#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากอากาศแห้ง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 21 - 23 ธ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 24 ? 26 ธ.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อยและยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่งทางตอนบนของภาคเหนือ สำหรับในช่วงวันที่ 21 - 26 ธ.ค. 65 มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง และระวังภัยที่เกิดจากลมแรงและอากาศแห้ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก รวมถึงระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ผู้เชี่ยวชาญพบแหล่งเพาะพันธุ์ฉลามหัวค้อน ที่หมู่เกาะกาลาปากอส ทีมนักวิจัยค้นพบแหล่งเพาะเลี้ยงลูกปลาฉลามหัวค้อน นอกชายฝั่งหมู่เกาะกาลาปากอสของเอกวาดอร์ นับเป็นการค้นพบซึ่งอาจช่วยปกป้องสัตว์น้ำหายากชนิดนี้จากการสูญพันธุ์ สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ว่า แหล่งเพาะพันธุ์ของลูกปลาฉลามหัวค้อนที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี รวมถึงเป็นสถานที่หลบภัยสำหรับปลาฉลามในช่วงผสมพันธุ์และระยะการพัฒนา ถูกพบใกล้กับเกาะอิซาเบลา ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุด ของหมู่เกาะกาลาปากอส "การค้นพบแห่งเพาะพันธุ์แห่งใหม่เหล่านี้มีความสำคัญมาก โดนเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปลาฉลามหัวค้อน" นายเอดูอาร์โด เอสปิโนซา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกาลาปากอส กล่าวในแถลงการณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา "มันเป็นสายพันธุ์ที่โดดเด่นของหมู่เกาะกาลาปากอส แต่มันตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงต่อการสูญพันธุ์" อนึ่ง องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น) กำหนดให้ปลาฉลามหัวค้อนหยัก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบในหมู่เกาะกาลาปากอส เป็น "สัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง" เนื่องจากมันถูกคุกคามอย่างหนักจากการประมงเชิงพาณิชย์ และความต้องการครีบของพวกมัน เพื่อนำไปทำซุปหูฉลาม ทีมนักวิจัยใช้เวลาหลายเดือน ในการค้นหาแหล่งเพาะเลี้ยงทั่วหมู่เกาะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฝ้าสังเกตปลาฉลามหัวค้อน ขณะที่ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์หลายคน ร่วมกับอุทยานแห่งชาติ สามารถระบุสถานที่อีก 2 แห่ง ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันบริเวณเกาะใกล้เคียง "พวกเราสามารถรวมแหล่งเพาะเลี้ยงเหล่านี้ไว้ในรายชื่อ พื้นที่สำคัญสำหรับการอนุรักษ์ปลาฉลาม ซึ่งเป็นหมวดหมู่การคุ้มครองใหม่ของไอยูซีเอ็น" เอสปิโนซา กล่าวทิ้งท้าย https://www.dailynews.co.th/news/1810085/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ช็อกคาตา!! แหม่มมะกันวัย 60 ปีหายตัวไปเฉยๆคาตาสามีระหว่างดำน้ำในฮาวาย โดนฉลามเคี้ยวเลือดท่วมกลางทะเล เอเจนซีส์ - กลายเป็นสิ่งไม่คาดฝันเมื่อสามีภรรยาชาวอเมริกันจากรัฐวอชิงตันทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯไปทริปดำน้ำรัฐฮาวายเมื่อต้นเดือนนี้จะกลายเป็นฝันร้าย หลังภรรยาวัย 60 ปีที่กำลังดำแบบสน็อกเกิลห่างจากสามีออกไปเกิดหายตัวไปที่นอกชายหาดเคอาวาปูคาบีช เจ้าหน้าที่เชื่อโดนฉลามกำลังหิวเข้าโจมตีและกินเธอเป็นอาหารเรียบร้อยแล้ว เมโทรของอังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(19 ธ.ค)ว่า การหายตัวไปอย่างลึกลับของหญิงวัย 60 ปีจากรัฐวอชิงตันถูกเจ้าหน้าที่รัฐฮาวายแผนกอนุรักษ์และการบังคับใช้ทรัพยากร หรือ DOCARE เมื่อวันศุกร์(16)ระบุว่า เป็นการโจมตีจากฉลามจนเสียชีวิต ที่ได้มาจากข้อมูลของสามีของผู้ตายและพยานที่หาดเคอาวาปูคาบีช( Keawakepu Beach) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธ.คที่ผ่านมา ซึ่งชื่อของผู้เสียหายทั้งหมดไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ขณะเดียวกันสำนักงานตำรวจเมาอี( Maui )ได้ระบุการเสียชีวิตว่า เป็นการเสียชีวิตที่เกิดมาจากอุบัติเหตุเบ็ดเตล็ด (miscellaneous accident)เช่นกัน อ้างอิงจาก DOCARE เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ยามฝั่งสหรัฐฯออกตามค้นหาหญิงรายหนึ่งซึ่งเชื่อว่าอาจจะเป็นภรรยาวัย 60 ปีจากรัฐวอชิงตันที่กลายเป็นเหยื่อฉลามที่ดุดัน เมโทรกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำสามีผู้โชคร้ายได้ความว่า เขาพบกับฉลามที่น่ากลัวมากไม่นานหลังจากลงน้ำห่างจากฝั่งออกไปราว 45.7 เมตร อ้างอิงจากแผนกแผ่นดินและทรัพยากรของรัฐฮาวาย สามีเล่าต่อว่า ตัวเองและภรรยาไม่ได้ดำน้ำในบริเวณใกล้กันและตัวเองมองไปที่ภรรยาเป็นระยะๆ และกล่าวต่ออย่างระทึกขวัญว่า "ระหว่างที่ฉลามกำลังว่ายวนรอบตัวเขาอยู่นั้น เขามองไปที่ภรรยาตัวเองพร้อมกับคิดว่าเธอคงกำลังดำน้ำสู่พื้นมหาสมุทร" สามีผู้เสียชีวิตชี้ว่าขณะที่ฉลามว่ายห่างออกไปจากการที่เขาตีน้ำเพื่อให้เกิดเสียงดังและมองไปที่ผิวน้ำเพื่อค้นหาศรีภรรยาคู่ใจ เขาเล่าว่า "เขาได้เห็นบางสิ่งบางอย่างในระยะไกลและฉลามตัวนั้นหวนกลับมาอีกครั้ง และเขาสามารถเห็นบางสิ่งที่เป็นสีแดงบริเวณเหงือกของมัน" เขาเล่าต่อว่า "และในเวลานี้คนบนฝั่งชายหาดเริ่มตะโกนเสียงดังลั่นเพื่อให้เขารีบขึ้นมาจากมหาสมุทรเพราะมีฉลามกำลังหากินอยู่ในบริเวณนั้น" หนึ่งในพยานได้เปิดเผยว่า เขาเห็นฉลามขนาดใหญ่กำลังกินอะไรบางอย่างอยู่ในทะเล พยานกล่าวว่าเขาเห็นสองสามีภรรยากำลังดำน้ำและพยายามค้นหาคนทั้งคู่เพื่อเตือนเมื่อเห็นปากฉลามขนาดใหญ่กำลังกินบางสิ่งในน้ำที่มีเลือดท่วม พยานได้ตะโกนไปที่ฝ่ายชายให้รีบออกมาจากน้ำแต่กลับไม่เห็นผู้หญิงเดินขึ้นกลับมาด้วยและหลังจากนั้นได้โทรแจ้งตำรวจ 911 https://mgronline.com/around/detail/9650000120743 ****************************************************************************************************** เศร้า! พบโลมาหัวบาตรหลังเรียบ "สัตว์ป่าคุ้มครองตายเกยหาดชะอำ เพชรบุรี - เศร้า! พบโลมาหัวบาตรหลังเรียบ "สัตว์ป่าคุ้มครองตายเกยหาดบริเวณจุดชมวิวหมึกคู่สะพานหิน หาดชะอำ จ.เพชรบุรี ยาวประมาณ 1.20 เมตร น้ำหนักประมาณ 40กิโลกรัม วันนี้ (20 ธ.ค.) นายโชคชัย อธิกปาลี ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง (ทช.) จังหวัดเพชรบุรี ได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวว่า พบโลมาตาย บริเวณจุดชมวิวหมึกคู่สะพานหิน หาดชะอำ จ.เพชรบุรี จึงพร้อมด้วย สัตวแพทย์หญิง ราชาวดี จันทรา นายสัตวแพทย์ปฏิบัติการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ตำรวจ สภ.ชะอำ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุเป็นบริเวณท่าจอดเรือประมงสะพานหินหาดชะอำ ที่บริเวณโขดหินพบโลมาหัวบาตรหลังเรียบ หรือ โลมาหัวบาตรไร้ครีบหลัง ความยาวประมาณ 1เมตร 20เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 40กิโลกรัม อายุระหว่าง 3-5ปีโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธ์ จำนวน 1ตัว ในสภาพขึ้นอืดติดโขดหิน ตรวจสอบตามตามตัวพบบริเวณท้องแตก มีไส้ทะลักกออกมา คาดตายมาแล้วประมาณ 3วัน ก่อนถูกคลื่นซัดเข้ามาติดโขดหิน ริมฝั่งสะพานปลา ก่อนมีนักท่องเที่ยวมาพบ เจ้าหน้าที่ได้นำโลมาไปผ่าพิสูจน์ หาสาเหตุการตาย ที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง (ทช.)จังหวัดเพชรบุรี โลมาหัวบาตรหลังเรียบ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า เหมือนกับวาฬและโลมาชนิดอื่นๆ ผลการผ่าพิสูจน์ พบว่าโลมาตัวนี้ถูกกระแทกตาย พบรอยช้ำบริเวณ คอ หัวไหล่ เนื้อเยื่อในปอดมีเลือดคลั่งบวมน้ำ จากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงด้วยของแข็งไม่มีคม มีพญาธิในหูจำนวนมาก ส่งผลให้การเดินทางของโลมาผิดปกติ ก่อนนำซากไปฝังกลบต่อไป นายชัช ใจตรง อายุ 63ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า สมัยก่อนหาดชะอำจะมีโลมาว่ายน้ำทะเลเล่นเกือบทุกเช้า แต่ตอนนี้ไม่มีให้เห็นบ่อยนัก ก่อนเกิดเหตุตนเห็นโลมาตัวนี้ลอยอยู่ในทะเลเมื่อ3วันก่อน จึงได้นำไม้เขี่ยเข้าฝั่งและไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ เนื่องจากคิดว่าโลมาตายเองตามธรรมชาติ ปกติโลมาจะตายทุกปีที่หาดชะอำ จึงอยากให้ชาวบ้านให้ช่วยกันดูแลและแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ https://mgronline.com/local/detail/9650000120650
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก มติชน
ทช. รักษาเต่ากระบาดเจ็บ-เกยตื้น ก่อนปล่อยคืนทะเล วันที่ 20 ธันวาคม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) รายงานว่าได้รับแจ้งพบสัตว์ทะเลเกยตื้น โดย เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.) ได้รับแจ้งจากนายศรันย์ เรืองดุก ชาวบ้านในพื้นที่ว่าพบเต่าทะเลเกยตื้นที่บริเวณหาดทรายแก้ว ม.5 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเต่ากระ มีชีวิต ไม่ทราบเพศ สภาพค่อนข้างแข็งแรง จึงขนย้ายเต่าทะเลมายัง ศวทก. เพื่อรักษาและฟื้นฟูร่างกายก่อนปล่อยกลับสู่ทะเลต่อไป นอกจากนี้ สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (สทช.5) โดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับการประสานงานจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช กรณีมีผู้พบเต่าทะเลเกยตื้นได้รับบาดเจ็บ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นเต่ากระ ขนาดกระดองกว้าง 40.5 ซม. ยาว 37.5 ซม. มีแผลบริเวณขอบกระดอง และแผลใต้ท้องสภาพแผลเก่า ซึ่งเต่ากระเป็นสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ อยู่ในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และพบแหล่งวางไข่ที่เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช จึงได้ประสานศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง นำมาปฐมพยาบาลเบื้องต้นไว้ ณ สำนักงานศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดนครศรีธรรมราช และจำส่งเพื่อรักษาพยาบาลต่อไป https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_3735992
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|