#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 16 มีนาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทั้งนี้เนื่องจากความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกมีกำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อยในระยะนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 16 ? 20 มี.ค. 64 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้มีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย หลังจากนั้นในวันที่ 21 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและจะมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 16 ? 20 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูและสุขภาพเนื่องจากอากาศที่ร้อนไว้ด้วย หลังจากนั้นในวันที่ 21 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อน โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ปักกิ่ง และหลายเมืองใหญ่จีน เจอพายุทรายรุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ ยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบิน กรุงปักกิ่ง และหลายภูมิภาคทางตอนเหนือของจีนประสบกับพายุทราย เช้าวันนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาปักกิ่ง แจ้งเตือนภัยระดับสอง (ภาพไชน่าเดลี) ไชน่าเดลี รายงาน (15 มี.ค.) - กรุงปักกิ่ง และหลายภูมิภาคทางตอนเหนือของจีนประสบกับพายุทราย เช้าวันนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาปักกิ่ง แจ้งเตือนภัยระดับสอง (สีเหลือง) ยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบิน ตามข้อมูลของศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติกล่าวว่า พายุทรายครั้งนี้เป็นพายุที่รุนแรงที่สุด ในรอบเกือบทศวรรษ พายุทรายพัดเข้าตั้งแต่วันจันทร์ จะยังคงดำเนินต่อไปในช่วงกลางวันและทัศนวิสัยจะต่ำกว่า 1,000 เมตรในตอนเที่ยง จนถึงเช้า 8.00 น. วันอังคาร อันเป็นผลกระทบจากลมหนาวและลมแรง ศูนย์ฯ พยากรณ์ว่าทรายและฝุ่นที่ลอยอยู่จะพัดปกคลุมบางส่วนของซินเจียง มองโกเลียใน เฮยหลงเจียง จี๋หลิน เหลียวหนิง กานซู หนิงเซี่ย ส่านซี ชานซี เหอเป่ย ปักกิ่งและเทียนจิน บางพื้นที่ในมองโกเลียใน หนิงเซี่ย ส่านซีและซานซีจะถูกพายุทรายรุนแรง ศูนย์ได้แนะนำให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังจากลมแรงและพายุทรายและแนะนำให้ผู้ขับขี่เตรียมพร้อมสำหรับทัศนวิสัยที่ไม่ดี ปักกิ่งยกเลิกหลายร้อยเที่ยวบินเนื่องจากพายุทราย ตามแอปข้อมูลเที่ยวบิน สนามบินนานาชาติปักกิ่ง ยกเลิกเที่ยวบิน 247 เที่ยวบิน และสนามบินนานาชาติปักกิ่งต้าซิง ยกเลิก 181 เที่ยวบินภายใน 9:30 น. วันจันทร์เนื่องจากพายุทราย เที่ยวบินขาเข้าและขาออกที่วางแผนไว้ทั้งหมดในสนามบินเมืองหลวงสำหรับวันนี้คือ 1,141 เที่ยวบิน ซึ่งหมายความว่ามากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของเที่ยวบินถูกยกเลิก สำหรับสนามบินต้าซิงจำนวนเที่ยวบินขาเข้าและขาออกที่วางแผนไว้สำหรับวันนี้คือ 846 เที่ยวบินและ 21.39 เปอร์เซ็นต์ถูกยกเลิก ทัศนวิสัยในปักกิ่งยังคงต่ำ หอดูดาวของเทศบาลได้แจ้งเตือนเป็นสีเหลือง ทั้งนี้ การแจ้งเตือนสีเหลืองหรือระดับต่ำสุดเป็นอันดับสองในระบบแจ้งเตือนสภาพอากาศสี่ชั้น (สีแดง สีส้ม สีเหลืองและสีน้ำเงินจากระดับที่รุนแรงที่สุดไปยังระดับน้อยที่สุด) ออกเมื่อเวลา 7:35 น. โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาปักกิ่งในวันจันทร์ ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 9.00 น. วันจันทร์ ระดับอนุภาค PM10 ของเมืองสูงถึง 8,108 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ในเขตเมืองใหญ่ 6 แห่งมีมลพิษอย่างหนัก https://mgronline.com/china/detail/9640000024751 ********************************************************************************************************************************************************* ที่ปรึกษา ส.ธุรกิจท่องเที่ยวตราด แจงเหตุถูกค้านหนักนำเจ็ตสกีเข้าเกาะช้าง ตราด - ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวตราด ออกโรงแจงกรณีถูกชาวบ้านเกาะช้าง-เกาะกูด จัดแคมเปญล่ารายชื่อคัดค้านการนำเจ็ตสกีเข้าพื้นที่หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม ชี้เพราะหวังดีอยากกระตุ้นท่องเที่ยว ยันไม่ละเมิดกติกาชุมชน จากกรณีที่มีชาวเกาะช้างจำนวนมาก รวมถึงผู้คนในโลกออนไลน์เมืองตราด ได้พากันตั้งคำถามและคัดค้านการจัดกิจกรรมขี่เจ็ตสกีจากจันทบุรี เข้ามายังเกาะช้างเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.ตราด นำเจ็ตสกีเกือบ 100 คันเดินทางเข้าเทียบท่าบริเวณด้านหน้าโรงแรมเมอร์เคียว ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา จนเกิดกระแสต่อต้านของชาวบ้านเกาะช้าง และประชาชนใน จ.ตราด จำนวนมากและยังได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และยังเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล และล่าสุด ยังมีกลุ่มชาวบ้านซึ่งเป็นแกนนำใน อ.เกาะช้าง และ อ.เกาะกูด ตั้งแคมเปญล่ารายชื่อร่วมคัดค้านการมีเจ็ตสกีบนเกาะช้าง โดยกำหนดให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยลงชื่อผ่านระบบออนไลน์เพื่อยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตราดนั้น วันนี้ (15 มี.ค.) นายกำพล เจริญขจรกุล ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.ตราด ผู้ดำเนินโครงการดังกล่าวได้ออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมขี่เจ็ตสกีข้ามจังหวัดว่า เป็นเพราะมีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการจะส่งเสริมรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบนเกาะช้าง ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จากการไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจนทำให้ผู้ประกอบการขาดรายได้อย่างหนัก และก่อนดำเนินโครงการขี่เจ็ตสกีจากจันทบุรี เข้าเกาะช้าง จ.ตราด สมาคมฯ ได้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง สำนักงานเจ้าท่าตราด และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นที่เรียบร้อย ส่วนกระแสการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ซึ่งเห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นการลายกติกาทางสังคม ซึ่ง อ.เกาะช้าง ได้ทำข้อตกลงกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจ.ตราด และชุมชนที่เห็นพ้องต้องกันว่าจะต้องแบ่งโซนการทำกิจกรรมเพื่อไม่ให้รบกวนนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังกังวลว่าจะกิจกรรมดังกล่าวจะทำให้เกิดคราบน้ำมัน และอาจส่งเสียงดังรบกวนนักท่องเที่ยวนั้น "สมาคมฯ ขอยืนยันว่าสิ่งที่ประชาชนวิตกกังวลจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจาก "เจ็ตสกี" ในยุคปัจจุบันไม่ก่อให้เกิดเสียงไม่ดังและผู้ผลิตเกือบทั้งหมดได้ผลิตเจ็ตสกีในระบบที่ไม่ใช่น้ำมัน จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม อีกทั้งผู้ขับขี่เจ็ตสกีส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้มีฐานะทางสังคมสูงจึงให้ความสำคัญเรื่องการละเมิดกติกาสังคมเป็นสำคัญ" ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวตราด กล่าว https://mgronline.com/local/detail/9640000024999
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก โพสต์ทูเดย์
พบเม่นทะเลสีแดงจำนวนมากเกยตื้นชายหาดป่าตองรอบ 2 ภูเก็ต-แม่ทะเลสีแดงจุดฟ้าถูกคลื่นซัดเกยชายหาดป่าตองกว่า 200 ตัวพบเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปีเปรียบเสมือนเป็นพนักงานทำความสะอาดในระบบนิเวศ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ผู้ประกอบการชายหาดป่าตองพบหอยเม่นแดงจำนวนมากถูกคลื่นซัด เกยหาดที่บริเวณชายหาดป่าตอง บริเวณฝั่งตรงข้าม โรงแรมป่าตองเมอร์ลิน อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้ทำการประสานนักวิชาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ ทั้งนี้เม่นทะเลสีแดงถูกคลื่นซัดเกยหาดป่าตองเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยเพจของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงสาเหตุที่เม่นทะเลขึ้นมาเกยตื้นว่า ผลการตรวจสอบพบว่าเป็น เม่นทะเลขนาดลำตัว 8-15 ซม. (ไม่รวมหนาม) ประมาณ 200 ตัว เมื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลมีค่าความเค็ม 30 ppt ความเป็นกรดเป็นด่าง 8.07 และอุณหภูมิ 32.6 องศาเซลเซียส จากการประสานผู้เชี่ยวชาญด้านอนุกรมวิธานเม่นทะเล ทราบว่า เม่นดังกล่าวเป็นเม่นทะเลสีแดงจุดฟ้า (Astropyga radiata Leske, 1778) เป็นเม่นทะเลที่หากินเป็นกลุ่มตามพื้นท้องทะเล เป็นเสมือนพนักงานทำความสะอาดในระบบนิเวศ นักวิชาการของศูนย์วิจัยฯ ระบุ สำหรับ สาเหตุที่พบเม่นทะเลจำนวนมากขึ้นมาเกยตื้นที่หาดป่าตองสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากถูกคลื่นซัดเข้ามาใกล้ฝั่ง ประกอบกับเป็นช่วงน้ำเกิด (Spring tide) มีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลระหว่างช่วงน้ำขึ้นและช่วงน้ำลงมาก เมื่อน้ำลงจึงทำให้เม่นทะเลไม่สามารถลงตามน้ำไปได้ทัน จึงพบเกยตื้นบริเวณชายหาด https://www.posttoday.com/social/local/647954
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
น้ำมันทะลักหัวไทรต่อเนื่อง ชี้เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ ถูกปกปิดกลางทะเล ก้อนน้ำมันปริศนา ยังทะลักอ่าวหัวไทรต่อเนื่อง คลื่นซัดเกยหาดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร ผู้นำท้องที่ชี้เกิดจากกิจกรรมมนุษย์ในทะเล แต่ถูกปกปิดข้อมูล สภาพพื้นที่บริเวณริมหาดในตำบลหน้าสตน ตำบลหัวไทร ตำบลเกาะเพชร หลายจุด ในอำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ในสภาพที่มีก้อนน้ำมันหลายขนาดถูกคลื่นซัดเข้าหาฝั่งอย่างต่อเนื่อง บางจุดเป็นตะกอนเม็ดขนาดเล็กถูกคลื่นซัดเข้ามาจนแนวคลื่นเป็นสีดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด และมีกลิ่นคล้ายน้ำมันเตาหรือน้ำมันก๊าดโชยอยู่ตลอดเวลา และเป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีสัตว์ทะเลขนาดเล็กให้เห็นในแนวคลื่นเลย ส่วนบริเวณแนวหาดบางจุดมีก้อนน้ำมันขนาดเล็กเกยหาดเพียงเล็กน้อย แต่กลับพบว่าก้อนน้ำมันจะไปค้างอยู่ที่บริเวณแนวหินกันคลื่นที่ห่างออกไปจากชายหาดประมาณ 50-100 เมตรแทน ส่วนบริเวณชายหาดแพรกเมือง บ้านฉิมหลา ตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร แม้จะถูกคลื่นซัดก้อนน้ำมันขึ้นมาบนชายหาดจำนวนมาก แต่ในช่วงเย็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังเต็มไปด้วยชาวบ้านที่พาลูกหลานมาพักผ่อนริมหาด ท่ามกลางบริเวณชายหาดที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำมัน ขณะที่ผู้นำท้องที่ยอมรับว่าไม่สามารถคาดหวังใดๆกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เนื่องจากปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะช่วงปลายมรสุม ไม่มีหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบหรือให้คำตอบถึงที่มาได้ ขณะเดียวกันยังพบว่าก้อนน้ำมันที่เข้าเกยหาดในฤดูกาลนี้ลุกลามเลยไปจนถึงชายหาดอำเภอระโนด อำเภอสทิงพระ อำเภอสิงหนคร ของจังหวัดสงขลา อีกด้วยระยะทางที่เกิดเหตุการณ์นี้มากกว่า 40 กม. https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/927346
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|