#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ประกอบกับมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. ? 1 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงเหนือและลมตัวนออกพัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะนี้ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคใต้ ส่วนในช่วงวันที่ 2 ? 5 พ.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนทีปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้มีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงมีลมมตะวันออกพัดปกคลุมอยู่ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง และมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับภาคใต้ ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 31 ต.ค. ? 2 พ.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ควรระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ทะเลสีเทา หินภูเขาไฟปกคลุมชายฝั่งโอกินาวา ผลพวงภูเขาไฟระเบิดใต้ทะเล ที่มา :เกียวโดนิวส์ ทางการจังหวัดโอกินาวา เร่งมือเก็บหินภูเขาไฟที่ลอยปกคลุมชายฝั่งเป็นวงกว้าง จนชายฝั่งกลายเป็นสีน้ำตาลเทา ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวรวมทั้งชาวประมงที่ไม่สามารถออกทะเลในบริเวณดังกล่าวได้ นับเป็นฝันร้ายของชาวประมง รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่จะไปพักผ่อนที่ชายทะเลของจังหวัดโอกินาวา หลังจากมีหินภูเขาไฟจำนวนมหาศาลลอยมาเกยชายหาดหนาทึบ บางจุดหนาถึง 30 เซนติเมตร จนแทบจะมองไม่เห็นน้ำทะเล ขณะที่เรือประมงไม่สามารถแล่นเรือฝ่ากลุ่มหินออกไปหาปลาได้ เช่นเดียวกับปลาในกระชังที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ต่างลอยตาย เพราะปลากินหินภูเขาไฟเข้าไป และขาดออกซิเจนในน้ำ โดยสาเหตุที่ทำให้ก้อนกรวดหินภูเขาไฟจำนวนมากลอยมาปกคลุมชายฝั่ง เป็นผลพวงมาจากการระเบิดของภูเขาไฟในทะเลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และได้พัดพาหินภูเขาไฟเหล่านี้ลอยมาตามกระแสน้ำ เป็นระยะทางไกลเกือบ 1,500 กิโลเมตร ซึ่งล่าสุดทางการโอกินาวากำลังเร่งเก็บกวาดหินภูเขาไฟขึ้นจากน้ำ โดยใช้รถตักดิน เริ่มจากบริเวณท่าเรือประมง เฮนโตนะ ในเมืองคูนิกามิทางตอนเหนือของจังหวัดโอกินาวาก่อน ส่วนจุดที่ไกลจากชายฝั่งจะใช้เรือเข้าไปเก็บหินและขึงตาข่ายทำแนวกั้นเพื่อไม่ให้หินภูเขาไฟกระจายไปไกลจนสร้างมลพิษ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์กว่าจะสามารถกำจัดหินภูเขาไฟออกไปจากชายฝั่งได้ทั้งหมด ด้านนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า เขาได้ตั้งทีมฉุกเฉินรับมือกับสถานการณ์ครั้งนี้ และจะเตรียมงบประมาณไว้ช่วยเยียวยาให้แก่ชาวประมงในท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบด้วย. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2231604
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ชวนท่องเที่ยวเกาะเต่าหลังสำรวจพบฉลามวาฬรอบเกาะเต่า 280 ตัว วันที่ 30 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่าจากการสำรวจจำนวนฉลามวาฬของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในปี 2560 ช่วงเดือนมกราคม ถึง สิงหาคม พบฉลามวาฬฝั่งอ่าวไทยอย่างน้อยถึง 91 ตัว และอย่างน้อย 4 ตัวที่ฝั่งอันดามัน ขณะที่ทางกลุ่มเอกชน Thai Whale Sharks แจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่าในปี 2563 ได้พบฉลามวาฬบริเวณเกาะเต่าถึง 280 ตัวซึ่งเป็นจำนวนที่มาก โดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า ได้ประสานข้อมูลกับนายทัศพล กระจ่างดารา ผู้เชี่ยวชาญด้านปลากระเบนและฉลามของไทย กรมประมง ให้ข้อมูลว่าฉลามวาฬเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งฉลามวาฬเป็นสัตว์ที่กินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร เรวมถึงปลาขนาดเล็กที่รวมฝูง เช่น ปลากะตัก ปลาหลังเขียว จากการพบฉลามวาฬรอบเกาะเต่าจำนวนมากจากสถิติ คาดว่าการพบฉลามวาฬรอบเกาะเต่าบ่อยครั้งหน้าจะเกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร ซึ่งมีปลาเล็กรวมถึงแพลงก์ตอนสัตว์ และแพลงก์ตอนพืช ที่เป็นอาหารหลักของฉลามวาฬ จึงขอความร่วมมือชาวเกาะเต่า และผู้ประกอบธุรกิจดำน้ำให้ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์ นายเจริญสุข สุขผล ประธานชมรมประมงพื้นบ้านเกาะเต่า เล่าถึงผลสำเร็จจากความร่วมมือในการทำซั้ง หรือบ้านปลารอบเกาะเต่าที่ภายในหนึ่งปีที่ได้ช่วยกันทำซั้ง ได้เห็นความสมบูรณ์กลับคืนสู่ท้องทะเลเกาะเต่าอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เริ่มทำซั้งรอบเกาะพบลูกปลาหลังเขียวที่ไม่เคยเข้าก็เข้ามาอาศัย รวมถึงปลาฉิ้งฉ้าง และปลาขนาดเล็กๆ ความสมบูรณ์นี้ทำให้ชาวประมงพบปลาทูน่าที่มีขนาด 6-7 กิโลกรัมบริเวณเกาะเต่า ทั้งนี้เพราะไม่พบปลาทูน่ารอบเกาะเต่ามาหลายปีแล้ว ป นางรำลึก อัศวชิน นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะเต่า กล่าวอีกว่าความสมบูรณ์ที่ปรากฎในช่วงนี้ เกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชุมชนบนเกาะเต่าทุกภาคส่วนช่วยกันดูแล จัดการทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเป็นอย่างดีและต่อเนื่อง จึงทำให้วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นวันเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสธรรมชาติใต้ทะเลเกาะเต่า พร้อมพบกับฉลามวาฬขนาดใหญ่ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน https://www.naewna.com/likesara/612453
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
เครือข่ายปัตตานียื่นรบ. "แก้ทั้งระบบ" วิกฤตกัดเซาะชายฝั่งทะเลใต้จากโครงการรัฐ .............. โดย จรัสรวี ไชยธรรม เครือข่ายฯ ชี้วิกฤตรุนแรงขึ้นตามลำดับ โครงการขุดลอกอ่าวปัตตานีก่อสันดอนกลางอ่าว-กระทบชาวประมง-ต้องหยุด จี้แก้ทั้งระบบ-เปิดให้คนพื้นที่ร่วมหาทางออก ยื่น 8 ข้อเสนอรายละเอียด ปลัดจังหวัดฯ รับส่งต่อข้อเรียกร้อง สส.พื้นที่ขานรับดันต่อในสภาฯ 8 ข้อ แถลงการณ์ เร่งแก้ไข-ฟื้นฟู วานนี้ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. 'เครือข่ายประชาชนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน จังหวัดปัตตานี' นามรวมตัวขององค์กรนักศึกษา เยาวชน เเละภาคประชาชนรวม 23 องค์กร ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีปลัดจังหวัดปัตตานี เป็นผู้รับข้อเรียกร้องของทางเครือข่าย และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันวาร์ สาและ สมาชิกสภาผู้เเทนพรรคประชาธิปัตย์ สมุติ เบ็ญขลักษณ์ สมาชิกสภาผู้เเทนราษฏร์พรรคประชาชาติ และผู้เเทน พรรคก้าวไกล เเละพรรคภูมิใจไทย รับหนังสือ 8 ข้อเรียกร้องเพื่อการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน จังหวัดปัตตานี ระบุถึงสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่งทะเลในประเทศไทยทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ได้แก่ 1) ภัยทางธรรมชาติ 2 ) การคุกคามจากมนุษย์ โดยชี้โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเล การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง อีกทั้งอธิบายปัญหาเชิงโครงสร้าง ได้แก่ 1.การถอนรายงาน (EIA) 2.การส่งเสริมการมีส่วนร่วม 3.มาตรการไมสอดคล้อง 4.ไร้มาตรการฟื้นฟูชายฝั่ง 5.อำนาจหน้าที่ทับซ้อน 6.ไม่กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 7.ล็อกรูปแบบการรับฟังความเห็น 8.กระบวนการการพิจารณารายงานฯไม่ครอบคลุมปัญหา โดยขอให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลของประเทศไทยอย่างยั่งยืน เพื่อการฟื้นฟู 8 ข้อดังนี้ "1. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโครงการหรือกิจการประเภทกำแพงกันคลื่น กลับเข้าไปเป็นโครงการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิตามรัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชน และเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนชายฝั่ง 2. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระงับการดำเนินการโครงการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่ชายหาดทั่วประเทศไทย ที่กำลังมีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อป้องการทำลายชายหาดด้วยโครงสร้างป้องกันชายฝั่งของรัฐ และไม่ให้เกิดการใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือย ไม่ได้เกิดประโยชน์ในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง แต่เป็นการซ้ำเติมเพิ่มปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งให้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น 3.รัฐบาลต้องผลักดันให้เกิดการใช้มาตรการชั่วคราว ที่สามารถรื้อถอนได้เมื่อผ่านมรสุมไป อย่างที่ปรากฏชัดเจนในหลายพื้นที่ชายหาดของประเทศไทยว่า การกัดเซาะชายฝั่งในหลายพื้นที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว การใช้มาตรการชั่วคราว ที่เหมาะสมกับสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อม จึงเป็นทางออกที่เหมาะสมเพื่อการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน โดยส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งชั่วคราวในช่วงมรสุม 4. รัฐบาลต้องส่งเสริม และผลักดันให้มีการใช้มาตรการที่เป็นมิตรกับชายหาด เช่น การเติมทราย การกำหนดแนวถอยร่น การรื้อถอนโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่ไม่จำเป็น และการป้องกันการกัดเซาะตามวิถีภูมิปัญญาดั้งเดิม เพื่อให้ชายฝั่งได้ฟื้นคืนและเกิดความสมดุล โดยที่มาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่ง 5. รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนชายฝั่งสามารถกำหนดเจตจำนงของตนเอง ในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรชายหาดอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมให้ความรู้และรับรองสิทธิชุมชน กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการจัดการ ใช้ประโยชน์ และบำรุงรักษาทรัพยากรชายหาด 6. คณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทุกจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายฝั่ง ต้องจัดให้มีคณะอนุกรรมการกัดเซาะชายฝั่ง โดยกำหนดให้มีสัดส่วนจากภาคประชาชนที่มาจากพื้นที่ที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งร่วมเป็นอนุกรรมการดังกล่าว 7. รัฐบาลควรเร่งตั้งคณะกรรมการศึกษาสภาพปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อรวบรวมการใช้ประโยชน์ และจำแนกประเภทการกัดเซาะชายฝั่ง รวมทั้งการการศึกษาหาแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกัน แก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืน 8. ปัจจุบันจังหวัดปัตตานีมีสถานการณ์การขุดลอกอ่าวปัตตานี ทำให้เกิดสันทรายขนาดใหญ่กลางอ่าวปัตตานี กระทบต่อการเดินเรือของประชาชนที่ประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง การจับสัตว์น้ำ และกระทบระบบนิเวศในอ่าวปัตตานี ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขุดลอกสันทรายบริเวณอ่าวปัตตานีจากโครงการขุดลอกอ่าวปัตตานีโดยกรมเจ้าท่าออกจากอ่าวปัตตานี โดยเร็วที่สุด" แถลงการณ์ระบุ แถลงการณ์ฯ นี้มี 22 องค์กรร่วมลงนามภายใต้เครือข่ายฯ ดังกล่าว เพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องทั้ง 8 แกนนำชี้ 'กำแพงกันคลื่น' ภัยชายฝั่งทะเลภาคใต้ สำนักข่าว Wartani วาร์ตานี รายงานบนเฟซบุ๊ก นูรีต้า กามา กลุ่มชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม Nec Club อธิบายถึง สถานการณ์ที่ผ่านมาในจังหวัดปัตตานี และชายฝั่งภาคใต้ของประเทศไทยถูกทำลายด้วยการก่อสร้างโครงการประเภทกำแพงกันคลื่น ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) "โครงการลักษณะดังกล่าวนี้ยังใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง แต่ที่ผ่านมามีบทเรียนชัดเจนว่าการแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างกำแพงกันคลื่นนั้นกลับสร้างปัญหามาขึ้น ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด เครือข่ายมองว่า กำแพงกันคลื่นนั้นคือภัยต่อความมั่นคงของชายฝั่งทะเลภาคใต้ เพราะทำให้ชายฝั่งทะเลถูกทำลาย จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวนนำเอาโครงการประเภทกำแพงกันคลื่นกลับไปเป็นโครงการที่ต้องประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังเดิม และเรียกร้องให้เกิดการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเพื่อให้เกิดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตามเจตจำนงของชุมชน" นูรีต้า กล่าว รับส่งต่อนายกฯ ยืนยันไม่นิ่งนอนใจ ณัฐกฤช สิทธิโอสถ ปลัดจังหวัดปัตตานี อธิบายว่า ขอยืนยันในส่วนของราชการภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ยินดีรับข้อเสนอของน้องๆทุกคน ไปเสนอราชการระดับสูงเพราะเชื่อว่าผู้บัญชาการระดับสูงทุกท่านตั้งแต่ นายกรัฐมนตรีลงถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายพร้อมที่จะแก้ปัญหาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนในพื้นที่อยู่แล้ว "โดยการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ของน้องดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าทางราชการจะนิ่งเฉย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดปัตตานี หรือจังหวัดอะไรแล้วแต่ ทางรัฐบาลเองเชื่อมั่นว่าจะดูแลพี่น้องประชาชนให้อย่างดีที่สุดแล้วก็ลดความเสียหาย ความเดือดร้อน ความทุกข์ยากใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้อย่างเต็มกำลังความสามารถ" ณัฐกฤช กล่าว ด้านอันวาร์ สาและ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่น้องเยาวชนเอาปัญหาในพื้นที่และเรื่องนี้เป็นปัญหาระดับชาติ ที่เราสูญเสียพื้นที่ชายฝั่งทะเลไป ทาง สส ที่มารับเรืองวันนี้พูดคุยกันว่า ในวันที่จะเปิดสภาในวาระแรก สส.จังหวัดชายแดนใต้จะยื่นเรื่องในสภาผู้แทนราษฎร หลักจากนั้น สส.แต่ละท่านจะนำเข้าสู่กรรมาธิการที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่อไปในอนาคต ส่วน สมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สมาชิกสภาผุ้แทนราษฎร พรรคประชาชาติ เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ต้องได้รับการตอบรับเพื่อเป็นไปตามเรียกร้องของพี่น้องประชาชน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องกับการกัดเซาะชายฝั่ง เราจะสืบสวนสอบสอน เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริง และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างยั่งยืนต่อไป https://greennews.agency/?p=26173
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|