#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร และดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันเริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในระยะนี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 17 ? 18 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 19 ? 23 ก.พ. 66 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า กับมีลมแรง สำหรับในช่วงวันที่ 18 ? 23 ก.พ. 66 ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนลดลง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 18 ? 23 ก.พ. 66 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 12 (58/2566) (มีผลกระทบถึงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566) คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกปกคลุมภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณา และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย และดูแลสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ โดยมีพื้นที่ได้รับผลกระทบดังนี้ ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งในช่วงเวลาดังกล่าว
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ญี่ปุ่นนับเกาะตัวเองใหม่ครั้งแรบรอบ 35 ปี พบเกาะเพิ่มอีก 7,000 เกาะ ญี่ปุ่นนับเกาะของตัวเองใหม่ครั้งแรกในรอบ 35 ปี และพบว่าพวกเขามีเกาะเพิ่มขึ้นมากกว่า 7,000 เกาะ แต่การค้นพบนี้จะไม่ส่งผลต่อขนาดอาณาเขตของประเทศแต่อย่างใด สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 16 ก.พ. 2566 ว่า สำนักงานข้อมูลเชิงพื้นที่แห่งประเทศญี่ปุ่น (Geospatial Information Authority) ดำเนินการนับจำนวนเกาะของประเทศใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2530 แล้วก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่า ประเทศของพวกเขามีเกาะเพิ่มขึ้นจาก 6,852 เกาะ เป็น 14,125 เกาะ ผลการสำรวจล่าสุดใช้เทคโนโลยีการจัดทำแผนที่ด้วยระบบดิจิตอล เปรียบเทียบกับข้อมูลจากภาพถ่ายทางอากาศในอดีตและข้อมูลอื่นๆ เพื่อตัดเกาะเทียมออกไป พบว่าญี่ปุ่นมีเกาะที่มีขนาด 100 เมตรขึ้นไปเพิ่มขึ้นถึง 7,273 เกาะ อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ไม่น่าที่จะเปลี่ยนแปลงขนาดของอาณาเขตประเทศญี่ปุ่น ทั้งทางบกและทางทะเล ทั้งนี้ การสำรวจข้อมูลรอบใหม่เกิดขึ้นหลังจาก ส.ส.พรรคเสรีนิยมประชาธิปไตย (LDP) เรียกร้องในรัฐสภาให้มีการสำรวจจำนวนเกาะใหม่อีกครั้งในปี เพื่อความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากข้อมูลเก่านั้นล่าสมัย และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ บางจังหวัดของญี่ปุ่นประกอบด้วยเกาะจำนวนมาก เช่นจังหวัดฮอกไกโด ทางตอนเหนือ มีเกาะเพิ่มขึ้นเป็น 1,473 เกาะตามข้อมูลใหม่ ขณะที่จังหวัดนางาซากิ ทางตะวันตกเฉียงใต้ มีเกาะเพิ่มขึ้นเป็น 1,479 เกาะ https://www.thairath.co.th/news/foreign/2632798
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ทีมสำรวจซากเรือ 'ไททานิก' ทีมแรกของโลก เผยคลิปใต้น้ำหาชมยากอายุกว่า 30 ปี เครดิตภาพ : Woods Hole Oceanographic Institution ทีมสำรวจใต้ทะเลทีมแรกที่ดำน้ำลงไปเก็บภาพซากเรือ 'ไททานิก' เปิดเผยคลิปวิดีโอที่หาชมได้ยากและไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน ความยาวเกือบ 1 ชม. ครึ่ง สถาบันวูดส์ โฮล โอเชียโนกราฟิก ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 1 ชม. 21 นาที 55 วินาที โดยเป็นภาพที่บันทึกไว้ระหว่างทีมงานดำน้ำลงไปสำรวจซากเรือไททานิกที่จมอยู่ก้นมหาสมุทร เมื่อปี ค.ศ. 1986? คลิปวิดีโอดังกล่าวบันทึกภาพด้วยกล้องของเรือดำน้ำขนาดเล็กที่บรรทุกได้ 3 คนที่มีชื่อว่า 'แอลวิน' และกล้องภายนอกที่บังคับจากระยะไกล ซึ่งพวกเขาตั้งชื่อว่า 'เจสัน จูเนียร์'? ทีมสำรวจนี้ถือว่าเป็นทีมแรกที่ทำให้มนุษย์ได้เห็นภาพของเรือไททานิกหลังจากที่มันจมลงสู่ก้นทะเลจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งประวัติศาสตร์ในปี ค.ศ. 1912 และจากข้อมูลของ วูดส์ โฮล โอเชียโนกราฟิก ภาพส่วนใหญ่ในคลิปนี้ไม่เคยปรากฏต่อสื่อหรือสายตาของสาธารณชนมาก่อน คลิปในช่วงแรกจะเป็นภาพจากเรือดำน้ำแอลวิน ซึ่งเคลื่อนเข้าไปใกล้เรือไททานิก จากนั้นก็เริ่มสำรวจส่วนที่เป็นหัวเรือและดาดฟ้าเรือ สอดแทรกด้วยภาพถ่ายของภายในตัวเรือที่ได้จากกล้องเจสัน จูเนียร์ นอกจากนี้ยังมีภาพห้องของเจ้าหน้าที่ประจำเรือระดับสั่งการและส่วนที่เป็นหน้าต่างชมวิว ภาพด้านนอกของเรือและอุปกรณ์เทเลมอเตอร์ที่ใช้ส่งกำลังไปยังห้องเครื่องเพื่อบังคับทิศทางของเรือ เรือไททานิก จมสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ.? 1912 ทั้งที่เป็นการเดินทางครั้งแรกของมัน โดยออกจากท่าเรือเซาแธมป์ตัน ประเทศอังกฤษ มีจุดหมายปลายทางที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ภายในเรือมีผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดมากกว่า 2,200 คน? เคราะห์ร้ายที่เรือโดยสารขนาดมโหฬารสุดหรูที่เคยมีผู้โอ้อวดว่าเป็น ?เรือที่ไม่มีวันจม? ลำนี้กลับกลายเป็นสุสานของคนมากกว่า 1,500 ชีวิต หลังจากที่มันชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งระหว่างการเดินทาง สถาบันวูดส์ โฮล โอเชียโนกราฟิก และ แองสติติวท์ ฟรองแซส เดอ เรอแชร์เช ปูร์ เล็กซ์พลอยตาซิยง เดอ ลาแมร์ ซึ่งเป็นองค์กรสำรวจทางทะเลของฝรั่งเศส ถือว่าเป็นทีมแรกของโลกที่ค้นพบซากเรือไททานิก เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ.? 1985? ต่อมาอีก 9 เดือนให้หลัง พวกเขาจัดทีมลงไปสำรวจใต้ทะเลและบันทึกภาพไว้ โดยใช้ทีมนักดำน้ำทั้งหมด 11 คน ดำลงไปยังจุดที่เรือจม สู่ความลึกเกือบ 12,500 ฟุตของมหาสมุทรแอตแลนติก เพื่อเก็บภาพ https://www.dailynews.co.th/news/2009443/ ****************************************************************************************************** อันตราย! น้ำทะเลอุ่นละลายจุดเปราะของ 'ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก' นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาธารน้ำแข็งทเวตส์ในทวีปแอนตาร์กติกา หรือ "ธารน้ำแข็งวันสิ้นโลก" กล่าวว่า น้ำทะเลอุ่นไหลซึมเข้าสู่จุดที่เปราะบางของธารน้ำแข็ง ส่งผลให้การละลายที่เกิดจากอุณหภูมิสูงขึ้น เลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เครดิตภาพ : REUTERS สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงเม็กซิโก ซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ว่า ธารน้ำแข็งทเวตส์ ซึ่งมีขนาดพอๆ กับรัฐฟลอริดา ของสหรัฐ แสดงถึงความเป็นไปได้ที่ระดับน้ำทะเลทั่วโลกจะเพิ่มสูงมากกว่าครึ่งเมตร และอาจส่งผลกระทบต่อธารน้ำแข็งใกล้ๆ และทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอีก 3 เมตรได้ ในส่วนหนึ่งของความร่วมมือธารน้ำแข็งทเวตส์ระหว่างประเทศ (ไอทีจีซี) ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐและสหราชอาณาจักร ทั้งหมด 13 คน ใช้เวลาบนธารน้ำแข็งประมาณ 6 สัปดาห์ เมื่อช่วงปลายปี 2562 และต้นปี 2563 โดยใช้ยานหุ่นยนต์ใต้น้ำที่เรียกว่า "ไอซ์ฟิน" เก็บข้อมูลและติดตั้งเซ็นเซอร์ไว้ตรวจสอบเส้นเกยตื้นของธารน้ำแข็ง ซึ่งน้ำแข็งจะเลื่อนออกจากธารน้ำแข็ง และบรรจบกับมหาสมุทรเป็นครั้งแรก ในงานศึกษาชิ้นหนึ่งที่นำโดย นางบริตนีย์ ชมิดต์ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ทีมนักวิจัยพบว่า น้ำทะเลอุ่นไหลเข้ารอยแยกและช่องเปิดอื่น ๆ ของธารน้ำแข็ง ทำให้เกิดการละลายด้านข้างอย่างน้อย 30 เมตรต่อปี นักวิทยาศาสตร์ปฏิบัติงาน ที่ธารน้ำแข็งทเวตส์ ในทวีปแอนตาร์กติกา "น้ำทะเลอุ่นกำลังเข้าถึงส่วนที่เปราะบางที่สุดของธารน้ำแข็ง และทำให้การละลายแย่ลงกว่าเดิม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พวกเราทุกคนควรกังวลอย่างมาก" ชมิดต์ กล่าวถึงผลการค้นพบที่เน้นย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกำลังเข้าถึงทวีปแอนตาร์กติกาที่ห่างไกลได้อย่างไร นอกจากนี้ ผลการศึกษาอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งชมิดต์ดำเนินการอยู่ด้วยนั้น แสดงให้เห็นว่า มีการละลายประมาณ 5 เมตรต่อปี ใกล้กับเส้นเกยตื้นของธารน้ำแข็ง ซึ่งแม้ว่ามันจะน้อยกว่าแบบจำลองที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่เธอระบุว่า การละลายยังคงเป็นปัญหาร้ายแรงเช่นเคย. https://www.dailynews.co.th/news/2009013/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
พบ 'เต่าหัวค้อน' เต่าทะเลหายากบาดเจ็บมีบาดแผลคล้ายถูกยิงด้วยปืน วันที่ 17 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจากนายประจักษ์ พูลสวัสดิ์ สมาขิกสภาเทศบาลนครเกาะสมุยว่า ได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านพบเต่าทะเลขนาดใหญ่ลอยมาใกล้บริเวณชายหาดอ่าวบ้านท้องโตนด หมู่ที่ 4 ตำบลตลิ่งงาม อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเต่าทะเลขนาดใหญ่ตัวดังกล่าวอยู่ในสภาพอ่อนแรงไม่สามารถช่วยตัวเองว่ายน้ำได้ เรื่องนี้ได้ประสานไปยังนายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย ซึ่งได้เดินทางมาตรวจสอบด้วยตัวเองพร้อมด้วย อส.อำเภอเกาะสมุย จากการตรวจสอบเต่าทะเลตัวดังกล่าวลอยห่างจากฝั่งประมาณ 5 เมตรโดยมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มายืนดูด้วยความเป็นห่วง จากนั้นเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเกาะสมุย พร้อมด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้นำเต่าทะเลขึ้นบนฝั่งเพื่อตรวจหาสาเหตุ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเต่าตัวดังกล่าวอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงไม่สามารถหากินได้ด้วยตัวเอง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบบริเวณกระดองมีรู 2รู ซึ่งอาจจะเป็นรูเข้าและรูออกโดยสภาพของรูเป็นรูที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว เนื่องจากมีตระไคร่เกาะเต็มกระดอง สำหรับรูที่พบบนกระดองคาดว่าอาจเป็นรูของกระสุนปืนที่เต่าตัวนี้ถูกยิงมา นอกจากนี้ยังพบบาดแผลบริเวณลำคอด่านบนของเต่ามีรูขนาดเดียวกันที่กระดองจำนวน 1รู หรืออีกสาเหตุอาการที่เต่าป่วยดังกล่าวอาจจะเกิดจากการที่เต่าไปกินถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งในทะเล สาเหตุจะต้องให้ทีมสัตวแพทย์จากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง จังหวัดชุมพร เดินทางมาพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุของเต่าทะเลตัวดังกล่าวอีกครั้ง และจากการตรวจสอบสายพันธุ์เต่าตัวนี้พบว่าเป็นเต่าทะเลหรือที่เรียกว่าเต่าหัวค้อนเพศเมียมีอายุประมาณ 60 ปี ความยาวของกระดอง 80 เซนติเมตร และความกว้างของกระดอง 77 เซนติเมตร คาดว่ามีน้ำหนักตัวประมาณ 50 ถึง 60 กิโลกรัม จากนั้นนายอำเภอเกาะสมุยได้ประสานไปยังอควาเรียมเพื่อนำเต่าที่พบไปพักฟื้นเพื่อรอเจ้าหน้าที่เดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งการพบเต่าหัวค้อนครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเกาะสมุยที่เต่าทะเลสายพันธุ์นี้ลอยมาติดชายฝั่งของเกาะสมุย สำหรับเต่าหัวค้อนมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันได้แก่เต่าล็อกเกอร์เฮด หรือ เต่าจะละเม็ดเป็นเต่าทะเลลักษณะทั่วๆ คล้ายเต่าหญ้า และเต่าตนุมากต่างกันที่เกล็ดบนส่วนหัวตอนหน้ามีจำนวน 2 คู่เท่ากับเต่าหญ้าแต่เกล็ดบนกระดองหลังแถวข้างมีจำนวน 5 แผ่นซึ่งต่างจากเต่าทะเลชนิดอื่น ๆ และรูปทรงของกระดองจะเรียวเล็กลงมาทางส่วนท้ายและเป็นสันแข็งเห็นชัดเจน กระดองมีสีน้ำตาลแดง น้ำตาลเหลือง หรือน้ำตาลส้ม ขอบชายโครงมีสันแข็ง ที่สำคัญมีจุดเด่น คือ มีหัวขนาดใหญ่โตอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกเต่าหัวค้อน และมีขาซึ่งเป็นใบพายทั้งคู่หน้าและคู่หลังจะมีเล็บหนึ่งเล็บในแต่ละข้าง ขนาดของตัวเมื่อโตเต็มที่มีขนาดกระดองหลังยาวประมาณ 85 เซนติเมตร กระดองท้อง 60 เซนติเมตร มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม กินอาหารจำพวก สัตว์น้ำมีเปลือกและหอย เป็นอาหารหลักพบตัวได้น้อยมากบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกแต่พบมากที่มหาสมุทรแอตแลนติกในน่านน้ำไทยพบน้อยมาก ปัจจุบันเต่าหัวค้อนในประเทศไทยถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช2535เช่นเดียวกับเต่าทะเลชนิดอื่น ๆ นายประจักษ์ พูลสวัสดิ์ สมาชิกสภาเทศบาลนครเกาะสมุยกล่าวว่า ตนเองได้รับแจ้งจากชาวประมงพื้นบ้านจึงเดินทางมาตรวจสอบพบว่าเต่าอยู่ในสภาพที่อ่อนแรงและอาจจะตายได้ จึงได้ประสานไปยังนายอำเภอเกาะสมุย ตนคาดว่าเต่าตัวนี้น่าจะกินถุงพลาสติกเข้าไปทำให้มีอาการป่วย ส่วนรู่ที่พบต้องให้รอให้ผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ว่ารูดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไร แต่สภาพโดยรวมคาดว่าได้รับบาดเจ็บมานาน จึงขอฝากถึงชาวประมงและนักท่องเที่ยวหากพบเห็นเต่าทะเลไม่ควรไปทำร้ายควรที่จะดูห่างๆ ที่คัญเรือต้องชลอความเร็วเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อเต่าทะเล และขอให้งดทิ้งขยะลงทะเลโดยเฉพาะขยะประเภทถุงพลาสติกเพราะเต่าทะเลคิดว่าเป็นแมงกระพรุนจึงกินทำให้เต่าเสียชีวิตได้เช่นกัน นายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอเกาะสมุย กล่าวว่า ฝากถึงช่วประมงพื้นบ้านรวมถึงเรือนำเที่ยวหากพบเห็นเต่าทะเลได้รับบาดเจ็บให้รีบแจ้งเจ้าหน้าให้ทราบทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวของเข้ามาดูแล และจากหารตรวจสอบเบื้องต้นหากเป็นเต่าหัวค้อนจะเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะเต่าชนิดนี้เป็นที่หายากและเป็นเต่าทะเลสายพันธุ์หนึ่งที่ใกล้จะสูญพันธุ์ จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันดูแลและอนุรักษ์เต่าทะเลทุกสายพันธุ์ด้วย เพื่อความสมดุลย์ทางธรรมชาติใต้ทะเล https://www.naewna.com/likesara/711751
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|