![]() |
|
![]() |
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
#41
|
||||
|
||||
![]() พระราชวังหลวง ![]() หลวงพระบางเป็นเมืองหลวงของลาวเมื่อนานเนกาเลมาแล้ว...ตามประวัติชาติลาว ที่เล่าโดยไกด์สาวชาวลาว ได้ความว่า.... ![]() เดิมที่อาณาจักรล้านช้างมีชื่อเรียกว่า “เมืองชวา” อันเนื่องมาจากมีชาวชวาอาศัยอยู่มากกว่ากลุ่มอื่น เมื่อปี พ.ศ. 1896 – 1916 พระเจ้าฟ้างุ้มได้รวบรวมแว่นแคว้นต่างๆของชนเผ่าไท-ลาวในเขตลุ่มน้ำโขง แม่น้ำคาน แม่น้ำอู แล้วก่อตั้งอาณาจักรล้านช้าง ณ ดินแดนริมน้ำโขง ซึ่งคือที่ตั้งเมืองหลวงพระบาง โดยการช่วยเหลือของกษัตริย์ขอม ผู้เป็นบิดาของพระมเหสีของเจ้าฟ้างุ้ม พร้อมๆกันนั้น พระองค์ได้รับเอาพุทธศาสนาเข้ามาแทนการนับถือผี ที่ชาวลาวเคยนับถือ ในปี พ.ศ. 1900 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองเชียงทอง" กระทั่งกษัตริย์ขอมได้พระราชทานพระพุทธรูปองค์หนึ่ง มีชื่อว่า พระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะสิงหล เจ้าฟ้างุ้มจึงทรงเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น “หลวงพระบาง" ปัจจุบัน...พระบาง ได้ประดิษฐานไว้ใน "หอพระบาง" ซึ่งตั้งอย่างสง่างาม อยู่ทางด้านซ้ายทางเข้าพระราชวังหลวง ซึ่งได้เปลี่ยนมาเป็น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ของลาวไปแล้ว ![]() อาณาจักรล้านช้างแตกออกเป็นสามอาณาจักร คือ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง เวียงจันทน์ และ จำปาศักดิ์ ปี พ.ศ. 2088 พระเจ้าโพธิสารราชเจ้า โปรดฯ ให้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้างไปอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ แม้หลวงพระบางจะไม่ได้เป็นเมืองหลวงต่อไป แต่เจ้ามหาชีวิตยังคงประทับที่หลวงพระบาง กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้าง สืบทอดราชบัลลังก์กระทั่งถึงยุคสิ้นสุดของราชวงศ์ อันมีสาเหตุหลักมาจากตกเป็นเมืองขึ้นของสยาม เวียตนาม และ ฝรั่งเศส กษัตริย์หรือเจ้ามหาชีวิตองค์สุดท้าย ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนชาวลาว คือ เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ซึ่งมีอนุเสาวรีย์ตั้งอยู่ด้านขวามือของวังหลวง ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 17-06-2012 เมื่อ 17:10 |
#42
|
||||
|
||||
![]() ![]() เราได้เข้าไปชมในพระตำหนักที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต ที่แบ่งออกเป็นห้องต่างๆมากมาย แต่ละห้องได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามน่าชม (ผิดกับที่เราได้เข้ามาชมเมื่อยี่สิบปีก่อนมาก) ทั้งนี้ โดยได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจาก UNESCO ซึ่งได้ยกย่องให้เมืองหลวงพระบางเป็น เมืองมรดกโลก น่าเสียดาย...ที่ห้ามถ่ายภาพ ภายในเขตพระตำหนัก โดยเราต้องเก็บกล้องไว้ในตู้ที่เจ้าหน้าที่ได้จัดไว้ให้ จะได้ไม่เผลอหยิบกล้องมาถ่าย ให้ถูกจับ ![]() ด้านข้างพระตำหนัก มีรถทรงในพระราชพิธีต่างๆแสดงไว้ด้วยในเต๊นท์ผ้าใบ คาดว่าจะเป็นการตั้งแสดงไว้เป็นการชั่วคราว เพราะเต๊นท์นั้น หาได้คุ้มแดดคุ้มฝนไม่ ![]() ไกด์สาวชาวลาวของเรา บรรยายเรื่องราวของวังหลวงให้เราได้ฟังอย่างสนุกสนาน ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 17-06-2012 เมื่อ 17:12 |
#43
|
||||
|
||||
![]() ด้านหน้าวังหลวง เป็นที่ตั้งของ พระธาตุพูสี ซึ่งตั้งอยู่บนดอยสูง...ส่วนที่เชิงดอย เป็นที่ขายของพื้นเมืองของชาวบ้าน ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นชาวเขาเผ่าต่างๆของลาว ![]() ไม่ซื้อ...ไม่หา...ไม่ว่าอะไร... ![]() มือหนึ่งอุ้มลูก...อีกมือวุ่นกับการจัดของเตรียมขาย... ความรักของแม่.....เห็นที่ไหนก็ประทับใจเสมอ... ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 18:23 |
#44
|
||||
|
||||
![]() วัดวิชุนราช หรือ วัดหมากโม ![]() วัดวิชุนราช หรือ วัดหมากโม...เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเมืองหลวงพระบาง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงพระบาง ถนนวิชุนราช สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2046 ในสมัยพระเจ้าวิชุนราช จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ พระธาตุรูปร่างโค้งมนเหมือนผลแตงโมผ่าครึ่ง อันเป็นที่มาของชื่อ "วัดหมากโม" ![]() วัดวิชุนราช ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวงพระบาง ถนนวิชุนราช สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2046 ในสมัยพระเจ้าวิชุนราช เพื่อใช้ประดิษฐาน พระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเชียงคำ ภายในวัดวิชุนราชมีปทุมเจดีย์หรือพระธาตุดอกบัวใหญ่ ซึ่งพระนางพันตีนเชียง พระอัครมเหสีของพระเจ้าวิชุนราช โปรดฯให้สร้างขึ้นในพ.ศ. 2057 หลังจากสร้างวัดแล้ว 11 ปี ด้วยรูปทรงของเจดีย์มีลักษณะคล้ายแตงโมผ่าครึ่งทำให้ชาวเมืองหลวงพระบางเรียกว่า "พระธาตุหมากโม" เป็นทรงโอคว่ำ ยอดพระธาตุมีลักษณะคล้ายรัศมีแบบเปลวไฟของพระพุทธรูป ตามแบบลังกาหรือสุโขทัย บริเวณมุมฐานชั้นกลางและชั้นบน มีเจดีย์ทิศทรงบัวตูมทั่งสี่มุม ![]() พระธาตุหมากโมนี้มีสีดำเก่าๆ แม้จะเคยผ่านการบูรณะปฎิสังขรมาแล้วสองครั้ง ในปีพ.ศ.2402 รัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินทร์(คำสุก) ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ อีก 19 ปีต่อมา ในปี พ.ศ.2457 ในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ มีการปฎิสังขรอีกครั้ง ซึ่งการบูรณะครั้งนี้พบโบราณวัตถุมากมาย เช่น เจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปหล่อสำริด พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่แกะสลักจากแก้ว ซึ่งคล้ายกับพระแก้วมรกต โบราณวัตถุเหล่านี้ ได้นำถวายเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเก็บรักษาไว้ในพระราชวังหลวงพระบางในปัจจุบัน
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 15-06-2014 เมื่อ 16:15 |
#45
|
||||
|
||||
![]() ![]() พระอุโบสถ หรือที่ชาวลาวเรียกว่า "สิม" เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบาง ตัวอุโบสถมีรูปทรงอาคารไทลื้อสิบสองปันนา ซึ่งมีจุดเด่นคือส่วนคอชั้นสองจะยกระดับสูงขึ้นไป ส่วนบนหลังคาประดับด้วยโหง่(หรือช่อฟ้าแบบไทย) ตรงกลางหลังคามีช่อฟ้า เป็นรูปปราสาทยอดฉัตรเล็กๆ ลดหลั่นหลายชั้น ![]() หน้าต่างพระอุโบสถประดับด้วยลูกมะหวด บานประตูด้านหน้าทั้งสามช่อง แกะสลักลงรักปิดทอง มีรูปเทพเจ้าของพราหมณ์ คือ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม และ พระอินทร์ ซึ่งลักษณะเป็นศิลปะแบบเชียงขวาง ![]() พระประธาน หรือพระองค์หลวงในพระอุโบสถมีขนาดใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง ด้านหลังพระประธานมีโบราณวัตถุที่เก็บรวบรวมมาจากวัดร้างต่างๆ ในหลวงพระบาง เช่นพระพุทธรูปสำริด พวกไม้จำหลักลวดลายต่างๆ พระพุทธรูปไม้แกะสลักลงรักปิดทองสูงเท่าคนจริงจำนวนมาก ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 17-06-2012 เมื่อ 17:28 |
#46
|
||||
|
||||
![]() ด้านข้างวัด มีวิหารเล็กๆตั้งอยู่ มีเจดีย์สีดำคล้ำ สร้างอยู่หลายองค์ ![]() ![]() ![]()
__________________
Saaychol |
#47
|
||||
|
||||
![]() เด็กน้อยวัยเพียงแปดเดือน ที่ไปกับพ่อ แม่ ตา ยาย น้าสาว และน้าเขย....น่ารักน่าเอ็นดู อารมณ์ดี ไม่งอแงเลยค่ะ... ![]() ใครเห็น...ก็อดไปทักทายไม่ได้... ![]() สองสายก็ได้เพื่อนใหม่มากมายจากการไปทริปครั้งนี้ค่ะ ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 21-05-2012 เมื่อ 11:03 |
#48
|
||||
|
||||
![]() วัดเชียงทอง ![]() วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง วัดเชียงทองสร้างขึ้นก่อนหน้า ที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจะย้ายเมืองหลวงไปยังนครเวียงจันทน์ไม่นานนัก และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของประเทศลาว ![]() พระอุโบสถ ภาษาลาวเรียกว่า "สิม" เป็นพระอุโบสถหลังไม่ใหญ่โตมากนัก หลังคาพระอุโบสถมีหลังคาแอ่นโค้ง ลาดต่ำลงมาซ้อนกันอยู่สามชั้น กล่าวกันว่านี่คือศิลปะแห่งหลวงพระบาง ![]() ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทองชาวลาวเรียกว่าช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อเป็นข้อสังเกตุว่าวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง จะมีช่อฟ้า 17 ช่อ ส่วนคนสามัญสร้างจะมีช่อฟ้า 1- 7 ช่อเท่านั้น เชื่อว่าบริเวณช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆตรงกลางช่อฟ้าจะมีของมีค่าบรรจุอยู่ ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 21-05-2012 เมื่อ 18:26 |
#49
|
||||
|
||||
![]() ![]() ส่วนที่ประดับที่ยอดหน้าบันชาวลาวเรียกว่า "โหง่" มีรูปร่างเป็นเศียรนาค และมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ![]() ประตูพระอุโบสถแกะสลักสวยงามเช่นเดียวกับหน้าต่างภายในพระอุโบสถมีภาพสวยงามที่ผนัง มีลักษณะลวดลายปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ ส่วนใหญ่เป็นภาพพุทธประวัติเรื่องพระสุธน – มโนราห์ และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ ส่วนผนังด้านหลังของพระอุโบสถ เป็นภาพที่เกิดจากการใช้กระจกสีตัด ติดต่อกันเป็นรูปต้นทองขนาดใหญ่ ซึ่งเคยมีในเมืองหลวงพระบางลักษณะคล้ายต้นโพธิ์ ด้านข้างต้นทองเป็นรูปสัตว์ในวรรณคดี ยามใดที่แสงแดดสาดส่อง จะส่งแสงดสะท้อนดูงดงาม ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 15-06-2014 เมื่อ 16:20 |
#50
|
||||
|
||||
![]() ![]() วิหารน้อย ด้านข้างและด้านหลังของพระอุโบสถ เป็นที่ตั้งของวิหารสองหลัง จุดเด่นของวิหารนี้คือผนังด้านนอกมีการตกแต่งด้วยกระจกสี ตัดเป็นชิ้นเล็กๆและนำมาต่อเป็นรูปต่างๆเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้าน บนพื้นสีชมพู อะร้าอร่ามยามเมื่อต้องแสงแดด... ![]() หน้าต่างบานเล็กๆ ที่เปิดออกมาชมพระอุโบสถได้ ![]()
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 21-05-2012 เมื่อ 19:45 |
![]() |
|
|