เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 20-03-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2565

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคกลางมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ในขณะที่ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับภาคใต้และอ่าวไทยมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นกับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงด ออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก โดยมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-15 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 20 - 22 มี.ค. 65 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้

ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 25 มี.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมภาคใต้จะมีกำลังแรงตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณใกล้เกาะสุมาตรามีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้น โดยคาดว่าจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนบน และขึ้นชายฝั่งประเทศเมียนมา ในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค. 65 ทำให้ภาคเหนือมีพายุฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 20-22 มี.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 23 - 25 มี.ค. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง



*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 20 ? 22 มีนาคม 2565)" ฉบับที่ 1 ลงวันที่ 20 มีนาคม 2565

หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเบงกอลตอนล่าง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลนในช่วงวันที่ 20 - 22 มีนาคม 2565 คาดว่าจะเคลื่อนตัวทางทิศเหนือเข้าสู่อ่าวเบงกอลตอนบน และเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมา แม้ศูนย์กลางของพายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรงแต่จะทำให้ลมที่พัดเข้าหาศูนย์กลางพายุมีกำลังแรงขึ้น และพัดปกคลุมทางด้านตะวันตกของประเทศไทย ส่งผลทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักถึงหนักมากที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ด้วย

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 20-03-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


เห็นแล้วหดหู่! ซากเต่าตนุหนักกว่า 30 กก.ติดอวนลอบดักปูตายกลางทะเล คลื่นซัดเกยหาดที่ชุมพร

ชุมพร - เต่าตนุน้ำหนักกว่า 30 กิโลกรัม ติดอยู่ในลอบอวนปู ถูกคลื่นซัดเกยหาดทุ่งวัวแล่น จ.ชุมพร คาดติดอวนและดิ้นจนตาย เป็นที่หดหู่ใจของผู้พบเห็นยิ่งนัก



วันนี้ (19 มี.ค.) ได้มีเฟซบุ๊กชื่อ "Jurairat Siriwiyo" โพสต์ภาพเต่าตนุตัวขนาดใหญ่ติดคาอยู่ในลอบอวนปู ลอยตายอยู่บนชายหาดทุ่งวัวแล่น หมู่ที่ 8 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ซึ่งเป็นชายหาดท่องเที่ยวชื่อดังอันดับ 1 ของ จ.ชุมพร ที่มีชาวต่างชาติและคนไทยมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จนเป็นภาพที่ใครเห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจ และได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นกับสภาพอันสลดใจดังกล่าวกันหลายราย

ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าของโพสต์ทราบชื่อเล่นคือ "น.ส.แอน" เจ้าของธุรกิจร้านอาหารบริเวณดังกล่าวบอกว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมาได้มีพนักงานของโรงแรมแห่งหนึ่งพบเต่าตายอยู่หน้าชายหาด ตนจึงได้เดินลงไปดูและถ่ายภาพเก็บไว้ เพราะเห็นสภาพแล้วหดหู่ใจน่าสงสารเต่ามาก เพราะเป็นเต่าตัวใหญ่ มีน้ำหนักมากกว่า 30 กิโลกรัม เพิ่งตายได้ไม่นานเนื่องจากยังมีเลือดแดงสดๆ ไหลออกมาจากปากจมูก

น.ส.แอน บอกต่อว่า เต่าตัวดังกล่าวติดอยู่ในลอบอวนปูที่วางอยู่ในทะเล คาดว่าเต่าน่าจะเข้าไปกินสัตว์น้ำที่ติดอยู่ในลอบอวนปู แล้วทำให้เต่าติดอวนออกไม่ได้ ดิ้นจนตาย และได้ถูกคลื่นซัดพาเอาทั้งเต่าและลอบอวนปูเข้ามายังฝั่งบริเวณดังกล่าว ซึ่งได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องมาเก็บซากเต่าตัวดังกล่าวไปแล้ว


https://mgronline.com/south/detail/9650000027047

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 20-03-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


ตะลึง บินสำรวจอ่าวไทย-อันดามัน พบพะยูนร่าเริงทะเลตรัง 170 ตัว เป็นแม่ลูก 20 คู่



วันที่ 19 มีนาคม 2565 นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง ร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก ออกสำรวจการแพร่กระจายของสัตว์ทะเลหายากในทะเลตรัง

โดยวิธีการบินสำรวจ (Aerial Survey) ด้วยเครื่องบินปีกตรึง 2 ที่นั่ง สำรวจแบบ Line transect และวิธีการสำรวจทางเรือโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV-drone) ร่วมกับนักบินอาสาสมัคร นาย Eduado Angelo Loigorri และคุณภิญญดา ภิธัญสิริ บริเวณเกาะลิบง เกาะมุกด์ และหมู่เกาะใกล้เคียง

นายโสภณ กล่าวว่า ผลจากการสำรวจโดยประมาณในเบื้องต้นพบ พะยูน 140-170 ตัว พะยูนคู่แม่-ลูก 15-20 คู่ โลมาหลังโหนก 27 ตัว และเต่าทะเล 141 ตัว โดยผลจากการตรวจสุขภาพและประเมินสุขภาพจากการสังเกตด้วยสายตา พบว่าพะยูนแสดงพฤติกรรมว่ายน้ำหาอาหารบนแนวหญ้าทะเล และพฤติกรรมการผสมพันธุ์ นอกจากนี้ยังพบ พะยูนคู่แม่-ลูก ซึ่งแสดงถึงความสมบูรณ์เพศของตัวสัตว์ รวมถึงโลมาหลังโหนกและเต่าทะเล ทั้งนี้ สุขภาพโดยรวมไม่พบพฤติกรรมที่แสดงความผิดปกติ ส่วนข้อมูลจากการสำรวจจะใช้คำนวณหาจำนวนประชากรที่แท้จริงของสัตว์ทะเลหายากในบริเวณทะเลตรัง ต่อไป


https://www.matichon.co.th/local/qua...e/news_3241432

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 20-03-2022
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์


จับจริงปรับล้าน! คุมเข้มเรือประมง ปลอมหนังสือคนประจำเรืออ่าวแสมสาร



19 มี.ค.2565 - นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง ร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าว กรณีตรวจพบการใช้หนังสือคนประจำเรือสำหรับแรงงานต่างด้าว (Seabook) ปลอม ณ สะพานปลาวราสินธ์ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุร สืบเนื่อง วันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา หน่วยป้องกันและปราบปรามประมงทะเลอ่างศิลา (ชลบุรี) กองตรวจการประมง ว่าขณะเจ้าหน้าที่นำเรือตรวจการประมงทะเล 213 ออกปฏิบัติการตรวจปราบปราม และควบคุมการทำประมงผิดกฎหมาย บริเวณอ่าวแสมสาร ปรากฏพบเรืออวนลากคู่ ซึ่งมีแรงงานต่างด้าว 11 ราย ใช้เอกสารประกอบแทน (seabook) ปลอม พร้อมมีการขยายผลโดยศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า ? ออก ชลบุรี ว่าได้ตรวจพบเหตุอันควรสืบค้นการใช้เอกสารปลอมในลักษณะเดียวกัน ในแรงงานต่างด้าว 4 ราย จึงได้ออกคำสั่งเรียกเรือประมงทั้ง 2 ลำ กลับเข้าฝั่ง และร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดตรวจสหวิชาชีพ ประกอบด้วย ศรชล. กรมประมง กรมเจ้าท่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมการจัดหางาน และล่าม ซึ่งพบแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอมจริง

โดยทั้ง 2 กรณี เป็นการกระทำความผิดพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามมาตรา 83 ฐานความผิด เป็นเจ้าของเรือใช้แรงงานต่างด้าวทำงานบนเรือโดยไม่มีหนังสือคนประจำเรือ ซึ่งต้องได้รับโทษตามมาตรา 153 ปรับ 400,000 ? 800,000 บาท ต่อหนึ่งคนประจำเรือ ซึ่งกรณีนี้ เจ้าของเรือประมงอวนลากคู่ เคสที่ 1 มีแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอม 11 ราย ต้องเสียค่าปรับไม่ต่ำกว่า 4,400,000 บาท ส่วนอวนลากคู่ เคสที่ 2 มีแรงงานต่างด้าวใช้เอกสารปลอม 4 ราย ต้องเสียค่าปรับไม่ต่ำกว่า 1,600,000 บาท และมีความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอมด้วย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนำผู้ต้องหา และของกลาง รวมเรืออวนลาก 2 คู่ (เรือ 4 ลำ) และแรงงาน 15 ราย ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

อีกทั้ง กรมประมงจะดำเนินการมาตรการทางการปกครองโดยเพิกถอนใบอนุญาตทำการประมงของเจ้าของเรือ และเจ้าของเรือจะเป็นบุคคลต้องห้ามตามมาตรา 39 ขาดคุณสมบัติในการได้รับใบอนุญาตทำการประมงในรอบถัดไป เป็นเวลา 5 ปี และกรมประมงจะขยายผลติดตามกรณีนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เผยว่า ได้รับมอบหมายจาก นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง ให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยในส่วนของแรงงานภาคการประมง มีการประกาศใช้กฎหมายคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ รวมทั้ง สวัสดิการแรงงานประมง ที่เจ้าของเรือประมงจะต้องดำเนินการไว้อย่างชัดเจน อาทิ ค่าจ้าง เงินตอบแทน หลักประกันสุขภาพ วันหยุดพักผ่อน เวลาทำงาน อาหารน้ำดื่ม ที่พัก ฯลฯ และหากเจ้าของเรือไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษทางกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานต่างด้าวบนเรือประมง จะต้องมีหนังสือคนประจำเรือ (seabook) เพื่อบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวให้อยู่ในระบบที่รัฐสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง เพื่อเป็นการป้องกันการค้ามนุษย์ โดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้เป็นพิเศษ โดยใช้หลัก 3 ป. คือ ป้อง ปราม และปราบ ซึ่งที่ผ่านมา กรมประมง ได้แก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และแรงงานประมงผิดกฎหมาย อย่างจริงจัง


https://www.thaipost.net/general-news/107597/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:51


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger