเรามาเยือนหลวงพระบาง เมื่อยี่สิบปีก่อน ที่เราแทบไม่ได้เห็นรถวิ่งบนถนนของหลวงพระบางเลย.. กว่าจะไปถึงโรงแรมที่พัก The Grand Luang Prabang ...โรงแรมริมแม่น้ำโขงระดับ 5 ดาวของหลวงพระบาง เราต้องใช้เวลาฝ่าการจราจรจากถนนสาย 13 เกือบชั่วโมง... แต่พอเห็นโรงแรมแล้วก็หายเหนื่อย...โรงแรมสวยคลาสสิคมากค่ะ.. ห้องพักของเราอยู่ชั้นล่างของตึกสองชั้นรูปตัวยู..มองจากระเบียงห้องพักก็เห็นสระบัวและสวนสวย
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 17-06-2012 เมื่อ 17:04 |
#29
|
||||
|
||||
โรงแรมแห่งนี้...เมื่อยามได้เข้าไปพักแล้ว ทำให้รู้สึกร่มเย็นและสุขใจอย่างบอกไม่ถูก.. จากประวัติของโรงแรม ทำให้เราได้ทราบว่า เดิมที่นี่เป็นวังของเจ้าเพชราช เจ้าองค์นี้ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิต ถ้านับตามตำแหน่งแบบไทยเค้าจะเรียกว่าพระมหาอุปราช ส่วนเจ้าของที่แท้จริงในปัจจุบันเป็นของคนไทย ถ้าอยากทราบว่าเป็นใคร ลองเข้าไปอ่านใน Pantip ตามลิงค์นี้ อ่านแล้ว จะจริงเท็จประการใด โปรดใช้วิจารญานของท่านเองนะคะ http://topicstock.pantip.com/bluepla.../E7599920.html ความร่มเย็นของที่นี่ น่าจะได้มาจากต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณโรงแรม... และความเย็นจากลำน้ำโขง ที่ยามนี้มีน้ำล้นเต็มตลิ่ง...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 07-05-2012 เมื่อ 18:05 |
#30
|
||||
|
||||
เช้าวันใหม่...เราต้องรีบตื่นกันแต่เช้ามืด เพื่อจะไปตักบาตรพระตามที่ได้นัดแนะไว้กับไกด์ ที่จะเป็นผู้จัดเตรียมข้าวเหนียวสำหรับใส่บาตร น้ำสำหรับกรวดน้ำ กระดาษเย็นสำหรับเช็ดมือ และผ้าที่ใช้พาดไหล่ตามธรรมเนียม ไว้ให้กับเรา ยังไม่ทันสว่างดี...เราก็นั่งรถตุ๊กๆฝ่าลมหนาวยะเยือก ออกไปใส่บาตรกัน พอถึงถนนสายหลักกลางเมืองหลวงพระบาง ก็เห็นผู้คนมากมายบนถนนและริมถนน บ้างถือกล้องหรือตั้งกล้อง เตรียมบันทึกภาพอยู่กลางถนน บ้างนั่งอยู่ริมทางเดินที่มีเสื่อปูไว้ พร้อมกับกระติบข้าวเหนียว ที่มีผ้าพาดบ่าสีขาววางไว้บนกระติบอย่างเรียบร้อย มีแก้วน้ำเล็กๆวางอยู่ข้างๆกระติบ เรารีบไปนั่งเรียบร้อยหลังกระติบข้าวบ้าง และใช้ผ้าพาดไหล่สะพายแล่ง ตามวิธีที่ไกด์แนะนำ แล้วนั่งคอยพระสงฆ์ที่ใกล้จะเดินมาถึง..
แห่ะๆ....หน้าตายังไม่ค่อยตื่นดีเลยค่ะ... พระเดินมาเป็นขบวนยาวเหยียดแล้วค่ะ...เรารีบยกกระติบข้าวเหนียวขึ้นจบ... เมื่อพระมาถึง เราปั้นข้าวเหนียวเป็นก้อนเล็กๆ ใส่ในบาตรพระที่เปิดฝาบาตรคอยอยู่...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 16-05-2012 เมื่อ 17:10 |
|
|