เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 29-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 29 มกราคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตก เคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนบางแห่งเกิดขึ้นได้ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันเพิ่มขึ้น เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมเริ่มมีกำลังอ่อนลง


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วน โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 29 ม.ค. ? 3 ก.พ. 67 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้จะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 - 3 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1?2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 29 ม.ค. ? 3 ก.พ. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ตลอดช่วง






__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 29-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


เผยโฉมเรือสำราญใหญ่ที่สุดในโลก นักสิ่งแวดล้อมกังวลการปล่อยก๊าซมีเทน



เรือสำราญลำใหญ่ที่สุดในโลก ได้เริ่มออกเดินทางจากเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซมีเทนของเรือลำนี้

เรือ "ไอคอน ออฟ เดอะ ซีส์" (Icon of the Seas) มีความยาว 365 เมตร ความสูง 20 ชั้น ระวางน้ำหนักรวม 235,600 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 7,600 คน และพนักงาน 2,350 คน ดำเนินการโดยบริษัท รอยัล แคริบเบียน กรุ๊ป

เรือไอคอน ออฟ เดอะ ซีส์ ใช้ทุนสร้างถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 70,000 ล้านบาท) ประกอบด้วยสวนน้ำ พื้นที่ 1,580 ตารางเมตร สระว่ายน้ำ 7 สระ สไลเดอร์น้ำ 6 ตัว ร้านอาหาร บาร์ และเลานจ์มากกว่า 40 แห่ง รวมถึงลานสเกตน้ำแข็งกลางทะเลที่ใหญ่ที่สุด

เรือลำนี้กำลังเดินทางไปยังหมู่เกาะทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียนเป็นเวลา 7 วัน โดยตั๋วทั้งหมดถูกจำหน่ายหมดแล้ว ขณะที่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเตือนว่าเรือที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวจะปล่อยก๊าซมีเทนที่เป็นอันตรายออกสู่สภาพแวดล้อม

ไบรอัน โคเมอร์ ผู้อำนวยการโครงการทางทะเลของสภาระหว่างประเทศว่าด้วยการขนส่งที่สะอาด (ICCT) กล่าวว่ามันอาจเป็นไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง "เราประเมินว่าการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวเป็นเชื้อเพลิง จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวงจรชีวิตมากกว่าน้ำมันดีเซลถึง 120%" หลังจากเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ICCT เผยแพร่รายงาน โดยโต้แย้งว่าการปล่อยก๊าซมีเทนจากเรือที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเหลวนั้นสูงกว่ากฎระเบียบในปัจจุบัน

แม้ก๊าซธรรมชาติเหลวสามารถเผาไหม้ได้สะอาดกว่าน้ำมันที่ใช้ในเรือเดินสมุทรแบบดั้งเดิม เช่น น้ำมันดีเซล แต่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วไหล

โดยก๊าซเรือนกระจกอย่างก๊าซมีเทนในชั้นบรรยากาศ สามารถกักเก็บความร้อนได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 80 เท่าในระยะเวลา 20 ปี การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญในการชะลอภาวะโลกร้อน

โฆษกของรอยัล แคริบเบียน อ้างว่าเรือไอคอน ออฟ เดอะ ซีส์ สามารถประหยัดพลังงานมากกว่าที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศกำหนดไว้สำหรับเรือสมัยใหม่ถึง 24% บริษัทวางแผนที่จะเปิดตัวเรือที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2578

เมื่อวันพฤหัสบดี ลิโอเนล เมสซี นักฟุตบอลชื่อดังชาวอาร์เจนตินา ซึ่งปัจจุบันเล่นให้กับทีมอินเตอร์ ไมอามี ได้เข้าร่วมในพิธีตั้งชื่อเรือ โดยเขาได้วางลูกฟุตบอลบนอัฒจันทร์ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้ขวดแชมเปญชนกับหัวเรือ.


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2758651

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 29-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


ทช.สำรวจสัตว์ทะเลหายาก พบ "วาฬบรูดา - โลมา" ชุกชุม สุขภาพดี

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำรวจประชากร "สัตว์ทะเลหายาก" ในพื้นที่อ่าวไทยและอันดามัน พบ "วาฬบรูดา - โลมา" ชุกชุม สุขภาพดี



วันนี้ (27 ม.ค.2567) นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ศึกษาวิจัย สำรวจสถานภาพ และสุขภาพของสัตว์ทะเลหายากทั่วประเทศ โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) ออกสำรวจเมื่อวันที่ 22 - 26 ม.ค.2567 เจ้าหน้าที่ ศวทบ. ได้ลงเรือสำรวจ พร้อมนำเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจด้วย

จากการลงพื้นที่สำรวจสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์บริเวณอ่าวไทยตอนบน ครอบคลุมพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร พบสัตว์ทะเลหายาก จำนวน 3 ชนิด คือ วาฬบรูดา จำนวน 6 ตัว ทราบชื่อ จำนวน 3 ตัว ได้แก่ แม่กันยา กับ เจ้ามะลิ เจ้าสมุทร และไม่ทราบชื่อ จำนวน 3 ตัว บริเวณชายฝั่งทะเล จ.สมุทรสงคราม และ จ.เพชรบุรี ระยะห่างจากฝั่ง 7 - 21 กิโลเมตร

พร้อมทั้งโลมาอิรวดี จำนวน 28 ตัว บริเวณชายฝั่งทะเล จ.สมุทรสาคร และ จ.เพชรบุรี ระยะห่างจากฝั่ง 0.4 - 7 กิโลเมตร และโลมาหัวบาตรหลังเรียบ จำนวน 3 ตัว บริเวณชายฝั่งทะเล จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร ระยะห่างจากฝั่ง 7 - 21 กิโลเมตร

จากนั้นสัตวแพทย์ได้ตรวจสุขภาพวาฬบรูดาที่สำรวจพบ พบมีอัตราการหายใจและคุณภาพการหายใจปกติ มีความสมบูรณ์ร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดี และพบรอยโรค Tattoo Skin Disease บนผิวหนังวาฬบรูดา จำนวน 3 ตัว ได้แก่ แม่กันยา กับ เจ้ามะลิ และเจ้าสมุทร พบบาดแผลบริเวณปลายปากบนและล่างของเจ้ามะลิ และด้านหลังของครีบหลังของวาฬบรูดาไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 ตัว ซึ่งสัตวแพทย์จะติดตามสุขภาพสัตว์ทะเลหายากต่อไป

พร้อมกันนี้ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) ลงพื้นที่สำรวจในวันที่ 25 ? 26 ม.ค.2567 ได้สำรวจสัตว์ทะเลหายากโดยใช้อากาศยานไร้คนขับชนิดปีกตรึง (Fixed-wings Unmanned Aerial Vehicle: Fixed-wings UAV) ด้วยวิธีสำรวจแบบ Line-transect ซึ่งสำรวจใน 2 พื้นที่ ได้แก่ บริเวณเกาะสุกร ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน และบริเวณหน้าหาดสำราญ ต.หาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง รวมพื้นที่สำรวจประมาณ 35.3 ตารางกิโลเมตร และ 30 ตารางกิโลเมตร ตามลำดับ

ผลการสำรวจพบสัตว์ทะเลหายาก จำนวน 3 ชนิด โดยบริเวณเกาะสุกร พบพะยูน จำนวน 2 ตัว และเต่าตนุ จำนวน 2 ตัว การสำรวจครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการสำรวจพบพะยูนในพื้นที่เกาะสุกร ส่วนบริเวณหน้าหาดสำราญพบโลมาหลังโหนก จำนวน 3 ตัว และเต่าตนุ จำนวน 3 ตัว โดยพฤติกรรมของสัตว์ทะเล ทั้ง 3 ชนิดที่พบ มีการว่ายน้ำเข้ามาหากินในช่วงน้ำขึ้น

ส่วนข้อมูลและภาพถ่ายจากการสำรวจครั้งนี้ จะใช้คำนวณหาจำนวนประชากรที่แท้จริงของสัตว์ทะเลหายากในบริเวณพื้นที่จังหวัดตรังต่อไป

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือเรือนำเที่ยว และเรือประมงในพื้นที่ ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับเรือ ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อสัตว์ทะเลหายาก

"การปรากฏตัวของสัตว์ทะเล สะท้อนให้เห็นว่าระบบนิเวศทางทะเลมีความอุดมสมบูรณ์"


https://www.thaipbs.or.th/news/content/336405

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 29-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก Nation


เด็ก 10 ขวบ ถูกฉลามในแทงค์เลี้ยงงับขาเกือบขาด



ภาพระทึกที่เผยแพร่โดยเว็บไซต์ TMZ ที่แสดงให้เห็นเด็กชายวัย 10 ขวบ ถูกฉลามกัดขาเกือบขาด ในแทงค์เลี้ยงฉลามขนาดใหญ่ ทำให้น้ำในแท็งค์กลายเป็นสีแดง ก่อนที่พ่อของเด็กจะเสี่ยงชีวิตกระโดดลงไปช่วย

พยานที่เห็นเหตุการณ์เปิดเผยว่า เด็กชายปีนลงไปในแทงค์พร้อมกับพี่เลี้ยงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 อันเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์กับฉลาม ที่รีสอร์ตแอแลนติส บาฮามาส ( Atlantis Bahamas Resort) มอบให้แขกที่เข้าพัก

ขณะเกิดเหตุเด็กขายสวมหมวกสีขาวและถังออกซิเจน ยืนอยู่กับพี่เลี้ยงบนพื้นแทงค์ ในขณะที่ฉลามว่ายวนแต่มีอยู่สองตัวแสดงอาการก้าวร้าว และหนึ่งในนี้ได้พุ่งเข้าชนขาของเด็ก ทำให้เด็กเสียหลักก่อนที่มันจะงับไปที่ขาจนเลือดกระจาย ตำรวจระบุว่าเด็กชายถูกนำส่งโรงพยาบาลและโชคดีที่อาการทรงตัว ส่วนรีสอร์ตปิดให้บริการแทงค์ฉลามทันที


https://www.nationtv.tv/foreign/378939502

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 29-01-2024
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


นักวิทยาศาสตร์พบปูเสฉวนใช้ขยะพลาสติกมาใช้ทำเป็นบ้านมากขึ้น


ปูเสฉวนใช้ฝาขวดมาเป็นเกราะกำบังและบ้าน
ที่มาของภาพ,SHAWN MILLER


ปูเสฉวนทั่วโลกกำลังหันไปใช้ขยะพลาสติกมากขึ้น เพื่อนำมาใช้เป็น 'บ้าน' หรือเกราะห่อหุ้มร่างกายพวกมัน

ข้อสรุปนี้ได้จากการวิเคราะห์รูปภาพที่ถ่ายโดยผู้ชื่นชอบสัตว์ป่าและเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์

นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า พวกเขารู้สึก "ใจสลาย" เมื่อเห็นสัตว์ชนิดนี้ต้องอยู่อาศัยในขยะของพวกเรา โดยสายพันธุ์ปูเสฉนวนจำนวน 2 ใน 3 ถูกบันทึกผ่านภาพถ่ายว่าอยู่ใน "เปลือกหอยเทียม" จากสิ่งของที่มนุษย์ทิ้งขว้าง

การค้นพบนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Science of the Total Environment ซึ่งเป็นวารสารทางวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ โดยการศึกษานี้ใช้ภาพถ่ายที่แบ่งปันผ่านสื่อสังคมออนไลน์และเว็บไซต์ต่าง ๆ เนื่องจาก มาร์ทา ซูลกิน หนึ่งในนักวิจัยงานศึกษาและเป็นนักนิเวศวิทยาเมืองจากมหาวิทยาลัยวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ อธิบายว่า "เราเริ่มสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติไปจากธรรมชาติโดยสิ้นเชิง"

"แทนที่มันจะถูกประดับประดาด้วยเปลือกหอยทากที่สวยงามอย่างที่เราคุ้นเคย แต่พวกมันกลับมีฝาขวดพลาสติกสีแดงหรือชิ้นส่วนของหลอดไฟอยู่บนหลัง"

มาร์ทา พร้อมด้วยเพื่อนจากมหาวิทยาลัยวอร์ซอ อย่าง ซูซานนา จากีเอลโล และ ลูคัสซ์ ดิลิวสกี้ พบปูเสฉวนจำนวน 386 ตัวที่ใช้เปลือกหอยเทียม ส่วนใหญ่เป็นฝาพลาสติก

"จากการคำนวณของเราพบว่า 10 ใน 16 สายพันธุ์ปูเสฉวนบกทั่วโลกใช้สิ่งนี้เป็นที่พักพิง และสามารถสังเกตได้จากทุกพื้นที่เขตร้อนของโลก" ศ.ซูลกิน อธิบาย

ยังไม่ชัดเจนว่าวัสดุเหล่านี้เป็นอันตรายหรืออาจเป็นประโยชน์ สำหรับเจ้าปูเสฉวนที่บอบบางนี้

"ครั้งแรกที่ฉันเห็นภาพเหล่านี้ ฉันรู้สึกใจสลาย" ศ.ซูลกินบอกกับบีบีซีเรดิโอ 4 ผ่านทางรายการ Inside science "ในขณะเดียวกัน ฉันคิดว่า เราจำเป็นต้องเข้าใจความจริงที่ว่า พวกเรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่แตกต่างออกไป และสัตว์ต่าง ๆ กำลังใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่"


ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงบ้านพลาสติก?

งานศึกษานิเวศวิทยาผ่านทางอินเทอร์เน็ตชิ้นนี้เปิดเผยว่า การใช้เปลือกหอยเทียมเป็น "ปรากฏการณ์ระดับโลก"

"เราเห็นมัน [เปลือกหอยเทียม] จากจำนวน 2 ใน 3 ของสายพันธุ์ปูเสฉวนบกทั้งหมด" กล่าวโดย ศาสตราจารย์ซูลกิน "นั่นคือสิ่งที่เราสามารถระบุได้จากภาพถ่ายโดยนักท่องเที่ยว"

นักวิจัยกล่าวว่าการค้นพบนี้ได้เปิดคำถามใหม่ ๆ ว่าสัตว์จำพวกกุ้งบริเวณชายฝั่งเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์อย่างไรกับพลาสติกที่ใช้แล้ว รวมทั้งทำความเข้าใจว่ามันก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ หรือไม่ โดยนักวิทยาศาสตร์ต้องการศึกษาต่อว่าเรื่องนี้อาจส่งผลต่อวิวัฒนาการของมันอย่างไร

พวกปูเสฉวนได้ปรับตัวและปกป้องร่างกายอันบอบบางจากเปลือกหอยทากที่ถูกทิ้งแล้ว และมันจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงเปลือกหอยทากในยามที่ของขาดแคลน

"เราไม่รู้เลยว่าองค์ประกอบในความแปลกใหม่นี้จะส่งผลกระทบต่อมันมากน้อยเพียงใด รวมถึงปูเสฉวนจะต่อสู้กันเองเพื่อเปลือกเทียมจากพลาสติกหรือไม่" ศ.ซูลกิน อธิบาย

นักวิจัยบอกว่าเปลือกหอยทางตามธรรมชาติกำลังมีจำนวนลดลง ดังนั้น เธอจึงสงสัยว่ามันอาจง่ายต่อพวกมันมากกว่า หากจะเลือกใช้เปลือกเทียม และ "เปลือก" พลาสติกก็มีน้ำหนักเบากว่า ซึ่งอาจช่วยให้ปูเสฉวนตัวเล็กที่อ่อนแอสามารถมีชีวิตรอดได้ เพราะมันง่ายต่อการนำติดตัว

แน่นอนว่า มีพลาสติกจำนวนมหาศาลในสภาพแวดล้อมทางทะเลให้สัตว์ได้เลือกใช้ โดยจากงานศึกษาล่าสุดที่พยายามคำนวณปริมาณมลพิษจากพลาสติก พบว่า สามารถประเมินว่า มีพลาสติกอย่างน้อย 171 ล้านล้านชิ้นลอยอยู่ในมหาสมุทรของเรา

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ามันอาจเพิ่มจำนวนขึ้นเกือบ 3 เท่าภายในปี 2040 หากปราศจากการดำเนินการใด ๆ แต่ยังมีความหวังว่าในปีนี้ อาจได้เห็นประเทศต่าง ๆ ลงนามในสนธิสัญญาระดับโลกที่รอคอยมานาน เพื่อยุติหายนะจากพลาสติก

มาร์ค มิโอดาวนิก ศาสตราจารย์ด้านวัสดุศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน สหราชอาณาจักร บอกกับบีบีซีว่า มนุษย์ควรเรียนรู้จากภาพถ่ายเหล่านี้ "เช่นเดียวกับปูเสฉวน" เขากล่าว "เราควรนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่มากกว่านี้ แทนที่จะทิ้งมัน"


https://www.bbc.com/thai/articles/cpr8lj494qxo

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:50


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger