เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 05-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็น ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาว ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไว้ด้วย สำหรับร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกหนักในระยะนี้

อนึ่ง พายุโซนร้อน "โคนี" (พายุระดับ 3) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองกวีนอน ประเทศเวียดนาม ในคืนนี้ (5 พ.ย. 63) และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ โดยในช่วงวันที่ 6-7 พ.ย. 63 จะมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 5 ? 7 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า

สำหรับพายุโซนร้อน "โคนี" (พายุระดับ 3) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีแนวโน้มจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง และจะอ่อนกำลังลงในวันที่ 6 พ.ย. 63 ทำให้บริเวณประเทศตอนบนมีฝนบางแห่ง และมีฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 8 ? 10 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็นและมีลมแรง สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง สำหรับพายุโซนร้อน "อัสนี" (พายุระดับ 3) บริเวณตอนบนของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลง ในช่วงวันที่ 6-7 พ.ย. 63


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนไว้ด้วย และประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ในช่วงวันที่ 6-7 พ.ย. 63 ขอให้เกษตรกรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุโซนร้อน "โคนี" (พายุระดับ 3) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 6 ? 7 พ.ย. 2563)" ฉบับที่ 9 ลงวันที่ 05 พฤศจิกายน 2563

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (5 พฤศจิกายน 2563) พายุโซนร้อน "โคนี" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 350 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของเมืองกวีนอน ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 14.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.3 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกอย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเมืองกวีนอน ประเทศเวียดนามในคืนนี้ (5 พฤศจิกายน 2563) หลังจากนั้น จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง กับมีลมแรงบริเวณจังหวัดอำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี นครนายก และปราจีนบุรี ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและลมแรงไว้ด้วย












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 05-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงสู้โลกร้อนปารีส อย่างเป็นทางการ

คำประกาศถอนตัวจาก ความตกลงปารีส ของสหรัฐฯ มีผลอย่างเป็นทางการแล้วในวันพุธ ท่ามกลางข้อกังขาว่า ข้อตกลงสู่โลกร้อนฉบับนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่



สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 4 พ.ย. 2563 สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศแรกของโลกที่ถอนตัวจาก ?ความตกลงปารีส? ข้อตกลงเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งการบรรเทา, การปรับตัว และการเงิน ซึ่ง 196 ประเทศทั่วโลกลงนามร่วมกันเมื่อปี 2559

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศพาสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2560 แต่เนื่องจากกฎซับซ้อนหลายข้อของความตกลงปารีส ทำให้การถอนตัวจะมีผลหลังจากการเลือกตั้งสหรัฐฯ วันอังคารที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา และเปิดโอกาสให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในอนาคนสามารถตัดสินใจเรื่องการถอนตัวได้อีกครั้ง และเปิดทางให้สหรัฐฯ กลับมาเข้าร่วมอีกครั้งด้วย

ทั้งนี้ ความตกลงปารีส ร่างขึ้นในปี 2558 เพื่อเพิ่มความเข้มแข้งในการรับมือภัยคุกคามจากภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ของนานาประเทศทั่วโลก มีเป้าหมายที่จะคงระดับการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสจากระดับก่อนอุตสาหกรรม มิเช่นนั้น จะเกิดหายนะกับโลกอย่างใหญ่หลวง

แต่การถอนตัวของสหรัฐฯ อาจทำให้ความพยายามต่อสู้กับภาวะโลกร้อนล้มเหลว เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก คิดเป็น 15% ของก๊าซฯ ที่ปล่อยออกมาทั้งหมด และเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดด้วย


https://www.thairath.co.th/news/foreign/1969575

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 05-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ตื่นตา! ฝูงปูเสฉวนนับหมื่นตัวโผล่ที่เกาะรอก ขอบริจาคเปลือกหอยคืนบ้านให้ปู

กระบี่ - ตื่นตา! อุทยานฯ ลันตา ฝูงปูเสฉวนนับหมื่นตัวโผล่ที่เกาะรอก บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางธรรมชาติ ด้านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ระบุเปลือกหอยบ้านปูเสฉวน ลดน้อยลง เชิญชวนร่วมคืนบ้านให้ปูเสฉวน



จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ภาพ พร้อมคลิปวิดีโอ ระบุว่า น่าเอ็นดูปูเสฉวนต้องใช้ขวดเครื่องดื่ม ขวดโหลเป็นที่อาศัย ซึ่งปกติปูเสฉวนจะต้องอาศัยอยู่ในเปลือกหอย ซึ่งภาพดังกล่าวระบุว่า เกิดขึ้นที่เกาะรอก หมู่เกาะลันตา จ.กระบี่

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถาม นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานหมู่เกาะลันตา กล่าวว่า ขณะนี้มีการพบปูเสฉวนนับหมื่นตัว ที่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานเกาะรอก เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บันทึกไว้ขณะออกหากินตามแนวร่มไม้ ริมชายหาด โดยปูเสฉวนดังกล่าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ?อุมัง? ซ่อนตัวในเปลือกหอยขนาดต่างๆ ตั้งแต่หัวแม่มือ จนไปถึงกำปั้น คลานออกมารวมตัวกันที่บริเวณชายหาดใต้ต้นไม้ บางจุดแทบมองไม่เห็นพื้นดิน

ปูเสฉวนเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 1-6 เซนติเมตร มีขาทั้งหมด 10 ขา ไม่มีเปลือกแข็งแบบปู หรือกุ้ง จึงต้องอาศัยในเปลือกหอยเปล่า โผล่เฉพาะหัวและขา 2 คู่ออกจากเปลือก ส่วนขาอีก 2 คู่ใช้ยึดกับเปลือกหอย เมื่อมีขนาดตัวที่โตขึ้นก็จะต้องหาเปลือกใหม่ กินซากพืช ซากสัตว์เป็นอาหาร มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก เมื่อไม่มีปู ก็ไม่มีตัวกำจัดซาก ปูเสฉวนมักอาศัยอยู่ตามหาดทรายชายทะเล บางชนิดอาศัยในน้ำลึก บางชนิดอาศัยบนบก



หัวหน้าอุทยานหมู่เกาะลันตา กล่าวอีกว่า การอนุรักษ์ปูเสฉวนซึ่งเป็นทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ที่สามารถบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร แต่ในปัจจุบันเปลือกหอยที่เป็นบ้านให้แก่ปูเสฉวนมีปริมาณน้อยลง เนื่องจากการเก็บเปลือกหอยของมนุษย์ ทำให้ปูต้องใช้พวกกระป๋องน้ำ ฝาขวดน้ำ ขวดแก้ว หรือพวกวัสดุอื่นๆ ที่ไม่ใช่เปลือกหอยเข้าไปอาศัยเพื่อเป็นเกราะป้องกัน ทำให้เสียความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรได้

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จึงขอรับบริจาคเปลือกหอยฝาเดียวเพื่อเพิ่มจำนวนบ้านให้แก่ปูเสฉวน และเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรทางทะเล และจะจัดทำโครงการ "รักษ์เสฉวน" อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ขึ้นในช่วงวันพ่อแห่งชาติ 2563 ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ เพื่อแก้ปัญหาปูเสฉวนไร้บ้าน

โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่ 59 ม.5 อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา กระบี่ 81150 โทร.0-7565-6576


https://mgronline.com/south/detail/9630000114443


*********************************************************************************************************************************************************


คนใจร้าย!! แล่เนื้อโลมาหัวบาตร ทิ้งซากลอยเกยหาดประจาน

ประจวบคีรีขันธ์ - คนใจร้าย!! แล่เนื้อโลมาหัวบาตรส่วนหลังจนเห็นโครงกระดูกเพื่อนำไปกิน ก่อนโยนทิ้งซากลอยเกยหาดประจาน คาดพวกชอบเปิบพิสดารแอบแล่เนื้อโลมาไปกิน ชี้เป็นความเชื่อที่ผิดๆ



ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายพรหมสิงห์ สิงหเสนี อาสาสมัครอนุรักษ์พิทักษ์สิ่งแวดล้อมทะเลปราณบุรี ว่า พบซากโลมาหัวบาตรถูกแล่เนื้อไปกิน ลอยมาเกยหาดหน้าบ้านชมทะเลรีสอร์ต ห่างจากวนอุทยานท้าวโกษา (เขากะโหลก) ประมาณ 500 เมตร ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จ.ชุมพร และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี รุดมาที่เกิดเหตุ

พบโลมาหัวบาตร ยาวประมาณ 1.5 เมตร ไม่ทราบเพศ ลอยมาเกยหน้าหาดสภาพเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว จากการตรวจสอบต้องผงะ พบว่า ที่บริเวณหลังโลมาทั้ง 2 ข้างถูกของมีคมเฉือนเอาเนื้อออกไปจนเห็นโครงกระดูก คาดว่าน่าจะเอาเนื้อไปกิน และโยนซากทิ้งลงทะเล จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบที่บริเวณหาง ครีบพบมีบาดแผลลักษณะเหมือนถูกอวนบาด คาดว่าน่าจะตายมา 2-3 วัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บซากโลมาไปแช่ที่มูลนิธิฯ เพื่อรอเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลมารับไปตรวจสอบ



นายพรหมสิงห์ กล่าวว่า ขณะนั่งอยู่ที่รีสอร์ตได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยเข้ามาก็แปลกใจ ลองมองไปที่ชายหาดพบว่ามีอะไรลอยมาติดหน้าหาด เมื่อเดินเข้ามาดูใกล้ๆ พบว่า เป็นโลมา แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะว่าโลมาตัวนี้ที่หลังถูกแล่เนื้อหายไป ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่พบว่าโลมาถูกแล่เนื้อไปกิน ซึ่งปกติจะพบซากโลมาที่ลอยมาเกยชายหาดปราณบุรี ส่วนใหญ่จะตายด้วยสาเหตุกินถุงพลาสติกหรือไม่ก็ถูกเครื่องมือทำการประมงบาดทำให้ตาย แต่โลมาตัวนี้ไม่ใช่ วอนโลมาเป็นสัตว์สงวนอย่ากินเป็นความเชื่อที่ผิด


https://mgronline.com/local/detail/9630000114376
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 05-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


พบซาก โลมาหัวบาตร "ถูกแล่เนื้อ" คาดนำไปกิน ก่อนโยนซากทิ้ง ลอยเกยหาด

พบซากโลมาหัวบาตร "ถูกแล่เนื้อ" เพื่อนำไปกิน ก่อนโยนซากทิ้งลอยเกยหาด ที่ปราณบุรี นับเป็นครั้งแรกที่พบเหตุการณ์แบบนี้



วันนี้ (4 พ.ย.63) นายพรหมสิงห์ สิงหเสนี อาสาสมัครอนุรักษ์พิทักษ์สิ่งแวดล้อมทะเลปราณบุรี พบซากโลมาหัวบาตรถูกแล่เนื้อไปกิน ลอยมาเกยหาดหน้ารีสอร์ทแห่งหนึ่ง ห่างจากวนอุทยานท้าวโกษา (เขากะโหลก) ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 500 เมตร

จึงประสานเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร และอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี เข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบ โลมาหัวบาตร ยาวประมาณ 1.5 เมตร ไม่ทราบเพศ ลอยมาเกยหน้าหาดสภาพเริ่มเน่าส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว จากการตรวจสอบต้องผงะพบว่า บริเวณหลังโลมาทั้งสองข้างถูกของมีคมเฉือนเอาเนื้อออกไปจนเห็นโครงกระดูก คาดว่าน่าจะเอาเนื้อไปกิน และโยนซากทิ้งลงทะเล

จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบที่บริเวณหาง ครีบพบมีบาดแผลลักษณะเหมือนถูกอวนบาด คาดว่าน่าจะตายมา 2-3 วัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บซากโลมาไปแช่ที่มูลนิธิฯเพื่อรอเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยพัฒนาทรัพยากรทางทะเลมารับไปตรวจสอบ

นายพรหมสิงห์ กล่าวว่า ขณะนั่งอยู่ที่รีสอร์ทได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยเข้ามาก็แปลกใจ ลองมองไปที่ชายหาดก็พบว่ามีอะไรลอยมาติดหน้าหาดเมื่อเดินเข้ามาดูใกล้ๆก็พบว่าเป็นโลมา แต่เป็นเรื่องน่าเศร้าพบว่าโลมาตัวนี้ที่หลังถูกแล่เนื้อหายไป

ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่พบว่าโลมาถูกแล่เนื้อไปกิน ซึ่งปกติจะพบซากโลมาที่ลอยมาเกยชายหาดปราณบุรีส่วนใหญ่จะตายด้วยสาเหตุ กินถุงพลาสติกหรือไม่ก็ถูกเครื่องมือทำการประมงบาดทำให้ตายแต่โลมาตัวนี้ไม่ใช่ วอนโลมาเป็นสัตว์สงวนอย่ากินเป็นความเชื่อที่ผิด

โลมาหัวบาตรหลังเรียบ สามารถพบในน่านน้ำไทยสามารถได้ทุกจังหวัดที่ติดกับทะเล โดยพบมากที่สุดในฝั่งอ่าวไทยจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองเหมือนกับ วาฬและโลมาชนิดอื่น ๆ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535 ว่าด้วยการห้ามเล่า ห้ามค้า ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธุ์ โดยมีผลครอบคลุมไปถึงไข่ ซาก ตลอดจนชิ้นส่วนต่างๆ ของสัตว์เหล่านั้นด้วย


https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_5254062

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 05-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก


เปิดภาพสุดเวทนา ปูเสฉวนอาศัยเศษขวดแก้วเป็นบ้าน ขอรับบริจาคเปลือกหอย

เปิดภาพสุดเวทนา ปูเสฉวน พื้นที่เกาะรอก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ อาศัยเศษขวดแก้วเป็นบ้าน สะท้อนถึงระบบนิเวศน์ที่เปลี่ยนไป ผู้โพสต์ขอรับบริจาคเปลือกหอย



กลายเป็นภาพชวนหดหู่ สงสาร และสะท้อนถึงระบบนิเวศน์ที่เปลี่ยนไป โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Tum Chutipong ได้โพสต์ภาพของ ปูเสฉวน พื้นที่เกาะรอก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยมันได้เอาเศษขวดแก้วที่แตกเป็นปากฉลามของเครื่องดื่มชูกำลัง เอามาเป็นบ้านแทนการอาศัยในเปลือกหอย

ผู้โพสต์ระบุข้อความสั้น ๆ ว่า "เอ็นดูจัง ใครมีเปลือกหอยบ้าง หอยเล็ก หอยใหญ่ รับบริจาค"



จากภาพเราจะเห็นว่า ปูเสฉวน อาศัยอยู่ในเศษขวดแก้วของเครื่องดื่มชูกำลัง แทนที่จะได้อาศัยอยู่ในซากเปลือกหอยอย่างที่เคยเป็น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้เกิดจากฝีมือของคน บางมุมอาจมองว่าน่ารักชี้ให้เห็นถึงการปรับตัวของมัน แต่อีกมุมนั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมาก ๆ และสะท้อนให้เห็นว่า ชายหาดอันสวยงามปัจจุบันมีเศษขยะ เศษแก้ว พลาสติกที่ถูกทิ้งลงทะเล และเปลือกหอยในปัจจุบัน มีจำนวนที่ลดลงไปมาก เพราะหลายคนที่ไปเที่ยวก็หยิบเปลือกหอยกลับไปด้วย บางส่วนก็เอาไปทำเป็นเครื่องประดับ

ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้ก็ส่งผลให้ปูเสฉวนมันไม่มีทางเลือก ไม่มีบ้านที่จะอยู่ และอย่างที่ทราบกันดีว่า ส่วนลำตัวของมันเป็นส่วนที่บอบบางมาก และจำเป็นต้องใช้เปลือกหอยเป็นบ้านเพื่อป้องกันตัว นอกจากนี้มันยังต้องเปลี่ยนเปลือกหอยไปเรื่อยๆ ตามขนาดร่างกายที่โตขึ้นด้วย แต่เมื่อไม่มีเปลือกหอย จึงทำให้มันไม่มีทางเลือก และจำใจต้องหาบ้านจากเศษขยะแก้ว หรือพลาสติกแทน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง


https://www.komchadluek.net/news/hotclip/447987

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 05-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


ขาดแคลนเปลือกหอย "ปูเสฉวน" ในขวดแก้ว



กระบี่ 4 พ.ย. ? หน.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เผยปูเสฉวนอาศัยขวดเครื่องดื่มชูกำลังที่เกาะรอก ส่งปริมาณปูเสฉวนเพิ่มจำนวนมากขึ้น ขณะที่เปลือกหอยตามธรรมชาติมีปริมาณไม่เพียงพอ พร้อมเปิดรับบริจาคเปลือกหอยฝาเดียว เพื่อคืนบ้านให้ปูเสฉวน ฝากนักท่องเที่ยวช่วยดูแล ไม่ทิ้งขยะลงทะเล

ในโลกโซเชียลเผยแพร่ภาพคลิปปูเสฉวนต้องอาศัยอยู่ในขวดเครื่องดื่มชูกำลัง แทนเปลือกหอย ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีภาพปูเสฉวนอาศัยอยู่ขวดพลาสติกแล้วเช่นกัน ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มนักอนุรักษ์ และเป็นห่วงปูเสฉวนที่ขาดแคลนเปลือกหอยซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย

นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หัวหน้าอุทยานหมู่เกาะลันตา ยอมรับว่ากรณีที่มีการเผยแพร่ภาพปูเสฉวนอาศัยในขวดเครื่องดื่มชูกำลัง ยอมรับว่าเกิดขึ้นที่เกาะรอก เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งมีปูเสฉวนอาศัยอยู่จำนวนมาก ทุกๆ วัน ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานประจำเกาะรอก ออกเก็บขยะชายหาด ก็จะบันทึกภาพไว้ ส่วนขวดแก้วเป็นขยะทะเลที่ถูกคลื่นซัดลอยมาติดชายหาด เมื่อปูเสฉวนตัวโตขึ้น ก็จะสลัดเปลือกหอยเดิมออกเพราะคับแคบ และหันไปอาศัยขวดแก้วแทน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติของมัน ใครเห็นก็เกิดความเป็นห่วง โดยเฉพาะคนที่รักษ์ธรรมชาติหรือนักอนุรักษ์

สำหรับฝูงปูเสฉวนดังกล่าวอาศัยอยู่ตามชายหาดบนเกาะรอกมานานแล้ว ปูเสฉวนเป็นสัตว์ทะเลที่มีขนาดเล็กไม่มีกระดูกสันหลัง ความยาวประมาณ 1-6 เซนติเมตร มีขาทั้งหมด 10 ขา ไม่มีเปลือกแข็งแบบปูหรือกุ้ง จึงต้องอาศัยในเปลือกหอยเปล่า โผล่เฉพาะหัวและขา 2 คู่ออกจากเปลือก ส่วนขาอีก 2 คู่ใช้ยึดกับเปลือกหอย เมื่อมีขนาดตัวที่โตขึ้นก็ต้องหาเปลือกใหม่ กินซากพืช ซากสัตว์เป็นอาหาร มีความสำคัญต่อระบบนิเวศเป็นอย่างมาก เมื่อไม่มีปู ก็ไม่มีตัวกำจัดซาก ปูเสฉวนมักอาศัยอยู่ตามหาดทรายชายทะเลบางชนิดอาศัยในน้ำลึก บางชนิดอาศัยบนบก

จากการที่ให้เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานลงพื้นที่สำรวจหลังวิกฤติโควิด-19 พบว่าเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าบนเกาะรอกมีไม่ต่ำกว่า 10,000 ตัว พบอาศัยอยู่ตามใต้ใบไม้แห้ง ที่หล่นลงมาทับถม และตามแนวชายหาด แต่ในปัจจุบันเปลือกหอยที่เป็นบ้านให้แก่ปูเสฉวนมีปริมาณไม่เพียงพอต่อจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น และเปลือกหอยส่วนหนึ่งส่วนหนึ่งที่หายไปเกิดจากการเก็บเปลือกหอยของมนุษย์ ทำให้ปูต้องใช้วัสดุอื่นมาแทน เช่น กระป๋องน้ำ ฝาขวดน้ำ ขวดแก้ว ที่ไม่ใช่เปลือกหอยเข้าไปอาศัยเพื่อเป็นเกราะป้องกัน

หน.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา กล่าวอีกว่า จากภาวะวิกฤติดังกล่าว ทางอุทยานฯ หมู่เกาะลันตา จึงได้จัดทำโครงการ ?รักษ์เสฉวน? ขอรับบริจาคเปลือกหอยฝาเดียวเพื่อเพิ่มจำนวนบ้านให้แก่ปูเสฉวน และเพื่อเพิ่มความอุดมสมดุลระบบนิเวศ โดยจะนำเปลือกหอยไปวางที่เกาะรอก ในเดือนธันวาคมนี้ สามารถร่วมบริจาคเปลือกหอยได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เลขที่ 59/5 ม.5 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา กระบี่ 81150 โทร.081-8953815 นายวีระศักดิ์ ศรีสัจจัง หน.อทุยานฯหมู่เกาะลันตา.


https://tna.mcot.net/top-stories-577718

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:36


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger