#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังไว้ด้วย และเรือเล็กในบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 2 (พายุดีเปรสชัน) แล้ว มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวขึ้นไปทางไต้หวัน โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 8 - 11 ส.ค. 63 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณอ่าวไทยคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 13 ส.ค. 63 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยยังคงมีฝนต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางด้านรับลมของบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง และทางด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะอ่อนกำลังลงในช่วงวันที่ 9-10 ส.ค. 63 ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 8 - 11 ส.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ และลมกระโชกแรง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
เด็ก 10 ขวบ ถูกคลื่นซัดรอดตายปาฏิหาริย์ เพราะท่าปลาดาว เด็กชายชาวอังกฤษวัย 10 ขวบ รอดตายปาฏิหาริย์ หลังถูกคลื่นซัดออกไปไกลจากฝั่ง จนต้องลอยตัวด้วยท่าปลาดาว รอความช่วยเหลือนานกว่า 1 ชั่วโมง เด็กชายราวิ ไซนิ วัย 10 ขวบ สามารถเอาชีวิตรอดมาจากเหตุไม่คาดคิดได้ หลังจากที่เขาไปพักผ่อนเล่นน้ำที่ชายหาดเซาท์เบย์ ในเมืองสกาเบอโร ของอังกฤษ กับครอบครัว แต่กลับถูกคลื่นซัดจนพลัดหลงกับพ่อ และหายไป ซึ่งแม้พ่อของเขาจะรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ยามฝั่งให้ช่วยค้นหา แต่กว่าจะพบตัวลูกชายก็ผ่านไปนานราว 1 ชั่วโมง โดยเด็กชายราวิ เอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการตั้งสติ และใช้ทักษะการลอยตัวแบบปลาดาว ด้วยการนอนหงายกางแขนและขา และปล่อยให้ตัวเองลอยไปตามน้ำ พร้อมทั้งพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ ตามที่เขาเคยดูสารคดีแนะแนวทางการลอยตัวเพื่อเอาชีวิตรอด "ฟลอต ทู ลีฟ" (Float to live) ของบีบีซี จนกระทั่งหน่วยเรือกู้ชีพมาเห็น และให้การช่วยเหลือขึ้นฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย การลอยตัวท่าปลาดาว หลังจากผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาได้ ราวิเปิดใจว่า ช่วงหนึ่งเขาคิดว่า เขาคงจะต้องตายแน่ๆ แต่เขาก็ยังคงตั้งสติรอคอยด้วยความหวัง จนกระทั่งได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของเรือกู้ชีพมาถึง พร้อมกับกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ชีพทุกคนที่ช่วยตามหาจนเจอตัวเขาในที่สุด ขณะที่ นายนาทู แรม วัย 37 ปี พ่อของราวิ ระบุว่า พวกเขาพากันไปเล่นน้ำในจุดที่ลึกเกินไป กว่าจะรู้ตัวลูกชายของเขาก็ถูกคลื่นซัดลอยออกไป จนลับสายตา โดยเขาพยายามจะเข้าไปช่วยแต่เนื่องจากน้ำลึกมากและคลื่นแรง ทำให้เขาไม่สามารถช่วยได้ทัน ขณะที่หน่วยกู้ชีพที่ไปพบตัวราวิ ชื่นชมความกล้าหาญของเด็กชาย ที่สามารถควบคุมสติได้เป็นอย่างดี จนสามารถเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ได้. แหล่งที่มา :บีบีซี , เดลี่เมลล์ https://www.thairath.co.th/news/foreign/1906075
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
กู้'ปืนใหญ่โบราณ' จมใต้ทะเลจันทบุรี คาดอายุกว่า600ปี กองโบราณคดีใต้น้ำกรมศิลปากร จันทบุรี นำทีมชุดประดาน้ำทำภารกิจกู้ปืนใหญ่โบราณ จมใต้ทะเลลึก คาดอยู่ในสมัยอยุธยา รอยต่อรัตนโกสินทร์ หรืออายุราวกว่า 600 ปี เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 ส.ค.) กองโบราณคดีใต้น้ำกรมศิลปากร จ.จันทบุรี ได้นำเรือโบราณคดีใต้น้ำ ออกทำการเก็บกู้ปืนใหญ่โบราณ หลังจากที่ นายชินณวุฒิ วิลยาลัย ผอ.กองโบราณคดีใต้น้ำ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่มีอาชีพดำน้ำว่า พบปืนใหญ่โบราณที่มีน้ำหนักประมาณ 300 กก. จมอยู่บริเวณร่องน้ำที่ใช้เดินเรือ แถวปากแม่น้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ที่มีน้ำลึกราว 5 เมตร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กองโบราณคดีใต้น้ำ พร้อม นายกามนิต ดิเรกศิลป์ อดีตเจ้าหน้าที่กองโบราณคดีที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ได้มาช่วยวางแผนทำการกู้ปืนใหญ่ โดยการใช้ถังน้ำขนาด 200 ลิตร จำนวน 2 ใบ เป็นทุ่นในการเก็บกู้ โดยการปล่อยให้น้ำเข้าไปในถังจนเต็มและน้ำไปผูกยึดเพื่อใช้โยงปืนใหญ่ที่จมอยู่ใต้น้ำด้วยเชือก และทำการอัดอากาศเข้าไปในถังเพื่อไล่น้ำออก ทำให้การกู้ปืนใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัมขึ้นมาจากน้ำได้อย่างง่ายดาย นายชินณวุฒิ ผอ.กองโบราณคดีใต้น้ำ กล่าวว่า สำหรับปืนใหญ่ที่กู้ขึ้นมาได้ ทางกองโบราณคดีใต้น้ำยังไม่สามารถทำการตรวจสอบรายละเอียดได้ เนื่องจากมีสนิมและตัวเพรียงเกาะอย่างหนาแน่น ต้องนำไปทำการแช่ในน้ำยา โซเดียมคาร์บอเนต พร้อมกับใช้ประจุไฟฟ้า โดยต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีเพื่อทำให้สนิมและตัวเพรียงที่เกาะหลุดออกมา หลังจากผ่านกระบวนการกัดกร่อนสนิม จึงจะสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดถึงลักษณะของปืนใหญ่ และลวดลายประจำตัวปืน ซึ่งจะสามารถบอกได้ว่าปืนใหญ่ที่กู้ขึ้นมาได้เป็นปืนสำหรับประจำเรือ หรือ ป้อมปืน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าตัวปืนใหญ่มีขนาดเล็ก ความยาวประมาณ 120 ซม.โคนกว้าง 30 ซม. และส่วนปลายประบอก กว้าง 15 ซม. โดยลักษณะปืนใหญ่เบื้องต้นตรงกับลักษณะรอยต่อสมัยกรุงศรีอยุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ อายุกว่า 600 ปี. https://www.dailynews.co.th/regional/788815
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"กรมศิลปากร" กู้ปืนใหญ่โบราณ จมปากน้ำแหลมสิงห์ พบปืนใหญ่โบราณจมอยู่บริเวณปากแม่น้ำแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เบื้องต้นนักโบราณคดีใต้น้ำ คาดว่าเป็นปืนประจำเรือ สมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อเนื่องมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ต้องรออีก 1 ปีแช่น้ำยาขัดสนิมและเพรียงออก เพื่อดูว่าผลิตในไทยหรือเป็นปืนของฝรั่งเศส ญี่ปุ่น วันนี้ (7 ส.ค.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองโบราณคดีใต้น้ำกรมศิลปากร จ.จันทบุรี นำเรือโบราณคดีใต้น้ำ ออกทำการเก็บกู้ปืนใหญ่โบราณ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบปืนใหญ่น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม จมอยู่บริเวณล่องน้ำที่ใช้เดินเรือบริเวณปากแม่น้ำแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี การกู้เจ้าหน้าที่ได้ใช้ถังน้ำขนาด 200 ลิตรสองใบ อัดอากาศเข้าไปในถัง จนสามารถกู้ปืนใหญ่ขึ้นมาได้ ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว และฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง นายชินณวุฒิ วิลยาลัย ผอ.กองโบราณคดีใต้น้ำ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่สามารถทำการตรวจสอบรายละเอียดได้ ต้องทำการแช่ในน้ำยาที่คาดว่าจะใช้เวลา ประมาณ 1 ปี จึงจะทำให้สนิมและเพรียงที่เกาะหลุดออกมาได้ เท่าที่เห็นลวดลายประจำตัวปืน คาดว่าเป็นปืนใหญ่ประจำเรือ หรือป้อมปืน ลักษณะปืน ตรงกับลักษณะรอยต่อสมัยกรุงศรีอยุธยากับกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นปืนใหญ่ที่ทำในประเทศไทยยุคบางระจัน หรือ เป็นปืนของฝรั่งเศส หรือ ญี่ปุ่น รวมทั้้งอาจเป็นปืนในยุคสมัยรัชกาลที่ 3 หรือ รัชกาลที่ 5 https://news.thaipbs.or.th/content/295269
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|