#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่เกิดขึ้นในระยะแรกในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะเริ่มลดลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4-6 องศาเซลเซียสก่อน ส่วนภาคอื่นๆ อุณหภูมิจะลดลงในระยะถัดไป ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ในระยะถัดไป ทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 20 - 21 ก.พ. 65 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 5-9 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนในช่วงวันที่ 22 ? 25 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยสำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 20 ? 21 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน ระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนในวันที่ 22 -25 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสมที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย และชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2565)" ฉบับที่ 5 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2565 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกในระยะถัดไป ส่งผลทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีลักษณะอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก กับมีฝนตกหนักบางแห่งเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 20-21 กุมภาพันธ์ 2565 อุณหภูมิจะลดลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-9 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก อสมท.
น่ารักแบบเต่าตนุ..ตะมิ! ลูกเต่าตนุ 66 ตัว กลับสู่ทะเล 19 ก.พ.65 - ชื่นใจ! ลูกเต่าตนุ รังเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ฟักจากไข่เดินต้วมเตี้ยมกลับคืนสู่ทะเล ออกใช้ชีวิตในธรรมชาติครั้งแรก ข่าวดีทะเลไทย! รังไข่เต่าตนุ ที่ อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จ.พังงา มีลูกเต่าฟักตัวออกจากไข่แล้วนางสาวสุวรรณา สะอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังและติดตามการฟักไข่ของเต่าทะเลที่แม่เต่าตนุขึ้นมาวางไข่ไว้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2564 จนกระทั้งถึงเช้าวันที่ 16 กุมภาพันธ์2565 สังเกตพบว่าทรายบริเวณผิวหน้าของหลุมฟักไข่เกิดการยุบตัวลงจึงเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปาดทรายบริเวณผิวหน้าของหลุมฟักไข่ออกเพื่อตรวจดูภายในหลุมเนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีฝนตกในพื้นที่ทำให้ทรายมีความชื้นและแน่นหากลูกเต่าฟักออกจากไข่แล้วอาจจะไม่สามารถพากันดันออกจากหลุมฟักได้ "ปรากฏว่า ลูกเต่าที่ฟักออกจากไข่แล้วและรอขึ้นจากหลุมฟักและได้พากันดันขึ้นมาในเวลาต่อมา นับได้ 66 ตัว จึงได้ปล่อยลูกเต่าทั้งหมดลงทะเล ทุกตัวมีสภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง" จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขุดหลุมฟักไข่เพื่อตรวจสอบไข่ที่เหลือภายในหลุม พบมีลูกเต่าตายแรกเกิดจำนวน 2 ตัว และพบไข่ที่ไม่ได้รับการผสม 7 ฟอง ไข่เต่าทะเลรังนี้มีทั้งหมด 75 ฟอง สามารถฟักและปล่อยลงทะเลได้ 66 ตัว มีอัตราการฟักเท่ากับ 90.66 เปอร์เซ็นต์ ใช้ระยะเวลาในการฟักทั้งหมด 58 วัน https://www.mcot.net/view/R8h2P12o ********************************************************************************************************************************************************* เรื่องแปลก! ชิมบ่อน้ำจืดผุดขึ้นในทะเล 19 ก.พ.65 - สุดแปลก! เชื่อหรือไม่มีบ่อน้ำจืดผุดขึ้นในทะเลที่ จ.พังงา 3 บ่อ ชิมแล้วรสชาติจืด ไม่มีรสเค็มจากน้ำทะเลชาวบ้านเชื่อเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ ช่วยรักษาโรคได้ ธรรมชาติยังมีเรื่องแปลกให้ค้นหา เช่นเดียวกับ ที่บ้านอันเป้า ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา มีเรื่องแปลกจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่คนในพื้นที่ยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์หาดูได้ยาก ที่นี้มีบ่อน้ำจืดจำนวน 3 บ่อ แต่บ่อน้ำจืดนี้ต่างจากแหล่งอื่นๆ เพราะเกิดขึ้นอยู่ในทะเล ริมป่าชายเลน ชาวบ้านพาไปพิสูจน์บ่อน้ำจืดที่ผุดขึ้นมาให้เห็นในช่วงเวลาน้ำทะเลลดลงจนแห้ง ก็จะมีน้ำจืดขึ้นมาจากตาน้ำแทนน้ำเค็ม ชิมแล้วรสชาติจืดแบบน้ำจืดจริงๆ ไม่มีรสเค็มเจือปน เป็นเรื่องแปลกที่หาชมได้ยาก ชาวบ้านจึงได้น้ำก้อนหินมาเรียงไว้เป็นบ่อเล็กๆ รวม 3 บ่อ เรียกว่าบ่อพ่อ บ่อแม่ และบ่อลูก แต่ละบ่อจะมีตาน้ำแร่ธรรมชาติผุดขึ้นมา ซึ่งแต่เดิมนั้นชาวบ้านที่ออกไปจับปลาในทะเลจะแวะตักน้ำมาใช้ดื่มกิน และมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของบ่อน้ำจืดในทะเลแห่งนี้ ทำให้กลายเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่ คุณอุษณี เจียมรา เกษตรอำเภอเกาะยาว เปิดเผยว่า คนในพื้นที่ได้เล่าว่าในอดีตมีผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเกิดอาการปวดเมื่อยไม่สบายและได้ฝันเห็นบ่อน้ำจืดในทะเล และในฝันนั้นมีคนแก่หลายคนยืนอ่านคัมภีร์อยู่รอบบ่อน้ำแล้วบอกว่า ให้ไปเอาน้ำที่บ่อมาดื่มแล้วจะหายปวดเมื่อย เมื่อตื่นขึ้นมาจึงบอกให้ลูกหลานไปตักมาให้ดื่ม จากนั้นก็หายจากอาการปวดเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง จึงเกิดความเชื่อว่า น้ำในบ่อน้ำจืดในทะเลสามารถรักษาโรคให้หายได้ เมื่อข่าวแพร่กระจาย ชาวบ้านก็มาตักน้ำในบ่อน้ำจืดในทะเลไปดื่มกิน จนมีการบอกเล่าต่อๆกันไป ทำให้มีผู้คนเดินทางมาเอาน้ำจากบ่อน้ำแห่งนี้อยู่เป็นประจำ ซึ่งส่วนใหญ่ก่อนดื่มก็จะอธิษฐานในสิ่งที่ต้องการและมักจะประสบผลสำเร็จ ปัจจุบันทางชุมชนได้พัฒนาเป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้ ใน อ.เกาะยาว จ.พังงา หากใครอยากพิสูจน์อยากให้มาลองด้วยตัวเอง https://www.mcot.net/view/7oSbOhfs
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|