|
|
Share | คำสั่งเพิ่มเติม | เรียบเรียงคำตอบ |
#51
|
||||
|
||||
ก่อนที่พระอาจารย์จวนจะละสังขาร ได้เล็งเห็นการณ์ไกลที่จะช่วยเหลือชาวบ้านแถวนี้ให้มีรายได้อย่างยั่งยืนและถาวร เป็นการตอบแทนบุญคุณญาติโยมที่มีอุปการะ จึงได้ริเริ่มจัดสร้างสะพานไม้และบันไดขึ้นชมทัศนียภาพรอบ ๆ ภูทอก เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธรักษ์ คือการท่องเที่ยวในเชิงการแสวงบุญหรือธรรมจาริก นักท่องเที่ยวจะได้ประโยชน์จากการเที่ยวชมธรรมชาติคือขุนเขาลำเนาไพรและได้ศึกษาพุทธศาสนา ส่วนชาวบ้านจะได้ประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าและธุรกิจร้านอาหาร... อย่างไรก็ตาม...ก่อนจะเข้าสู่ทางขึ้นภูทอกได้ มีประตูเหล็กบานใหญ่กั้นทางเดินเข้าไว้.. แม้ประตูจะเปิดกว้าง เหมือนรอต้อนรับผู้มาเยือน ข้อความที่อยู่เหนือประตู...ก็ทำให้เราต้องชะงัก สงบและสำรวมกายใจมากขึ้น..
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:00 |
#52
|
||||
|
||||
เมื่อผ่านประตูเข้าไป..ถือได้ว่า เราเข้ามาถึงชั้นที่ 1 ของภูทอกน้อย ในจำนวนชั้นทั้งหมด 7 ชั้นด้วยกัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองภูทอกที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ด้วยความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 350 เมตร (ราวๆตึก 60 – 70 ชั้น) มีบันไดไม้สูงชัน ทอดสูงขึ้นไปเป็นชั้นๆ จากชั้นที่ 1 ที่เรายืนอยู่ ไปสู่ชั้นที่ 2..3..4..5...6 โดยมีระเบียงไม้ลัดเลาะตามหน้าผาไปรอบๆเขา ที่เรียกกันว่า " “สะพานนรก – สวรรค์” ตั้งแต่ชั้นที่ 4-6 ที่หากได้ไปเดินแล้ว คงจะน่าหวาดเสียวเป็นยิ่งนัก ส่วนชั้นที่ 7 นั้น เป็นยอดเขาที่ร่มครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่นานาพันธุ์... เห็นแล้วก็อึ้งทึ่ง...จะไว้ไหมเนี่ย...!!! บันไดทำไมถึงตั้งชันอย่างนี้ แถมยังสูงมากๆอีกด้วย... อืมมมมม...จะขึ้นหรือไม่ขึ้นดีนะ... เอ้อออ...!!! ไหนๆก็หลงมาแล้ว ไม่ขึ้นก็ขายหน้าแย่สิคะ... ว่าแล้ว...สายชลก็ก้าวขึ้นบันได จากชั้นที่ 1 สู่ชั้นที่ 2 ทันที ด้วยความอาจหาญ... ก้าว..ก้าว..ก้าว.. อูยยยยย...บันไดแต่ละขั้น ทำไมถึงได้ห่างกันอย่างนี้...
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 03-05-2012 เมื่อ 18:40 |
#53
|
||||
|
||||
เห็นป้ายข้างทาง...ต้องคุมสติไว้ให้กล้า ปัญญาจะได้เกิด ก้าวไปจะได้ไม่พลาด... แฮ่กๆ...ขึ้นบันไดไป พักไป พอถึงชั้นที่สอง ค่อยยังชั่วหน่อย เพราะเป็นที่ราบ มีสถานีวิทยุชุมชนของวัดอยู่ด้านขวามือ พอจะขึ้นชั้น 3 ต้องปีนบันไดอีกแล้วค่ กัดฟันทนจนถึงชั้นที่ 3 จะเห็นทางแยกซ้ายขวา ถ้าไปทางซ้ายก็ลัดไปถึงชั้น 5 เลย ถ้าไปทางขวาก็จะไปสู่ชั้น 4 ซึ่งจะต้องเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ เลาะไปตามเหว เราเลยใช้สติ เกิดปัญญา เลือกไปทางด้านซ้ายเพื่อขึ้นสู่ชั้นที่ 5 เพื่อขึ้นไปเดินบนสะพานชั้นที่ 6 ที่สวยงามและหวาดเสียวที่สุดแทน ปีนขึ้นไปชั้น 5 ที่แสนชัน เล่นเอาเหนื่อยแฮ่ก...ไม่เชื่อ ถามคุณสายน้ำดูสิคะ... ทางเดินเล็กๆ ลัดเลาะไปตามขอบเหวด้านหนึ่ง และผาสูงอีกข้างหนึ่ง ดีจริง...ได้เห็นต้นไม่สูงลิบลิ่วพุ่งยอดจากหุบเหหว ขึ้นสู่ท้องฟ้า..
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:01 |
#54
|
||||
|
||||
ปีนขึ้นไปได้ไม่นาน ก็มาถึงทางแยกอีกแล้วค่ะ ทางหนึ่ง เป็นทางเดินแคบๆลัดเลาะไปตามขอบผา สงบและสวยงาม นำไปสู่ชั้นที่ 5 ได้ แบบไม่ลำบากมากนัก แต่ค่อนข้างจะอ้อมม...
กับอีกทางหนึ่ง เป็นทางลัดตัดตรงผ่านโพรงถ้ำ ขึ้นไปถึงชั้นที่ 5 ทางสั้นกว่า แต่มืดและบันไดชันเหลือเกิน.. สายชลเลือกไปทางเดินธรรมดา แม้จะอ้อม...ก็สามารถไปนั่งคอยคุณสายน้ำและน้องดื้อ ที่ปีนขึ้นทางลัด.. น้องดื้อโผล่ออกมาจากโพรงถ้ำแล้วค่ะ...อุ๊ยยย..หล่อจริง...แม้เหงื่อจะพร่างพราวทั่วหน้า
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:01 |
#55
|
||||
|
||||
ศาลาแก้วกู่ สวย อลังการมากค่ะ สุดยอดมากก
แต่ดูสีฟ้าแล้ว ท่าทางจะร้อน >< |
#56
|
||||
|
||||
น้องติ่ง SNR จ๋า..อย่าไปล้มทับน้องดื้อนะ เดี๋ยวน้องดื้อล้มทับน้องกลับ น้องจะแบนแต๋ดแต๋ นะจะบอกให้... น้องโบ้ mmb คร้าบบบบ...ขอบคุณนะคร้าบบบ เดี๋ยวจะพาไปเที่ยวลาวต่อ ติดตามไปเรื่อยๆนะคร้าบบบ... น้องพลอย คนงาม...ศาลาแก้วกู่ น่ะ ทำเอาลุงกับป้าอึ้งทึ่ง ตะลึงลาน ในความใหญ่โต พิลึกพิลั่นมาก เข้าไปแล้วเหมือนเราเป็นคนแคระ เพราะรูปปั้นใหญ่โตมโหฬารมากจ้ะ แถมตอนไป แดดยังแผดเปรี้ยงรอดเมฆลงมา ร้อนมากๆจ้ะ..
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 03-05-2012 เมื่อ 17:42 |
#57
|
||||
|
||||
พอขึ้นถึงชั้นที่ 5...ร่มไม้ที่ชายเขาและที่ยอดเขาก็หนาแน่นขึ้น เราสัมผัสลมเย็นๆ ที่โชยพัดผ่านมาสัมผัสกาย ความร้อนที่มีอยู่ก็บรรเทาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด... มองรอดผ่านหมู่แมกไม้ มองเห็นหน้าผาของภูทอกใหญ่ได้กระจ่างตา.. มองไปทางด้านขวา...เห็นศาลาหลังคาสังกะสี ด้านหน้าเปิดโล่ง ด้านหลังพิงหน้าผา พื้นปูไม้กระดานขึ้นเงามันแผล่บ แสดงถึงการได้รับความดูแลทำความสะอาดอย่างดี.. สิ่งที่ทำให้คนกลัวผีสะดุ้งได้ เห็นจะเป็นโครงกระดูกคน ที่แขวนไว้ในตู้ที่ด้านทางเข้าศาลา เข้าใจว่า คงมีไว้ให้พระท่านปลงอาบัติ มีพระพุทธรูป และรูปปั้นของพระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ ตั้งเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บริเวณหน้าผามีหลืบถ้ำ ที่เขียนไว้ว่า "ถ้ำพระวิหาร" จะห้ามเข้าหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ แต่อย่างไร เราก็คงไม่เข้าไปแน่ สังเกตเห็นสีขาวๆเป็นคราบและหินที่เป็นคลื่นริ้วๆติดอยู่ที่บริเวณหน้าผา ไหมคะ ?.. เราไปอ่านพบที่หลัง จึงทราบว่า มีผู้คนเชื่อว่า นั่นคือรอยเลื้อยของพญานาคราชที่เคยอาศัยในบริเวณนี้..
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-05-2012 เมื่อ 16:33 |
#58
|
||||
|
||||
ไหว้พระและนั่งเล่นให้เย็นใจสักครู่ เราก็เริ่มเดินต่อไปทางด้านเหนือ มีประตูไม้กั้นทางเดินซึ่งปิดสนิท เหมือนห้ามผ่าน เราเลี้ยวขวา ก็ถึงบันไดที่จะพาขึ้นไปชั้นที่ 6 ซึ่งจะเป็นชั้นที่เราจะเริ่มต้นเดินบนสะพานนรก-สวรรค์ ชั้นที่สูงที่สุด และน่าหวาดเสียวที่สุด เราเดินตามสะพานไม้ ที่ทอดยาวเลาะหน้าผา และข้ามเหวกว้างไปทางด้านเหนือ โดยด้านขวาของเราชิดหน้าผา เหมือนเดินเวียนเทียน หรือทักษิณาวรรต เพื่อเป็นมงคลแห่งชีวิต... ปลายสะพานไม้ ใต้ชะโงกผา รูปร่างโค้งเหมือนใบเรือที่ต้านลม มีแคร่ตั้งพระพุทธรูปสามองค์ ซึ่งงดงาม และมีพุทธลักษณะแตกต่างกันไป...มีความเชื่อว่า ปากทางเข้าเมืองพญานาคอยู่หลังพระปางนาคปรก มีจุดให้สังเกตุคือมีรอยสีขาวขูดติดกับหินปูน ซึ่งชาวบ้านถือว่าเป็นรอยถลอกที่เกิดจากท้องพญานาคสัมผัสกับหิน.. ! จากชะโงกผาโค้งเหมือนภาพใบเรือต้านลม เราผ่านหน้าผาแห่งหนึ่ง ซึ่งเหมือนหินก้อนยาวใหญ่ยักษ์หักพับลงมา และมีรอยสะพานไม้ที่พาดผ่านหักพังพาดอยู่... สงสัยจริงว่าเกิดอะไรขึ้น... ??
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 12-07-2012 เมื่อ 12:04 |
#59
|
||||
|
||||
เดินต่อไป ตามทางเดินที่เป็นหินแข็ง ริมหน้าผา..มีดอกไม้หรือผลไม้แห้งหน้าตาประหลาดชูช่อไสว อดใจไม่ไหว ขอถ่ายภาพเก็บไว้เชยชมหน่อยนะคะ.. ดอกหรือผลอะไรนะ...ใครรู้ชื่อบ้างคะ.. ?? ช่วยบอกที..มีรางวัลให้ค่ะ....
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 04-05-2012 เมื่อ 16:35 |
#60
|
||||
|
||||
ดอกหญ้า ค่ะ คริ คริ
__________________
Superb_Sri_Nuan.Ray ณ SOS |
|
|