#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 10 มกราคม 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่เกิดจากสภาพอากาศแห้งไว้ด้วย สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มเคลื่อนเข้าใกล้ปลายแหลมญวน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันเพิ่มขึ้น เนื่องจากลมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อนลง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 10 ? 14 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงวันที่ 11 ? 12 ม.ค. 66 ส่งผลทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในระยะแรกหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง อุณหภูมิจะลดลง 2 - 4 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร หลังจากนั้นในวันที่ 15 ม.ค. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1 - 3 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทย และภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง บริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ระวังอันตรายการสัญจร ในบริเวณที่มีหมอก รวมถึงฝนฟ้าคะนองบริเวณประเทศไทยตอนบนที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 10 ? 12 ม.ค. 66 สำหรับประชาชนบริเวณภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ดราม่า "สระมรกต" หลังกองถ่ายปักเสาลงสระ ชาวบ้านหวั่นกระทบธรรมชาติ ดราม่า "สระมรกต" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง จ.กระบี่ หลังชาวบ้านโพสต์กองถ่ายหนัง ปักเสาเวทีลงในสระ หวั่นกระทบธรรมชาติ ล่าสุดเพจของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ชี้แจงแล้ว วันที่ 9 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Amon Meekaeo นำภาพกองถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งมีการตั้งเวที ปักเสาเหล็กลงไปภายในสระน้ำของ "สระมรกต" แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.กระบี่ ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม บ้านบางเตียว หมู่ 2 ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม โดยเจ้าของโพสต์ระบุข้อความไว้ว่า "มันควรทำ ฤ ตามจิตสำนึก มันเป็นเขตรักษาพันธุ์ ไม่ใช่หรือ ปกติ เข้าได้แต่รถป่าไม้ นี่มันคืออะไร เราต้องการคำชี้แจงค่ะ" จากการสอบถามเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว ทราบชื่อคือ น.ส.คัทลียา มีแก้ว อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ และเปิดร้านขายของอยู่ด้านหน้าทางเข้าสระมรกต เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ ทราบว่ามีกองถ่ายภาพยนตร์เข้ามาขอใช้พื้นที่ของสระมรกต เพื่อถ่ายทำ ซึ่งตนในฐานะคนพื้นที่ และทำมาหากินอยู่ที่สระมรกต ยินดีที่มีการถ่ายทำเพื่อโปรโมตแหล่งท่องเที่ยว แต่สิ่งที่ตนและชาวบ้านหลายคนไม่ค่อยสบายใจ คือลักษณะการถ่ายทำที่มีการติดตั้งเวทีลงไปในสระ จะส่งผลกระทบเสียหายต่อธรรมชาติหรือไม่ จึงอยากให้ทางหน่วยงานรับผิดชอบ ช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ชาวบ้านเข้าใจด้วย นอกจากนี้เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยว ซื้อตั๋วเข้าไปเที่ยวแล้วถูกไล่กลับออกมา ทำให้นักท่องเที่ยวเสียความรู้สึก แต่ช่วงบ่ายทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ก็อนุญาตให้นักท่งเที่ยวกลับเข้าไปเที่ยว และลงเล่นน้ำได้ตามปกติ เบื้องต้นเรื่องดังกล่าว ทางเพจของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า "วันที่ 7-9 ม.ค.66 บริเวณสระมรกต มีการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณามีการกั้นพื้นที่บางส่วน แต่นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำได้ตามปกติ ในการถ่ายทำได้รับการอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเรียบร้อยแล้ว และได้มีการปิดป้ายขออภัยในความไม่สะดวก ณ บริเวณทางเข้าและบริเวณอื่นๆ" โดยการถ่ายทำดังกล่าว ทราบว่าเป็นการถ่ายทำโฆษณาสินค้าประเภทครีมบำรุงผิวของบริษัทในประเทศเกาหลี ซึ่งขออนุญาตผ่านมาทางกรมอุทยานฯ และกรมการท่องเที่ยว โดยมีเงื่อนไขให้ปฏิบัติตามระเบียบของกรมอุทยานฯ อย่างเคร่งครัด. https://www.thairath.co.th/news/society/2597843
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก คม ชัด ลึก
ทช.ออกแถลงการณ์ "โรคปะการังแถบสีเหลือง" พบโรคนี้ครั้งแรกในไทย ทช. ออกแถลงการณ์ "โรคปะการังแถบสีเหลือง" พบเนื้อเยื่อของปะการังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองชัดเจน หลังจากนั้นเนื้อเยื่อจะตาย เริ่มมีสาหร่าย มาปกคลุมส่วนที่ตาย ล่าสุดได้แยกปะการังที่เกิดโรคออกจากบริเวณอ่าวไทยตอนบน-ตอนลกลาง แล้ว แถลงการณ์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เรื่อง การระบาดของโรคปะการังแถบสีเหลือง (Yellow Band Disease) บริเวณจังหวัดชลบุรี โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้สำรวจแนวปะการังและพบโรคปะการังแถบสีเหลือง ครั้งแรกในปี 2564 บริเวณหมู่ เกาะสัตหีบ เจ้าหน้าที่จึงทำการสำรวจการแพร่กระจายทั่วอ่าวไทย พร้อมได้ทำการศึกษาอัตราการลุกลามและผลกระทบต่อปะการังมาอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจระบบนิเวศแนวปะการัง ในปี 2564 - 2565 จำนวนทั้งสิ้น 90 สถานี ครอบคลุม 5 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในบริเวณอ่าวไทยตอนบนและตอนกลาง พบว่าโรคแถบสีเหลืองนั้นกระจายตัวอยู่ เฉพาะบริเวณเกาะสัตหีบ - แสมสาร จังหวัดชลบุรี จำนวน 11 สถานี นับเป็นรายงานการพบโรคนี้ครั้งแรกในประเทศไทย ปะการังส่วนใหญ่ที่สำรวจพบว่าเป็นโรค ได้แก่ ปะการังโขด (Porites spp.) และปะการังเขากวาง (Acropora spp.) โดยปริมาณการพบคิดเป็นร้อยละ 1 - 10 ของปะการังทั้งสองชนิด ทั้งนี้ สามารถพบโรคได้ในปะการังชนิดอื่นๆ ด้วย แต่พบในปริมาณที่น้อย ได้แก่ ปะการังลายดอกไม้ (Pavona spp.) ปะการังดอกไม้ (Goniopora sp.) ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora sp) ปะการังวงแหวน (Favia spp.) ปะการังช่องเล็ก (Montipora spp.) และปะการังช่องเหลี่ยม (Favites sp.) ลักษณะอาการของโรคพบว่าเนื้อเยื่อของปะการังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองชัดเจน หลังจากนั้นเนื้อเยื่อจะตาย และเริ่มมีสาหร่าย มาปกคลุมส่วนที่ตาย การลุกลามประมาณ 1 เซนติเมตร/เดือน ในปะการังโขด Porites และประมาณ 1 - 6 เซนติเมตร/สัปดาห์ ในปะการังเขากวาง Acropora และหากส่วนไหนของ ปะการังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วนั้น ปะการังส่วนนั้นจะตาย ส่วนสาเหตุการเกิดโรค ณ ปัจจุบันยังไม่ สามารถระบุเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคดังกล่าวได้ แต่จากรายงานในต่างประเทศพบว่า เกิดจากแบคทีเรีย Vibrio alginolyticus สถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 65 เจ้าหน้าที่กรม ทช. ร่วมกับทัพเรือภาค 1 มูลนิธิกิจกรรม วิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ บมจ. เอจีซี วีนิไทย คณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี และอาสาสมัครนักดำน้ำ ร่วมปฏิบัติการแยกปะการัง ส่วนที่เป็นโรคแถบสีเหลือง ออกมาจากปะการังที่ไม่เป็นโรค เพื่อป้องกันการติดต่อลุกลามและหยุดยั้งการตายของปะการัง บริเวณเกาะขาม จังหวัดชลบุรี อย่างไรก็ตามจากการปฏิบัติการ ดังกล่าวสามารถนำปะการังที่เป็นโรคออกมาได้ แค่บางส่วน แต่ยังคงเหลืออีกจำนวนมากทั้งบริเวณเกาะขามและในหลายพื้นที่บริเวณสัตหีบ-แสมสาร สำหรับการดำเนินงานของกรม ทช. ได้ทำการประสานกับหลายภาคส่วน ได้แก่ คณะเทคโนโลยีทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตจันทบุรี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อร่วมกันศึกษาระบาดวิทยา ของโรคที่พบในปะการัง ในขณะเดียวกัน ทช. กำลังเร่งดำเนินการแยก ปะการังที่เกิดโรคออกจากบริเวณดังกล่าว โดยอาศัยความร่วมมือจากนักดำน้ำอาสาสมัครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป https://www.komchadluek.net/news/society/534614
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|