#41
|
||||
|
||||
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#42
|
||||
|
||||
อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#43
|
||||
|
||||
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#44
|
||||
|
||||
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#45
|
||||
|
||||
ผลการศึกษาสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลฯ ย้ำกิจกรรมมนุษย์เพิ่มวิกฤติปะการังฟอกขาว เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวที่รุนแรงสุดในปีที่ผ่านมาทั้งพื้นที่ฝั่งอ่าวไทยและ อันดามัน แต่อ่าวไทยได้รับผลกระทบรุนแรงสุดเป็นวงกว้างเกินร้อยละ 80 ของพื้นที่ เพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้จากปรากฏการณ์ในครั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงมีประกาศงดกิจกรรมดำน้ำในเขตที่เกิดปรากฎการณ์ เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัวทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ 1. อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง บริเวณ เกาะเชือก 2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จังหวัดสตูล บริเวณ เกาะบุโหลนไม้ไผ่ 3. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล บริเวณ เกาะตะเกียง เกาะหินงาม เกาะราวี (หาดทรายขาว) เกาะดง 4. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณ เกาะมะพร้าว 5. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะ-พีพี บริเวณแนวปะการังบริเวณหินกลาง 6. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา บริเวณอ่าวแม่ยาย อ่าวมังกร อ่าวจาก อ่าวเต่า เกาะตอรินลา 7. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา บริเวณอ่าวไฟแว๊ป และอีส ออฟ อีเด็น สุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า การงดกิจกรรมทางทะเลในครั้งนี้เกิดจากการที่มีข้อเสนอจากกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง ให้มีการปิดอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันทั้งหมดนั้น คงมีผลกระทบกับหลายฝ่ายอย่างแน่นอน กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้พิจารณาในทุกๆด้าน ทั้งด้านกายภาพของพื้นที่เศรษฐกิจและสังคม และได้เชิญนักวิชาการที่เกี่ยวข้องจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดจนหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทางทะเลทุกแห่งมาหารือในการแก้ไขปัญหาปะการังฟอกขาวนี้ ทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันว่า เพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้จากปรากฏการณ์ในครั้งนี้ อุทยานแห่งชาติทางทะเลจะงดกิจกรรมดำน้ำในเขตดังกล่าว นอกจากนี้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยังคงใช้มาตรการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในอุทยานแห่งชาติ เพิ่มความเข้มข้นในการออกตรวจปราบปรามการลักลอบทำการประมงในเขตอุทยานแห่งชาติ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จัดให้มีการให้ข้อมูลข่าวสารแก่เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ และชุมชนชาวมอแกน เพื่อรับทราบถึงสถานการณ์และเป็นการสร้างความร่วมมือในการลดผลกระทบ เตรียมมาตรการเพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ในการรองรับนักท่องเที่ยว จากการศึกษาของกลุ่มชีววิทยาและนิเวศวิทยาทางทะลและชายฝั่ง สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งและป่าชายเลน จ.ภูเก็ต ระบุว่าในปี 2553 เป็นปีที่แนวปะการังเสียหายมากสุดเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิน้ำทะเลจากปกติ 29 องศาเซลเซียสได้เริ่มสูงขึ้น 30 องศาเซลเซียสตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2553 สามสัปดาห์ต่อมาปะการังได้เริ่มฟอกขาวแผ่พื้นที่เป็นวงกว้างคลุมทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน การฟอกขาวของปะการังในครั้งนี้เริ่มเกิดในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนเมษายน (อุณหภูมิที่อาจถือว่ากระตุ้นให้เกิดการฟอกขาวคือที่ 30.1 องศาเซลเซียส หากปะการังอยู่ในสภาพที่อุณหภูมิสูงกว่า 30.1 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานต่อเนื่องเกิน 3 สัปดาห์ จะทำให้เกิดปะการังฟอกขาวเกิดขึ้น) ตั้งแต่เริ่มมีการฟอกขาว สถาบันได้สำรวจสภาพการฟอกขาวของปะการัง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลจากนักดำน้ำที่แจ้งการฟอกขาวที่เกิดขึ้นในบริเวณต่างๆ พบว่าแนวปะการังในทุกจังหวัดทางฝั่งทะเลอันดามันเกิดการฟอกขาวมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของปะการังที่มีอยู่ และพบว่าหลังจาก 1 เดือน ปะการังที่ฟอกขาวเริ่มมีการตาย 5-40 เปอร์เซ็นต์ (ขึ้นกับสถานที่) สำหรับอ่าวไทยพบการฟอกขาวรุนแรงเช่นเดียวกับทางฝั่งอันดามันในบริเวณกลุ่มเกาะตอนบนของจังหวัดชลบุรี (เกาะสีชัง เกาะนก เกาะสาก เกาะจุ่น) พบการฟอกขาวช้ากว่าจุดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม จากการเก็บข้อมูลพบว่าบริเวณที่มีการฟอกขาวช้าสุด บริเวณสิ่งแวดล้อมดี มีปะการังหลากหลายทั้งในแง่ชนิดและจำนวนโคโลนี พื้นที่ลักษณะเช่นนี้มักพบปะการังฟอกขาวไม่เต็มที่ คือฟอกขาวเพียงบางส่วนของโคโลนี บริเวณที่มีสิ่งแวดล้อมดีในน้ำลึก การฟอกขาวของปะการังมีแนวโน้มเกิดขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริเวณน้ำตื้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่ตั้งของแนวปะการังในแต่ละบริเวณด้วย แนวปะการังที่ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์มีเปอร์เซ็นต์การฟอกขาวของปะการังมากกว่าบริเวณที่มีสิ่งแวดล้อมดี หรือไม่ได้รับอิทธิพลจากมนุษย์ ทั้งนี้เนื่องจากกิจกรรมของมนุษย์ทำให้ปะการังอ่อนแอมาก ส่งผลให้ทนทานต่อการฟอกขาวน้อยลง แนวปะการังบริเวณฝั่งตะวันตกตามเกาะต่างๆทางฝั่งทะเลอันดามัน มีแนวโน้มการเกิดฟอกขาวน้อยกว่าด้านอื่นของเกาะ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการเคลื่อนที่ของมวลน้ำจากทะเลลึกที่เข้ามาช่วยบรรเทาผลของอุณหภูมิน้ำทะเล นอกจากนี้ยังพบว่า ปะการังลายดอกไม้ (Pavona decussata) ปะการังดาวใหญ่ (Diploastrea heliopora ) เป็นชนิดที่มีแนวโน้มต้านทานต่อการฟอกขาวได้ดี ความหลากหลายของชนิดปะการังเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการฟื้นตัวของแนวปะการัง อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลยืนยันว่า ปะการังที่ฟอกขาวสามารถฟื้นตัวได้หากสภาพแวดล้อมกลับมาเป็นปกติในระยะเวลาไม่นานนัก ปะการังฟอกขาวสามารถทนสภาพที่อ่อนแอได้ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ดังนั้นหากอุณหภูมิน้ำลดลงปะการังที่ฟอกขาวอยู่นั้นสามารถดึงสาหร่ายซุแซนเทลลี่กลับมาสู่เนื้อเยื่อ ทำให้ปะการังกลับมามีสีดังเดิมได้ กระบวนการนี้ใช้เวลา 2 เดือนเมื่ออุณหภูมิสู่สภาพปกติ กรณีปะการังฟอกขาวได้ตายไป มีพื้นที่ตัวอ่อนปะการังเข้ามาเกาะในพื้นที่ หรือปะการังบางชนิดที่ยังเหลืออยู่ค่อยๆเจริญเติบโตครอบคลุมแนวปะการัง กระบวนการนี้ใช้เวลา 3-4 ปี ขึ้นอยู่กับน้ำสะอาด ปราศจากการรบกวนของมนุษย์และมีพื้นที่สำหรับตัวอ่อนปะการังลงยึดเกาะเพื่อเจริญเติบโต ในทางตรงข้ามหากพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเสียและมีการรบกวนทั้งการดำน้ำและการประมง การฟื้นตัวของปะการังจะช้ามาก หรือไม่สามารถเกิดขึ้นเลย. จาก ..................... เดลินิวส์ วันที่ 23 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#46
|
||||
|
||||
กรมอุทยานฯยืนกรานปิดพื้นที่บางส่วน วอนสังคมรอ 5 ปีปะการังฟื้น กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ถูกนักท่องเที่ยวและประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมออนไลน์ หลังจากที่สั่งปิดพื้นที่ดำน้ำบางจุดใน 7 อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 มกราคม ว่า เข้าใจดีว่าจะถูกนักท่องเที่ยวไม่พอใจอย่างมาก แต่ขอยืนยันว่าได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว เพราะก่อนที่จะมีคำสั่งได้ขอความเห็นจากทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายจนได้ข้อสรุปว่าให้ปิดพื้นที่บางส่วน ซึ่งการดำเนินการนี้เพื่อทำให้ปะการังคงอยู่ และทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน "ขอให้ทุกฝ่ายอดทนรอ เพราะได้ประเมินแล้วว่าหากไม่มีปัจจัยด้านอุณหภูมิของน้ำทะเลที่จะสูงขึ้นอีก คาดว่าภายใน 5 ปี ปะการังจะฟื้นฟูสภาพได้ ซึ่งหลังจากนั้นกรมอุทยานแห่งชาติฯจะเปิดให้นักเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง เพราะหากปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในระหว่างที่ปะการังเสียหาย ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะจะไม่ได้เห็นของสวยงาม" นายสุนันต์กล่าว และว่า แต่ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายนั้น ยืนยันว่าจะดำเนินการเข้มข้นต่อไป จาก ..................... มติชน วันที่ 22 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#47
|
||||
|
||||
ข่าวปะการังฟอกขาวไม่ทำธุรกิจดำน้ำหด ผู้ประกอบการดำน้ำลึก หมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลัน ระบุ ยังไม่มีการยกเลิกทัวร์ หลังเจอข่าวปะการังฟอกขาวแพร่สะพัด แต่กังวลมีผลกระทบระยะยาว ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ยังแห่เที่ยวเกาะจำนวนมาก ด้านชาวเน็ตสวดยับปิดอุทยานฯทางทะเลใต้ 7 แห่งไม่ตรงจุดที่ปะการังเสียหาย ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณท่าเทียบเรือท่องเที่ยวรัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นท่าเรือท่องเที่ยวนำนักท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่างๆ บริเวณอ่าวพังงา และเกาะพีพี ช่วงเช้าวันที่ 22 ม.ค.54 ซึ่งตรงกับวันหยุดว่า ยังคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศที่จองตั๋วเดินทางไปท่องเที่ยวตามเกาะแก่งในทะเลฝั่งอันดามัน แม้ว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีมาตรการปิดจุดดำน้ำที่มีปะการังเสียหาย ในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามัน 3 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตนารา เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันในจังหวัดพังงา หัวหน้าไกด์เรือท่องเที่ยวพีพีครุยเซอร์ ระบุว่า การปิดแหล่งดำน้ำ ส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปพักผ่อนตามเกาะของนักท่องเที่ยวน้อย โดยปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวตามเกาะต่างๆในฝั่งอันดามันตั้งแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมา ถือว่ายังดีอยู่ เฉลี่ยประมาณ 90 % แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 2,000 คน ปลายทางส่วนใหญ่จะอยู่ที่เกาะพีพี เกาะลันตา เกาะหลีเป๊ะ แต่อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูอีกสักระยะหนึ่งว่าผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวจะทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไปหรือไม่ เพราะพึ่งประกาศเพียง 2 วัน จึงยังไม่เห็นผลที่ชัดเจน ด้านผู้ประกอบการดำน้ำลึกที่เกาะสิมิลันและหมู่เกาะสุรินทร์อีกรายหนึ่ง กล่าวว่า ในส่วนของการจองทัวร์ไปดำน้ำที่หมู่เกาะสุรินทร์ และหมู่เกาะสิมิลัน ในจังหวัดพังงา ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิก แต่เชื่อว่าในระยะยาวมาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวดำน้ำอย่างแน่นอน เนื่องจากมีการให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจนของพื้นที่ปะการังว่าเสียหายถึง 80 % อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผิด เพราะข่าวกระจายไปทั่วโลก โดยปะการังฟอกขาวมีเฉพาะแหล่งดำน้ำตื้นซึ่งอุณหภูมิสูง แต่ไม่มีในผลกระทบในปะการังน้ำลึกที่อุณหภูมิประมาณ 24- 26 องศาเซลเซียส และปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นกับปะการังทั่วโลก ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องควรเร่งให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และ ททท.ต้องเร่งสร้างความเข้าใจต่อตลาดดำน้ำที่จะมาท่องเที่ยวในพื้นที่ด้วย เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่ยังไม่จองทัวร์ อาจจะตัดสินใจเปลี่ยนจุดหมายปลายสถานที่ดำน้ำที่ไม่ใช่ในประเทศไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ห้ามดำน้ำใน 7 อุทยานแห่งชาติชื่อดังทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยเพื่อฟื้นฟูปะการังที่เกิดการฟอกขาวโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มกราคมนั้น ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปโพสท์ข้อความในเว็บไซต์พันทิปดอทคอมว่า จุดที่กรมอุทยานฯสั่งปิดห้ามดำน้ำนั้นไม่สัมพันธ์กับจุดที่เกิดปะการังฟอกขาว เช่น อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ บริเวณอ่าวแม่ยายทิศเหนือ เกิดปะการังฟอกขาวถึง 99.9% เกาะสุรินทร์เหนือ หน้าช่องแคบตอนใน เกิดฟอกขาว 93.6% เกาะปาชุมบา ตะวันออกเฉียงเหนือ เกิดฟอกขาว 95% เกาะสุรินทร์ใต้ฝั่งตะวันออก (อ่าวเต่า) แต่กรมอุทยานฯไม่ปิด กลับสั่งปิดบริเวณอ่าวสุเทพ อ่าวไม้งาม เกาะสตอร์ค หินกอง อ่าวผักกาด และแนวปะการังหน้าที่ทำการอุทยานฯ ซึ่งเกิดการฟอกขาว 70% หรืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จุดที่เกิดปะการังฟอกขาวมากคือ เกาะสิมิลันตะวันออก หน้าประภาคาร ฟอกขาว 89.3% ไม่ปิด กลับไปปิดบริเวณอ่าวไฟแว๊บและอีส ออฟ อีเด็น ซึ่งเป็นจุดที่เกิดปะการังฟอกขาวไม่มากนัก จาก ..................... คม ชัด ลึก วันที่ 22 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#48
|
||||
|
||||
จาก ..................... ไทยรัฐ วันที่ 23 มกราคม 2554
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#49
|
|||
|
|||
วันก่อนโดนจับได้ว่ามีการปล่อยปะละเลย ไม่ดูแลนักท่องเที่ยวที่หยิบปะการังขึ้นมาชม แก้ตัวว่ามีคนไม่เพียงพอ
วันนี้พอบอกให้ปิดห้ามค้างคืนบนเกาะ ดันบอกว่าไม่ต้องกลัว อุทยานคุมนักท่องเที่ยวเข็มงวดอยู่แล้ว สุดๆครับท่าน วันแรกประกาศปิดหมู่เกาะสุรินทร์ส่วน อ่าวสุเทพ อ่าวไม้งาม อ่าวผักกาด หินกองและเกาะสต็อก อีกวันประกาศ ตรงกันข้ามกันทั้งหมด เกาะมังกร อ่าวเต่า อ่าวแม่ยาย อ่าวจาก และตอรินลา คนแบบนี้เราจะฝากความหวัง ไว้ได้เหรอครับ |
#50
|
||||
|
||||
ความหวัง...ความฝัน...ของเรา คงจะไปฝากไว้กับท่านๆทั้งหลายไม่ได้หรอกค่ะ คุณ Thoto_Dive ขืนเรานั่งกันเฉยๆ ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น เราคงต้องพยายามรวมตัวกัน แล้วก็หาวิธีช่วยกันกระตุ้นสังคมให้ตื่นตัว เพื่อไปกระตุ้นต่อมทำงานของพวกท่านทั้งหลาย ให้ทำงานอีกต่อหนึ่ง....
__________________
Saaychol |
|
|