![]() |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลาง และภาคใต้ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีทะเลคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยง การเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กในบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "เซาลา" (SAOLA) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศจีนตอนใต้ ในช่วงวันที่ 1 - 3 ก.ย. 66 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยโดยตรง ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปยังบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 27-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 31 ส.ค. ? 5 ก.ย. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีทะเลคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น "เซาลา" (SAOLA) บริเวณตอนเหนือของเกาะลูซอล ประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. ? 1 ก.ย. นี้ และมีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีนในช่วงวันที่ 2 - 4 ก.ย. โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยโดยตรง ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปยังบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วยตลอดช่วง ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กในบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งตลอดช่วง ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน ฉบับที่ 9 (234/2566) (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 3 กันยายน 2566) ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบนของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้ วันที่ 31 สิงหาคม 2566 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ วันที่ 1 กันยายน 2566 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล วันที่ 2-3 กันยายน 2566 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และนครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่าง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มี ฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย ![]() ![]() ![]()
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
นทท.อินเดียชี้ วัตถุปริศนาที่ภูเก็ต คล้ายจรวดโครงการจันทรายานฯ ![]() นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย กล่าวเป็นภาษาอินเดีย วัตถุคล้ายชิ้นส่วนอากาศยาน ลอยเกยหาดกะรน อาจเป็นชิ้นส่วนจรวดขับเคลื่อนยานอวกาศ สำรวจดวงจันทร์ในโครงการ "จันทรายานฯ" ตกลงมาในมหาสมุทรอินเดียแล้วคลื่นซัดเข้ามาเกยหาดที่ภูเก็ต จากกรณีเมื่อเช้าวันที่ 30 ส.ค. 66 เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ประจำหาดกะรน จ.ภูเก็ต ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ เดินตรวจการเล่นน้ำของนักท่องเที่ยว บริเวณริมหาด ได้พบซากชิ้นส่วนคล้าย "อากาศยาน" ถูกคลื่นซัดมาเกยชายหาด บริเวณหน้าสนามวอลเลย์บอล หาดกะรน จากนั้นนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ได้ช่วยกันลากซากดังกล่าวนี้ขึ้นมาจากน้ำทะเล เพื่อรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบอีกครั้ง ว่า วัตถุดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนของ "อากาศยาน" หรือไม่ ล่าสุดบ่ายวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณที่พบซากชิ้นส่วนคล้าย "อากาศยาน" หาดกะรน พบว่ามีเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลกะรน นำชิ้นส่วนดังกล่าว ขึ้นมาจากริมหาดแล้ว นำมาตั้งไว้ข้างริมขอบฟุตปาทริมถนน จากการตรวจสอบในเบื้องต้น เป็นซากไฟเบอร์กลาส สีดำ น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 100 กก. วัตถุดังกล่าวอุ้มน้ำและมีสายคล้ายสายไฟสีฟ้าติดอยู่ภายใน มีเลขรหัสบางอย่างที่เป็นภาษาอินเดีย และบางส่วนมีร่องรอยคราบสนิมติดอยู่ มีหอยกระติบจำนวนมากเกาะติดอยู่รอบชิ้นส่วนดังกล่าว เมื่อนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านมา ได้ถ่ายภาพ เซลฟี่ และวิพากษ์วิจารณ์ โดยมีนักท่องเที่ยวอินเดียรายหนึ่งระบุว่า น่าจะเป็นชิ้นส่วนจรวด RLV-TD ของอินเดีย ใช้ส่งยานอวกาศทดลองขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์ ในโครงการจันทรายานฯ (channdrayaan-3) และชิ้นส่วนจรวดได้ตกในมหาสมุทรอินเดีย ถูกคลื่นซัดลอยมาถึงภูเก็ต ด้านเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดประจำหน้าหาดกะรนที่พบชิ้นส่วนลอยมาเกยหาด กล่าวว่า เจอชิ้นส่วนลอยขึ้นมาบริเวณชายหาดจึงใช้เชือกรัดไม่ให้ลอยไปหลังจากน้ำลดลงก็ไปนำขึ้นมาบนชายหาด ตนเห็นอยู่ในทะเลลอยเข้ามาเกยชายหาดหลังจากนั้นช่วงเที่ยงน้ำลดลง มีเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลกะรนช่วยกันขนมาบริเวณชายหาด ตอนแรกที่เจอกันคิดว่าเป็นซากเครื่องบิน https://www.thairath.co.th/news/local/south/2721378 ****************************************************************************************************** เจ้าหน้าที่เร่งช่วยชีวิต "ลูกเต่า" ที่ฟักออกจากไข่ ก่อนปล่อยกลับคืนทะเล กรมทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่เกาะนกเภา จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยเหลือ ลูกเต่าฟักขึ้นมาจากพื้นทราย สำรวจพบไข่เต่าจำนวน 113 ฟอง ![]() วันที่ 30 สิงหาคม 2566 มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (ศวทก.) ได้เข้าตรวจสอบหลุมไข่เต่าตนุ ที่เกาะนกเภา ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านเกาะนกเภาว่า มีการพบลูกเต่าขึ้นมาบริเวณพื้นทราย ตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2566 จากการตรวจสอบพบว่ายังมีลูกเต่าติดอยู่ในหลุมจำนวน 5 ตัว ซึ่งได้ช่วยขึ้นมาและให้ชาวบ้านปล่อยในช่วงค่ำ โดยพบไข่ทั้งหมด 113 ฟอง ฟักเป็นตัว 76 ฟอง คิดเป็นร้อยละ 67 ไข่ไม่ฟัก 36 ฟอง คิดเป็นร้อยละ 32 และลูกเต่าตายในไข่เนื่องจากเจาะไข่ออกมาไม่สำเร็จ 1 ฟอง คิดเป็นร้อยละ 1 ไข่ที่ไม่ฟักเกิดจากเป็นไข่ที่ไม่ได้ผสม 33 ฟอง และลูกเต่าตายในระหว่างการพัฒนา 3 ฟอง ซึ่งพบเชื้อราในไข่เต่า ระยะเวลาในการฟัก 49 วัน ซึ่งสั้นกว่าปกติ (55-65 วัน) โดยสันนิษฐานว่าบริเวณรังไข่เต่าได้รับแสงแดดในช่วงเช้า ทำให้อุณหภูมิในรังสูง ซึ่งจะทำให้ช่วงเวลาเพาะฟักเร็วขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บเปลือกไข่เพื่อทำการวิจัยต่อไป. https://www.thairath.co.th/news/local/2721172
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
ไข้หวัดนกคร่าชีวิตสิงโตทะเลจำนวนมากในอาร์เจนตินา ![]() สิงโตทะเลจำนวนมากเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนกในอาร์เจนตินา ขณะที่การระบาดทั่วโลกกำลังขยายตัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเฉพาะในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานสุขภาพและคุณภาพอาหารแห่งชาติกำลังเก็บตัวอย่างจากสิงโตทะเลในชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกใกล้เมืองเวียดมา จังหวัดริโอ เนโกร ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม หลังพบสิงโตทะเลจำนวนมากเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดนก (Photo by TELAM / AFP) เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 30 สิงหาคม 2566 กล่าวว่า หน่วยงานด้านสุขภาพสัตว์ของอาร์เจนตินารายงานการตายของสิงโตทะเลในหลายพื้นที่ตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ทางใต้ของเมืองหลวงบัวโนสไอเรสไปจนถึงซานตาครูซใกล้ปลายสุดทางใต้ของทวีป "มีการสุ่มตรวจตัวอย่างซากสิงโตทะเลเหล่านั้นกว่า 50 ตัวอย่าง และพบว่ามีอาการที่สอดคล้องกับโรคไข้หวัดนก" คำแถลงจากหน่วยงานฯระบุ ทางการได้ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงชายหาดตามแนวชายฝั่งยาวประมาณ 5,000 กิโลเมตรของอาร์เจนตินาซึ่งมีรายงานการติดเชื้อ สิงโตทะเลเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล เช่นเดียวกับแมวน้ำและวอลรัส โดยตัวผู้ที่โตเต็มวัยจะมีน้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม โดยทั่วไปแล้ว ไข้หวัดนกเอชไฟว์เอ็นวัน (H5N1) จะจำกัดเฉพาะการระบาดตามฤดูกาล แต่ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา มีผู้ป่วยเกิดขึ้นตลอดทั้งปีและทั่วโลก นำไปสู่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีรายงานสิงโตทะเลหลายร้อยตัวเสียชีวิตในเปรูเมื่อต้นปีนี้ จากการระบาดของไวรัสที่ได้ทำลายประชากรนกทั่วอเมริกาใต้ ไข้หวัดนกซึ่งแพร่กระจายตามธรรมชาติ สามารถแพร่เชื้อไปยังสัตว์ปีกในบ้านได้ด้วยเช่นกัน และโดยทั่วไปแล้วไวรัสไข้หวัดนกจะไม่แพร่เชื้อในมนุษย์ แม้ว่าจะมีกรณีที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักก็ตาม อย่างไรก็ตาม การระบาดได้แพร่เชื้อไปยังสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิด เช่น ตัวมิงค์และแมวที่เลี้ยงในฟาร์ม จนทำให้องค์การอนามัยโลกออกคำเตือนเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า ภาวะที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยให้ไวรัสปรับตัวเข้ากับการติดเชื้อในมนุษย์ได้ง่ายขึ้นและเกิดความกังวลว่ามันจะแพร่กระจายในหมู่มนุษย์อย่างรวดเร็วในวันใดวันหนึ่ง "สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิดอาจทำหน้าที่เป็นพาหะสำหรับการผสมพันธุ์ไวรัส ทำให้เกิดไวรัสใหม่ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสัตว์และมนุษย์มากขึ้นกว่าเดิม" องค์การอนามัยโลก ระบุในแถลงการณ์. https://www.thaipost.net/abroad-news/440234/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
![]()
ขอบคุณข่าวจาก อสมท.
กองทัพปูทหารนับล้านตัว เดินพาเหรดหากินหาดสำราญ ตรัง 30 ส.ค. ? Amazing หาดสำราญ นักท่องเที่ยวแห่ชมกองทัพปูทหารสีสันสวยงามนับล้านตัวออกหากินหลังน้ำลด ระยะทางยาว 3-4 กิโลเมตร ตามแนวชายหาด อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ![]() ชายหาดสำราญ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ช่วงนี้มีบรรดานักท่องเที่ยวและชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่ ต่างพาบุตรหลานไปชมฝูงปูทหารนับล้านตัว ที่ออกมาหากินซากพืชซากสัตว์ ดินเค็ม และแพลงตอนขนาดเล็ก หลังน้ำทะเลลดลงต่ำสุด โดยจะพบได้ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นทุกวัน วันละ 2 เวลาในช่วงข้างขึ้น ตั้งแต่ 9 ค่ำถึงวันแรม 3 ค่ำ และพบมากตลอดแนวชายหาดเป็นระยะทางยาว 3-4 กิโลเมตร จอดรถริมชาดหาดจุดไหนก็เจอฝูงปูทหารตรงจุดนั้น สร้างสีสันและความประทับใจให้กับผู้พบเห็นได้เป็นอย่างมาก ถือเป็นอะเมซิ่งหาดสำราญในช่วงนี้ ฝูงปูทหารหากินเป็นกลุ่มก้อน และเดินเรียงแถวเป็นแนวยาวตลอดแนวชายหาด อย่างไม่ค่อยกลัวคน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวมาล่า ทำร้าย หรือทำให้ตื่นตกใจ ปูทหารจึงคุ้นเคยกับผู้คนมากขึ้น หากนั่งรอ 1-2 นาที ปูทหารจะเริ่มนิ่ง และออกมาหากิน โชว์ก้ามสีสันสดใส มีทั้งสีส้มอมเหลือง สีขาวนวล สีเหลืองและสีแดง ให้ได้เห็นกันอย่างชัด ๆ นอกจากจะสร้างความสวยงามให้กับแนวชายหาดแล้ว ยังสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์และความใสสะอาด ปราศจากมลพิษทางทะเล จนทำให้ประชากรปูทหารมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี นายโรจ เก้าเอี้ยน รองนายก อบต.หาดสำราญ บอกว่า ปูทหารมีจำนวนเพิ่มขึ้น คิดว่าน่าจะเกิดจากความอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านก็ไม่มีใครไปจับ เป็นปูที่หากินตามหน้าหาด ไม่สามารถนำมาทำอาหารได้ ถ้าน้ำลงจะเจอทุกวัน วันละ 2 รอบ แต่แนะนำให้มาดูตอนเย็นจะดีกว่า . https://tna.mcot.net/region-1231023
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|