เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 26-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 26 กรกฎาคม 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ประเทศไทยตอนบน และอ่าวไทยตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ทกซูรี" บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ จะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนในวันนี้ (26 ก.ค. 66) หลังจากนั้นจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีนในช่วงวันที่ 27-28 ก.ค. 66 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปพื้นที่ดังกล่าว โปรดตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 26 ? 28 ก.ค. 66 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมา ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย ทำให้ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก

ส่วนในช่วงวันที่ 29 ? 31 ก.ค. 66 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง

สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันตอนบน ภาคใต้ และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังค่อนข้างแรง ตลอดช่วง ทำให้บริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "ทกซูรี" บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ จะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน ในช่วงวันที่ 26 ? 27 ก.ค. 2566 หลังจากนั้นจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีนในช่วงวันที่ 28 - 29 ก.ค. 2566


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่ง ตลอดช่วง









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 26-07-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


คลื่นร้อนปกคลุมโลกส่งผล 'ทะเลสาบแห้ง-น้ำทะเลเขียวจัด'



คลื่นร้อนปกคลุมโลกส่งผล 'ทะเลสาบแห้ง-น้ำทะเลเขียวจัด' โดยสหรัฐ เผชิญอุณหภูมิสูงจนสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ (NWS) เตือนประชาชนหลายล้านคนในรัฐต่างๆมากกว่า 12 รัฐ ทางตะวันตกและทางใต้ ว่าจะได้รับผลกระทบจากอากาศร้อนจัด

ตอนนี้ทุกภูมิภาคของโลก กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อน ที่แผ่ปกคลุมไปทั่ว จนทำให้อุณหภูมิในหลายประเทศร้อนระอุจนปรอทแทบแตกกันเลยทีเดียว เริ่มจากสหรัฐ เผชิญอุณหภูมิสูงจนสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ (NWS) เตือนประชาชนหลายล้านคนในรัฐต่างๆมากกว่า 12 รัฐ ทางตะวันตกและทางใต้ ว่าจะได้รับผลกระทบจากอากาศร้อนจัด ซึ่งจะต้องจำกัดกิจกรรมกลางแจ้งเพราะอาจส่งผลให้เกิดอาการป่วยได้

เมื่อวันเสาร์(15ก.ค.)อุณหภูมิที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา อยู่ที่ 47 องศาเซลเซียส ทำลายสถิติเดิมที่อยู่ที่ 37 องศาเซลเซียส และคาดว่าจะมีหลายเมืองในหลายรัฐของสหรัฐที่อุณหภูมิพุ่งสูงทำลายสถิติ ตั้งแต่รัฐแคลิฟอร์เนียไปจนถึงแอริโซนา, เนวาดา, ยูท่าห์, นิวเม็กซิโก และโคโลราโด

ขณะที่ภาคกลางของรัฐเท็กซัสทำสถิติใหม่มาก่อนหน้านี้แล้ว เช่นเดียวกับเมืองลาส เวกัส รัฐเนวาดา อยู่ที่ 47 องศาเซลเซียส แต่ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการอาจอยู่ที่ 47.7 องศาเซลเซียส พอ ๆ กับสถิติเมื่่อวันที่ 26 ก.ค.ปี 2474 และเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา 43.3 องศาเซลเซียส

ส่วนในทวีปยุโรป เว็บไซต์สำนักข่าวพยากรณ์อากาศภาษาอิตาเลีย "Meteo.it" เตือนว่า ?ต้องเตรียมพร้อมรับพายุความร้อนที่รุนแรง ที่แผ่ปกคลุมทั่วทั้งประเทศ อุณหภูมิในพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวบางแห่งอาจสูงทำลายสถิติ?

"โอราซิโอ ชิลลาซี" รัฐมนตรีสาธารณสุข ระบุว่า พร้อมจะดูแลนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมโบราณาสถานในกรุงโรม แต่ไม่แนะนำให้ไปเยี่ยมชมโคลอสเซียมในช่วงที่อุณหภูมิอยู่ที่ 43 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ

ส่วนกรีซ ปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเริ่มต้นอารยธรรมยุโรป "อะโครโปลิสแห่งเอเธนส์" พร้อมทั้งปิดการเข้าชมวิหารพาร์เธนอน เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ก.ค. เนื่องจากไม่มีร่มเงา ทำให้นักท่องเที่ยวต้องต่อแถวอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด

ขณะที่ สเปน ที่นอกจากจะเผชิญอากาศร้อนจัดแล้ว ยังต้องรับมือกับไฟป่าที่เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ และในวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พยากรณ์อากาศคาดการณ์ว่า อุณหภูมิที่แถบหุบเขากัวดัลกิบีร์ ภาคใต้ของประเทศ จะขึ้นไปแตะ 44 องศาเซลเซียส

ส่วนเกาะลา พัลมา ของหมู่เกาะคานารี ต้องอพยพประชาชนราว 4,000 คน ขณะที่ไฟป่าที่ยังควบคุมไม่ได้ โหมไหม้บ้านเรือนประชาชนหมู่บ้านปุนตากอร์ดา ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ป่า และต้องใช้นักผจญเพลิงกว่า 300 คน ที่สนับสนุนโดยหน่วยฉุกเฉินของกองทัพสเปน เข้าดับไฟป่าที่เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วกว่า 4,650 เฮคตาร์ หรือมากกว่า 29,000 ไร่

ขณะที่การศึกษาล่าสุด ที่มีการเผยแพร่ออกมาในเดือนพ.ค.ระบุว่า นับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา กว่าครึ่งหนึ่งของทะเลสาบและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วโลกประสบภาวะหดตัวลง มีสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งส่งผลให้เกิดกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำเพื่อการเกษตร การผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ และการใช้น้ำเพื่อการบริโภคของผู้คน

ทีมนักวิจัยนานาชาติ รายงานว่า แหล่งน้ำที่สำคัญที่สุดของโลกบางแห่ง อย่างเช่น บริเวณตั้งแต่ทะเลแคสเปียน (Caspian Sea) ระหว่างยุโรปและเอเชีย ไปจนถึงทะเลสาบติติกากา (Lake Titicaca) ในอเมริกาใต้ สูญเสียน้ำในอัตราสะสมประมาณ 22 กิกะตัน หรือราว 22 ล้านล้านล้านกิโลตันต่อปี เป็นเวลานานเกือบสามทศวรรษ ซึ่งปริมาณดังกล่าวคิดเป็น 17 เท่าของอ่างเก็บน้ำเลคมีด (Lake Mead) อ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ

'ฟางฟาง เหยา' นักอุทกวิทยาผิวดินจากมหาวิทยาลัยแห่งเวอร์จิเนีย ผู้นำทีมการศึกษา ซึ่งถูกตีพิมพ์ในวารสาร Science อธิบายว่า 56% ของการลดลงของทะเลสาบธรรมชาติเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนและการบริโภคของมนุษย์ โดยสาเหตุภาวะโลกร้อนอยู่ในสัดส่วนที่มากกว่า

นอกจากนี้ ทีมนักสมุทรศาสตร์จากสหรัฐ และสหราชอาณาจักร ยังเผยแพร่ข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเลทั่วโลกว่า พื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของผืนมหาสมุทรทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบใกล้เส้นศูนย์สูตร กำลังเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากภาวะโลกร้อน

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศดังกล่าว ทำให้สิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วในน้ำทะเลอย่างไฟโตแพลงก์ตอน (phytoplankton) ซึ่งใช้สารคลอโรฟิลล์สีเขียวและกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงผลิตพลังงานให้กับตัวเอง ต่างเติบโตและเพิ่มจำนวนประชากรขึ้นอย่างมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศในมหาสมุทรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1080432

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:36


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger