เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 18-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2564

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ในภาคเหนือ ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวันไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18 - 20 และ 23 มี.ค. 64 ความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงเหนือยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่และมีฝนบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อน ทำให้ภาคใต้มีฝนน้อย

ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 22 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบน มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และจะมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน หลังจากนั้น ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะได้รับผลกระทบต่อไป ส่วนลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น


ข้อควรระวัง

ส่วนในวันที่ 21 - 22 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกไว้ด้วย โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร












__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 18-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ชมคลิป 'วาฬบรูด้า '4ตัวโผล่สมุย ชี้บ่งบอกอุดมสมบูรณ์

วาฬบรูด้า 4 ตัว โผล่อวดโฉมนักท่องเที่ยว เกาะสมุย ชี้เป็นสัญญาณบ่งบอกความอุดมสมบูรณ์ หลังไม่เคยได้รับรายงานแบบนี้มาหลายปี?



เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายณัฐวัฒน์ นุ้ยศรีราม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อ.เกาะสมุย ว่าได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ และเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจลาดตระเวนบันทึกภาพเก็บข้อมูลวาฬบรูด้าไปตรวจสอบ หลังมีนักท่องเที่ยวแจงว่า สามารถบันทึกภาพวาฬบรูด้ารวม 4 ตัว ขณะออกว่ายหากินระหว่างเกาะหนุมาน เกาะท้ายเพลา เกาะหินดับ เกาะวัวกันตัง เกาะสามเส้า ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เบื้องต้นพบว่า 2 ตัวแรกเป็นแม่กับลูก ชื่อว่า "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" จึงส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อพิสูจน์ลักษณะวาฬบรูด้าที่พบดังกล่าว

นายวิชวุทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับข้อมูลวาฬบรูด้า 2 แม่กับลูกที่พบนั้น มาหากินบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.64 ที่ผ่านมา และวาฬบรูด้าที่พบเพิ่มอีก 2 ตัว ได้ตามมาภายหลัง ถือว่าท้องทะเลบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อ.เกาะสมุย มีความอุดมสมบูรณ์มาก จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวและชาวประมงพื้นบ้าน ได้ระมัดระวังในการเดินเรือ และการทำประมงห้ามกระทำการใดๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อวาฬบรูด้าดังกล่าว



ด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความแสดงความดีใจที่พบวาฬบรูด้า 4 ตัวหากินอยู่ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งวาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวน พบในอ่าวไทยประมาณ 50 ตัวขึ้นไปและพบในทะเลอันดามันบ้าง แต่น้อยกว่าในอ่าวไทย โดยวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ประจำถิ่น ขนาดใหญ่ที่สุดในไทยความยาว 13-14 เมตร เป็นสัตว์เลือดอุ่นเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมไม่ใช่ปลา อาหารหลักวาฬบรูด้าคือปลาขนาดเล็ก

"ช่วงเดือนกันยายนถึงมกราคม วาฬบรูด้าจะเข้ามาหากินในอ่าวไทยตอนใน เนื่องจากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวน้ำจืดพาธาตุอาหารลงมาในอ่าวมากทำให้อุดมสมบูรณ์และปลาเล็กเข้ามากินแพลงก์ตอน วาฬบรูด้าจึงตามเข้ามากินปลาหลังจากนั้น วาฬจะแยกย้ายออกไปหากินตามแหล่งต่างๆในทะเลนอก เช่น เกาะเต่า ฯลฯ ปีนี้วาฬบรูด้ากลุ่มหนึ่งเข้ามาหากินแถวหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี โดยอยู่ติดต่อกันหลายวัน เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีรายงานมาหลายปี ถือเป็นความพิเศษ ที่สร้างรอยยิ้มให้คนรักทะเลไทยได้แน่นอน" ผศ.ดร.ธรณ์ ระบุ


https://www.dailynews.co.th/regional/831668

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 18-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


"สาหร่ายบูม" สาเหตุทำเม่นทะเลสีแดงถูกคลื่นซัดเกลื่อนหาดป่าตอง วอนอย่าจับกิน ช่วยกันปล่อยลงทะเล



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ทช.เผยปรากฏการณ์เม่นทะเลสีแดงถูกคลื่นซัดเกยหาดป่าตอง ติดต่อกัน 3 ครั้ง เกิดจากเม่นทะเลตามมากินสาหร่ายที่สะพรั่งเต็มชายหาด ขอความร่วมมืออย่าจับกิน แต่ขอให้ช่วยนำปล่อยสู่ทะเล ตั้งคำถามปุ๋ยอาหารของสาหร่ายมาจากไหน?

จากกรณีที่เกิดปรากฏการณ์เม่นทะเลสีแดงเกยหาดป่าตองแล้วจำนวน 3 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคม 2564 และล่าสุด เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้โพสต์ข้อความว่า "ทำไม เม่นทะเลสีแดงสดจึงเกยหาดป่าตองจำนวนมาก" ของนายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน

โดยระบุว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยศูนย์วิจัย ทช. ทะเลอันดามันตอนบน เผยแพร่ภาพถ่ายทางอากาศแสดงให้เห็นการสะพรั่ง (Bloom) ของสาหร่าย (Macro algae) บริเวณอ่าวป่าตอง จ.ภูเก็ต โดยสาหร่ายเหล่านี้เป็นอาหารของ "เม่นทะเล? (Sea urchin) เมื่อสาหร่ายนี้เจริญเติบโตมากๆ และถูกพัดพามาตามกระแสน้ำเข้าสู่ฝั่ง เช่นเดียวกันกับพวกเม่นทะเลที่ตามอาหาร คือ กอสาหร่ายเหล่านี้เข้ามาจนถึงเขตที่ตื้น

ปรากฏการณ์ที่พบเม่นทะเลเกยตื้นบนหาด จึงอธิบายได้ด้วยปรากฏการณ์ที่มีการสะพรั่งของสาหร่ายเหล่านี้ และประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงน้ำใหญ่ (Spring tide) ที่มีระดับน้ำขึ้นลงแตกต่างกันในระดับที่สูงมาก ทำให้เม่นทะเลขึ้นมาแล้วกลับลงไม่ทันในช่วงน้ำลง ทั้งนี้ หากพบเจอปรากฏการณ์แบบนี้ขอความร่วมมือทุกท่านไม่นำเม่นทะเลเหล่านี้ไปกิน/ทิ้ง แต่ควรช่วยส่งคืนให้พวกเขาได้กลับลงสู่ทะเล เพื่อทำหน้าที่เป็น "ผู้ทำความสะอาดท้องทะเล" ต่อไป ประเด็นที่น่าคิดคือ สาหร่ายจะสะพรั่งได้ก็ต้องมีอาหารเหมือนปุ๋ยที่เราใช้รดต้นไม้ แล้วปุ๋ยเหล่านี้มาจากไหน ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือองค์ประกอบของน้ำเสียที่เราปล่อยลงสู่ทะเลนั่นเอง


https://mgronline.com/south/detail/9640000025563


*********************************************************************************************************************************************************


ท้องทะเลหมู่เกาะอ่างทองสมบูรณ์ พบวาฬบรูด้าโผล่เล่นน้ำโชว์แล้ว 4 ตัว

สุราษฎร์ธานี - ท้องทะเลหมู่เกาะอ่างทอง สมบูรณ์สุดๆ พบวาฬบรูด้า 4 ตัว ทั้งแม่ลูกโผล่เล่นน้ำโชว์ ทั้ง "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" พร้อมเพื่อนอีก 2 ตัว



วันนี้ (17 มี.ค.) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายณัฐวัฒน์ นุ้ยศรีราม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อ.เกาะสมุย ว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ และเจ้าหน้าที่สายตรวจออกตรวจลาดตระเวนบันทึกภาพเก็บข้อมูลวาฬบรูด้าไปตรวจสอบ หลังได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวว่า สามารถบันทึกภาพวาฬบรูด้า จำนวน 4 ตัว ออกว่ายน้ำกินปลาระหว่างเกาะหนุมาน เกาะท้ายเพลา เกาะหินดับ เกาะวัวกันตัง เกาะสามเส้า ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เบื้องต้น พบเป็น "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" ส่วนอีก 2 ตัวจะส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าเป็นตัวใด

นายวิชวุทย์ กล่าวว่า ข้อมูลวาฬบรูด้า 2 แม่ลูก "แม่วันดี" กับ "เจ้าวันหยุด" ได้มาหากินบริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา และวาฬบรูด้าที่พบเพิ่มอีก 2 ตัวได้ตามมาภายหลัง ถือว่าท้องทะเลบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง มีความอุดมสมบูรณ์มาก จึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว และชาวประมงพื้นบ้านได้ระมัดระวังในการเดินเรือ หรือกระทำการใดๆ ที่จะเป็นอันตรายต่อสัตว์ด้วย

ด้าน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์ข้อความแสดงความดีใจที่พบวาฬบรูด้า 4 ตัวหากินอยู่ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งวาฬบรูด้าเป็นสัตว์สงวน พบในอ่าวไทยประมาณ 50 ตัวขึ้นไป และพบในทะเลอันดามันบ้าง แต่น้อยกว่าในอ่าวไทย โดยวาฬบรูด้าเป็นสัตว์ประจำถิ่นขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ความยาว 13-14 เมตร เป็นสัตว์เลือดอุ่นเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมไม่ใช่ปลา อาหารหลักวาฬบรูด้าคือ ปลาขนาดเล็ก

"ช่วงเดือนกันยายนถึงมกราคม วาฬบรูด้าจะเข้ามาหากินในอ่าวไทยตอนใน เนื่องจากเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว น้ำจืดพาธาตุอาหารลงมาในอ่าวมากทำให้อุดมสมบูรณ์และปลาเล็กเข้ามากินแพลงก์ตอน วาฬบรูด้าจึงตามเข้ามากินปลา หลังจากนั้น วาฬจะแยกย้ายออกไปหากินตามแหล่งต่างๆ ในทะเลนอก เช่น เกาะเต่า ปีนี้วาฬบรูด้ากลุ่มหนึ่งเข้ามาหากินแถวหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยอยู่ติดต่อกันหลายวันเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีรายงานมาหลายปี ถือเป็นความพิเศษที่สร้างรอยยิ้มให้คนรักทะเลไทยได้แน่นอน" ผศ.ดร.ธรณ์ ระบุ


https://mgronline.com/south/detail/9640000025801

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 18-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


สวยตะลึง! ใต้ท้องทะเลตรังช่วงไฮซีซันนี้ หลังธรรมชาติได้ฟื้นตัวเต็มที่จากโควิด-19



ตรัง - สุดตะลึงในความสวยงามของโลกใต้ท้องทะเลตรังช่วงไฮซีซันนี้ โดยเฉพาะที่บริเวณหัวเกาะมุกต์ หัวเกาะกระดาน และหัวเกาะแหวน ซึ่งเป็นจุดดำน้ำยอดนิยม หลังธรรมชาติได้ฟื้นตัวเต็มที่จากโควิด-19

ทีมผู้ประกอบการท่องเที่ยวทะเลตรัง นำโดย นายพฤกษ์ อุบลเกิด ผู้จัดการ "มดตะนอย รีสอร์ต" ได้ชักชวนกันดำน้ำลงไปสำรวจโลกใต้ท้องทะเลอันดามันในช่วงไฮซีซันนี้ ปรากฏว่า หลายจุดมีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากช่วงไฮซีซันของหลายๆ ปีก่อน อันเนื่องมาจากการที่ธรรมชาติได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ครั้งแรกเมื่อต้นปี 2563 จนมาถึงการระบาดในระลอกใหม่ อันเป็นผลให้ต้องมีการสั่งปิดแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหลายครั้ง และนักท่องเที่ยวเองก็หวั่นเกรงการระบาด จึงเดินทางมาท่องเที่ยวไม่มากนัก

โดยเฉพาะที่บริเวณ "ถ้ำมรกต" ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะมุกต์ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand แห่งเมืองตรัง ทีมนักดำน้ำต่างตะลึงกับฝูงปลานานาชนิด ฝูงขนาดมหึมาที่ว่ายน้ำไปมาบริเวณปากทางเข้าถ้ำมรกต ซึ่งเป็นภาพที่มิได้เห็นกันบ่อยนัก ขณะเดียวกัน แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอื่นๆ ใต้ท้องทะเลอันดามันในช่วงไฮซีซันนี้น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นกัลปังหาหลากสีสัน ทั้งที่บริเวณหัวเกาะมุกต์ หัวเกาะกระดาน และหัวเกาะแหวน ซึ่งล้วนแต่เป็นจุดดำน้ำที่มีความสวยงาม และนักท่องเที่ยวให้ความนิยมทั้งสิ้น


https://mgronline.com/south/detail/9640000025792


*********************************************************************************************************************************************************


ทช. ตรวจสอบ "ก้อนน้ำมัน" ที่หาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด ไม่กระทบคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง



เมื่อวานนี้ (16 มีนาคม 2564) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โดยศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยฝั่งตะวันออก ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ในเบื้องต้นไม่พบคราบน้ำมัน แต่พบก้อนน้ำมันดินเกยหาดทรายแก้ว บริเวณท่าเรือไปทางทิศตะวันออกของหาด ระยะทาง 350 เมตร (แนวเส้นสีแดง) ความหนาแน่น 5.1005 กรัม/ตารางเมตร

จากนั้นได้เก็บตัวอย่างและตรวจวัดคุณภาพน้ำทั่วไป 3สถานี (SM1-SM3) พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานน้ำทะเลชายฝั่งประเภทที่ 2 และ 4 เพื่อการอนุรักษ์แหล่งปะการัง และเพื่อการนันทนาการ (กรมควบคุมมลพิษ, 2560)



กรม ทช. รายงานด้วยว่า ได้สัมภาษณ์ นายอิทธิกร สุขกระจ่าง ผู้ประกอบการ ทราบว่าพบคราบน้ำมันลอยมากับถุงขยะในช่วงสายๆ และก่อนหน้านี้พบคราบน้ำมันบริเวณชายหาดในลักษณะเดียวกัน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 26 มกราคม และ 5มีนาคม 2564 ทั้งนี้ เคยพบก้อนน้ำมันดินบริเวณดังกล่าวในเดือนมกราคม 2564โดยไม่ทราบแหล่งที่มา สำหรับปริมาณปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนรวมในน้ำทะเลอยู่ระหว่างวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ


https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000025636

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 18-03-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก มติชน


พบซากโลมาเพศเมีย ถูกของมีคม กรีดยาว ต้นคอถึงหลัง คาดฝีมือมนุษย์ใจเหี้ยม

พบซากโลมาเพศเมีย ถูกของมีคม กรีดยาว ต้นคอถึงหลัง คาดฝีมือมนุษย์ใจเหี้ยม เร่งหาหลักฐานติดตามตัว



เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่า พบซากโลมาขนาดใหญ่เกยโขดหิน บริเวณอ่าวไสคู ในเขตอุทยานฯ หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบเป็นซากโลมา มีร่องรอยของมีคมตามลำตัว จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.) ก่อนจะทำการเคลื่อนย้ายซากมายังที่ทำการอุทยานฯ เพื่อทำการตรวจสอบ

เมื่อเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยฯ มาถึงได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าเป็นโลมาลายจุด ความยาวประมาณ 170 เซนติเมตร วัยรุ่น เพศเมีย มีรอยของมีคมบริเวณด้านหลังลำคอและกลางหลัง จึงรับมอบเพื่อนำไปชันสูตรสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกครั้ง



อย่างไรก็ตามในส่วนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้เร่งตรวจสอบและติดตามพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบกับผลการชันสูตร เพื่อแจ้งดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากโลมาลายจุด เป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และจากบาดแผลที่พบดังกล่าว คาดว่าเป็นการกระทำของมนุษย์


https://www.matichon.co.th/region/news_2628868

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:05


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger