เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 18-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร และดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 17 ? 18 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า

ส่วนในช่วงวันที่ 19 ? 23 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง

สำหรับในช่วงวันที่ 18 ? 23 ก.พ. 66 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 18 ? 23 ก.พ. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน
ฉบับที่ 12 (58/2566) (มีผลกระทบถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566)


คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย และดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้

โดยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบดังนี้


ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์

มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 18-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ญี่ปุ่นนับเกาะตัวเองใหม่ครั้งแรบรอบ 35 ปี พบเกาะเพิ่มอีก 7,000 เกาะ



ญี่ปุ่นนับเกาะของตัวเองใหม่ครั้งแรกในรอบ 35 ปี และพบว่าพวกเขามีเกาะเพิ่มขึ้นมากกว่า 7,000 เกาะ แต่การค้นพบนี้จะไม่ส่งผลต่อขนาดอาณาเขตของประเทศแต่อย่างใด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 16 ก.พ. 2566 ว่า สำนักงานข้อมูลเชิงพื้นที่แห่งประเทศญี่ปุ่น (Geospatial Information Authority) ดำเนินการนับจำนวนเกาะของประเทศใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2530 แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ประเทศของพวกเขามีเกาะเพิ่มขึ้นจาก 6,852 เกาะ เป็น 14,125 เกาะ

ผลการสำรวจล่าสุดใช้เทคโนโลยีการจัดทำแผนที่ด้วยระบบดิจิตอล เปรียบเทียบกับข้อมูลจากภาพถ่ายทางอากาศในอดีตและข้อมูลอื่นๆ เพื่อตัดเกาะเทียมออกไป พบว่าญี่ปุ่นมีเกาะที่มีขนาด 100 เมตรขึ้นไปเพิ่มขึ้นถึง 7,273 เกาะ อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ไม่น่าที่จะเปลี่ยนแปลงขนาดของอาณาเขตประเทศญี่ปุ่น ทั้งทางบกและทางทะเล

ทั้งนี้ การสำรวจข้อมูลรอบใหม่เกิดขึ้นหลังจาก ส.ส.พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (LDP) เรียกร้องในรัฐสภาให้มีการสำรวจจำนวนเกาะใหม่อีกครั้งในปี เพื่อความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากข้อมูลเก่านั้นล่าสมัย และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ

บางจังหวัดของญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะจำนวนมาก เช่นจังหวัดฮอกไกโด ทางตอนเหนือ มีเกาะเพิ่มขึ้นเป็น 1,473 เกาะตามข้อมูลใหม่ ขณะที่จังหวัดนางาซากิ ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีเกาะเพิ่มขึ้นเป็น 1,479 เกาะ


https://www.thairath.co.th/news/foreign/2632798

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 18-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ทีมสำรวจซากเรือ 'ไททานิก' ทีมแรกของโลก เผยคลิปใต้น้ำหาชมยากอายุกว่า 30 ปี


เครดิตภาพ : Woods Hole Oceanographic Institution

ทีมสำรวจใต้ทะเลทีมแรกที่ดำน้ำลงไปเก็บภาพซากเรือ 'ไททานิก' เปิดเผยคลิปวิดีโอที่หาชมได้ยากและไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน ความยาวเกือบ 1 ชม. ครึ่ง

สถาบันวูดส์ โฮล โอเชียโนกราฟิก ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 1 ชม. 21 นาที 55 วินาที โดยเป็นภาพที่บันทึกไว้ระหว่างทีมงานดำน้ำลงไปสำรวจซากเรือไททานิกที่จมอยู่ก้นมหาสมุทร เมื่อปี ค.ศ. 1986?

คลิปวิดีโอดังกล่าวบันทึกภาพด้วยกล้องของเรือดำน้ำขนาดเล็กที่บรรทุกได้ 3 คนที่มีชื่อว่า 'แอลวิน' และกล้องภายนอกที่บังคับจากระยะไกล ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อว่า 'เจสัน จูเนียร์'?

ทีมสำรวจนี้ถือว่าเป็นทีมแรกที่ทำให้มนุษย์ได้เห็นภาพของเรือไททานิกหลังจากที่มันจมลงสู่ก้นทะเลจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1912 และจากข้อมูลของ วูดส์ โฮล โอเชียโนกราฟิก ภาพส่วนใหญ่ในคลิปนี้ไม่เคยปรากฏต่อสื่อหรือสายตาของสาธารณชนมาก่อน

คลิปในช่วงแรกจะเป็นภาพจากเรือดำน้ำแอลวิน ซึ่งเคลื่อนเข้าไปใกล้เรือไททานิก จากนั้นก็เริ่มสำรวจส่วนที่เป็นหัวเรือและดาดฟ้าเรือ สอดแทรกด้วยภาพถ่ายของภายในตัวเรือที่ได้จากกล้องเจสัน จูเนียร์

นอกจากนี้ยังมีภาพห้องของเจ้าหน้าที่ประจำเรือระดับสั่งการและส่วนที่เป็นหน้าต่างชมวิว ภาพด้านนอกของเรือและอุปกรณ์เทเลมอเตอร์ที่ใช้ส่งกำลังไปยังห้องเครื่องเพื่อบังคับทิศทางของเรือ

เรือไททานิก จมสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ.? 1912 ทั้งที่เป็นการเดินทางครั้งแรกของมัน โดยออกจากท่าเรือเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ มีจุดหมายปลายทางที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ภายในเรือมีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดมากกว่า 2,200 คน?

เคราะห์ร้ายที่เรือโดยสารขนาดมโหฬารสุดหรูที่เคยมีผู้โอ้อวดว่าเป็น ?เรือที่ไม่มีวันจม? ลำนี้กลับกลายเป็นสุสานของคนมากกว่า 1,500 ชีวิต หลังจากที่มันชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทาง

สถาบันวูดส์ โฮล โอเชียโนกราฟิก และ แองสติติวท์ ฟรองแซส เดอ เรอแชร์เช ปูร์ เล็กซ์พลอยตาซิยง เดอ ลาแมร์ ซึ่งเป็นองค์กรสำรวจทางทะเลของฝรั่งเศส ถือว่าเป็นทีมแรกของโลกที่ค้นพบซากเรือไททานิก เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.? 1985?

ต่อมาอีก 9 เดือนให้หลัง พวกเขาจัดทีมลงไปสำรวจใต้ทะเลและบันทึกภาพไว้ โดยใช้ทีมนักดำน้ำทั้งหมด 11 คน ดำลงไปยังจุดที่เรือจม สู่ความลึกเกือบ 12,500 ฟุตของมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อเก็บภาพ


https://www.dailynews.co.th/news/2009443/


******************************************************************************************************


อันตราย! น้ำทะเลอุ่นละลายจุดเปราะของ 'ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก'

นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาธารน้ำแข็งทเวตส์ในทวีปแอนตาร์กติกา หรือ "ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก" กล่าวว่า น้ำทะเลอุ่นไหลซึมเข้าสู่จุดที่เปราะบางของธารน้ำแข็ง ส่งผลให้การละลายที่เกิดจากอุณหภูมิสูงขึ้น เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม


เครดิตภาพ : REUTERS

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงเม็กซิโก ซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่า ธารน้ำแข็งทเวตส์ ซึ่งมีขนาดพอๆ กับรัฐฟลอริดา ของสหรัฐ แสดงถึงความเป็นไปได้ที่ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะเพิ่มสูงมากกว่าครึ่งเมตร และอาจส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งใกล้ๆ และทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีก 3 เมตรได้

ในส่วนหนึ่งของความร่วมมือธารน้ำแข็งทเวตส์ระหว่างประเทศ (ไอทีจีซี) ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐและสหราชอาณาจักร ทั้งหมด 13 คน ใช้เวลาบนธารน้ำแข็งประมาณ 6 สัปดาห์ เมื่อช่วงปลายปี 2562 และต้นปี 2563 โดยใช้ยานหุ่นยนต์ใต้น้ำที่เรียกว่า "ไอซ์ฟิน" เก็บข้อมูลและติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ตรวจสอบเส้นเกยตื้นของธารน้ำแข็ง ซึ่งน้ำแข็งจะเลื่อนออกจากธารน้ำแข็ง และบรรจบกับมหาสมุทรเป็นครั้งแรก

ในงานศึกษาชิ้นหนึ่งที่นำโดย นางบริตนีย์ ชมิดต์ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ทีมนักวิจัยพบว่า น้ำทะเลอุ่นไหลเข้ารอยแยกและช่องเปิดอื่น ๆ ของธารน้ำแข็ง ทำให้เกิดการละลายด้านข้างอย่างน้อย 30 เมตรต่อปี

นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติงาน ที่ธารน้ำแข็งทเวตส์ ในทวีปแอนตาร์กติกา
"น้ำทะเลอุ่นกำลังเข้าถึงส่วนที่เปราะบางที่สุดของธารน้ำแข็ง และทำให้การละลายแย่ลงกว่าเดิม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนควรกังวลอย่างมาก" ชมิดต์ กล่าวถึงผลการค้นพบที่เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกำลังเข้าถึงทวีปแอนตาร์กติกาที่ห่างไกลได้อย่างไร

นอกจากนี้ ผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งชมิดต์ดำเนินการอยู่ด้วยนั้น แสดงให้เห็นว่า มีการละลายประมาณ 5 เมตรต่อปี ใกล้กับเส้นเกยตื้นของธารน้ำแข็ง ซึ่งแม้ว่ามันจะน้อยกว่าแบบจำลองที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่เธอระบุว่า การละลายยังคงเป็นปัญหาร้ายแรงเช่นเคย.


https://www.dailynews.co.th/news/2009013/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 18-02-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


พบ 'เต่าหัวค้อน' เต่าทะเลหายากบาดเจ็บมีบาดแผลคล้ายถูกยิงด้วยปืน



วันที่ 17 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากนายประจักษ์ พูลสวัสดิ์ สมาขิกสภาเทศบาลนครเกาะสมุยว่า ได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านพบเต่าทะเลขนาดใหญ่ลอยมาใกล้บริเวณชายหาดอ่าวบ้านท้องโตนด หมู่ที่ 4 ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเต่าทะเลขนาดใหญ่ตัวดังกล่าวอยู่ในสภาพอ่อนแรงไม่สามารถช่วยตัวเองว่ายน้ำได้ เรื่องนี้ได้ประสานไปยังนายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย ซึ่งได้เดินทางมาตรวจสอบด้วยตัวเองพร้อมด้วย อส.อำเภอเกาะสมุย

จากการตรวจสอบเต่าทะเลตัวดังกล่าวลอยห่างจากฝั่งประมาณ 5 เมตรโดยมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มายืนดูด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเกาะสมุย พร้อมด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้นำเต่าทะเลขึ้นบนฝั่งเพื่อตรวจหาสาเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเต่าตัวดังกล่าวอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงไม่สามารถหากินได้ด้วยตัวเอง

เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบบริเวณกระดองมีรู 2รู ซึ่งอาจจะเป็นรูเข้าและรูออกโดยสภาพของรูเป็นรูที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว เนื่องจากมีตระไคร่เกาะเต็มกระดอง สำหรับรูที่พบบนกระดองคาดว่าอาจเป็นรูของกระสุนปืนที่เต่าตัวนี้ถูกยิงมา นอกจากนี้ยังพบบาดแผลบริเวณลำคอด่านบนของเต่ามีรูขนาดเดียวกันที่กระดองจำนวน 1รู หรืออีกสาเหตุอาการที่เต่าป่วยดังกล่าวอาจจะเกิดจากการที่เต่าไปกินถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งในทะเล

สาเหตุจะต้องให้ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร เดินทางมาพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุของเต่าทะเลตัวดังกล่าวอีกครั้ง และจากการตรวจสอบสายพันธุ์เต่าตัวนี้พบว่าเป็นเต่าทะเลหรือที่เรียกว่าเต่าหัวค้อนเพศเมียมีอายุประมาณ 60 ปี ความยาวของกระดอง 80 เซนติเมตร และความกว้างของกระดอง 77 เซนติเมตร คาดว่ามีน้ำหนักตัวประมาณ 50 ถึง 60 กิโลกรัม จากนั้นนายอำเภอเกาะสมุยได้ประสานไปยังอควาเรียมเพื่อนำเต่าที่พบไปพักฟื้นเพื่อรอเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งการพบเต่าหัวค้อนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเกาะสมุยที่เต่าทะเลสายพันธุ์นี้ลอยมาติดชายฝั่งของเกาะสมุย

สำหรับเต่าหัวค้อนมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันได้แก่เต่าล็อกเกอร์เฮด หรือ เต่าจะละเม็ดเป็นเต่าทะเลลักษณะทั่วๆ คล้ายเต่าหญ้า และเต่าตนุมากต่างกันที่เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้ามีจำนวน 2 คู่เท่ากับเต่าหญ้าแต่เกล็ดบนกระดองหลังแถวข้างมีจำนวน 5 แผ่นซึ่งต่างจากเต่าทะเลชนิดอื่น ๆ และรูปทรงของกระดองจะเรียวเล็กลงมาทางส่วนท้ายและเป็นสันแข็งเห็นชัดเจน กระดองมีสีน้ำตาลแดง น้ำตาลเหลือง หรือน้ำตาลส้ม ขอบชายโครงมีสันแข็ง ที่สำคัญมีจุดเด่น คือ มีหัวขนาดใหญ่โตอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกเต่าหัวค้อน และมีขาซึ่งเป็นใบพายทั้งคู่หน้าและคู่หลังจะมีเล็บหนึ่งเล็บในแต่ละข้าง

ขนาดของตัวเมื่อโตเต็มที่มีขนาดกระดองหลังยาวประมาณ 85 เซนติเมตร กระดองท้อง 60 เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม กินอาหารจำพวก สัตว์น้ำมีเปลือกและหอย เป็นอาหารหลักพบตัวได้น้อยมากบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พบมากที่มหาสมุทรแอตแลนติกในน่านน้ำไทยพบน้อยมาก ปัจจุบันเต่าหัวค้อนในประเทศไทยถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช2535เช่นเดียวกับเต่าทะเลชนิดอื่น ๆ

นายประจักษ์ พูลสวัสดิ์ สมาชิกสภาเทศบาลนครเกาะสมุยกล่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านจึงเดินทางมาตรวจสอบพบว่าเต่าอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงและอาจจะตายได้ จึงได้ประสานไปยังนายอำเภอเกาะสมุย ตนคาดว่าเต่าตัวนี้น่าจะกินถุงพลาสติกเข้าไปทำให้มีอาการป่วย ส่วนรู่ที่พบต้องให้รอให้ผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ว่ารูดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไร แต่สภาพโดยรวมคาดว่าได้รับบาดเจ็บมานาน จึงขอฝากถึงชาวประมงและนักท่องเที่ยวหากพบเห็นเต่าทะเลไม่ควรไปทำร้ายควรที่จะดูห่างๆ ที่คัญเรือต้องชลอความเร็วเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อเต่าทะเล และขอให้งดทิ้งขยะลงทะเลโดยเฉพาะขยะประเภทถุงพลาสติกเพราะเต่าทะเลคิดว่าเป็นแมงกระพรุนจึงกินทำให้เต่าเสียชีวิตได้เช่นกัน

นายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย กล่าวว่า ฝากถึงช่วประมงพื้นบ้านรวมถึงเรือนำเที่ยวหากพบเห็นเต่าทะเลได้รับบาดเจ็บให้รีบแจ้งเจ้าหน้าให้ทราบทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวของเข้ามาดูแล และจากหารตรวจสอบเบื้องต้นหากเป็นเต่าหัวค้อนจะเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะเต่าชนิดนี้เป็นที่หายากและเป็นเต่าทะเลสายพันธุ์หนึ่งที่ใกล้จะสูญพันธุ์ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลและอนุรักษ์เต่าทะเลทุกสายพันธุ์ด้วย เพื่อความสมดุลย์ทางธรรมชาติใต้ทะเล


https://www.naewna.com/likesara/711751

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:19


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger