#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศแปรปรวน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับลมตะวันออกยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 11 ? 16 ก.พ. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังอ่อนปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้มีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ในขณะที่ในช่วงวันที่ 11 ? 13 ก.พ. 65 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกบางแห่งเกิดขึ้นได้ สำหรับลมตะวันออกพัดปกคลุมภาคใต้ ตลอดช่วง ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ไว้ด้วยตลอดช่วง ส่วนในช่วงวันที่ 11 ? 16 ก.พ. 65 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ที่จะเกิดขึ้นไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ 2565)" ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ในช่วงวันที่ 11?13 กุมภาพันธ์ 2565 คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาจะเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงฟ้าผ่าที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ วันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ 2565 ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดลพบุรี และสระบุรี ภาคตะวันออก: จังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
วาฬเพชฌฆาต สอนวิธีขโมยปลาจากประมง (Credit : CCO Public Domain) คนทำประมงรู้มานานแล้วว่าวาฬเพชฌฆาตที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล ไม่เกรงกลัวที่จะว่ายน้ำเข้าไปในพื้นที่ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่เพื่อขโมยปลาจากสายเบ็ดหรืออวน หรือกินซากปลาที่ทิ้งหลังจากที่ถูกควักไส้ออกแล้ว แต่ก็สร้างความสงสัยว่า กิจกรรมขโมยปลาของวาฬเพชฌฆาตนั้นเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากการหาเหยื่อด้วยตัวมันเองยากขึ้นเรื่อยๆ มีการวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ว่าวาฬเพชฌฆาตในพื้นที่นอกชายฝั่งของหมู่เกาะโครเซต ในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ชอบกินปลาหิมะ (Patagonian toothfish) ล่าสุด ทีมนักวิจัยนานาชาตินำโดยมหาวิทยาลัยดีกิน ในออสเตรเลีย เผยแพร่งานวิจัยลงในวารสาร Biology Letters เกี่ยวกับการศึกษานิสัยการกินอาหารของวาฬเพชฌฆาต ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวระหว่างปี พ.ศ.2553-2560 เนื่องจากสงสัยว่ามีวาฬเพชฌฆาตจำนวนมากเข้าไปยังพื้นที่แห่งนี้เพื่อขโมยปลา หรือมีวาฬพวกเดียวกันอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนั้นแล้วสอนกันให้ขโมยปลา ทีมเผยว่าได้ศึกษาภาพถ่ายของวาฬที่ชาวประมง นักวิทยาศาสตร์ และนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นถ่ายไว้ ผลการวิจัยระบุว่า จำนวนวาฬเพชฌฆาตในพื้นที่นอกชายฝั่งหมู่เกาะโครเซต ได้เพิ่มจำนวนขึ้นจาก 17 ตัว เป็น 43 ตัว อีกทั้งยังพบว่าเจ้าวาฬเพชฌฆาตเหล่านี้มีการสอนกันและกันถึงวิธีการขโมยปลาและซากเหลือทิ้งของปลาจากการทำประมงของมนุษย์. https://www.thairath.co.th/news/foreign/2311641
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
เก็บกู้บกพร่อง! น้ำมันรั่วรอบ 2 เหตุตกค้างท่ออ่อน 5,000 ลิตร รองผู้ว่าฯระยอง สรุปผลสอบสวนน้ำมันรั่วทะเลระยองรอบแรกที่ตัวเลขยังคลาดเคลื่อน ชี้ 3 วิธีคำนวณพบค่าเฉลี่ย47,000-55,900 ลิตร ส่วนวันนี้เกิดน้ำมันรั่วซ้ำ เกิดจากน้ำมันเก่าค้างท่ออ่อนที่เคยมีปัญหาเมื่อ 25 ม.ค.ชี้การเก็บกู้เกิดความบกพร่อง วันนี้ (10 ก.พ.65) เมื่อเวลา 16.00 น.ว่าที่ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีปริมาณน้ำมั่นรั่วมาบตาพุด จ.ระยอง ของบริษัทสตาร์ปิโตรเลี่ยม กล่าวว่า จากผลการสอบสวนปริมาณน้ำมันรั่วลงทะเลบมาตาพุดช่วงวันที่ 25-26 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีตัวเลขที่สับสนและสร้างความกังวลใจกับสังคม ทำให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา มีตัวเองเป็นประธานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการตรวจสอบโดยใช้การคำนวณเทียบจากน้ำมั่นที่ดิบที่ขนถ่าย เรือขนถ่ายกับถังรับ 2.ภาพถ่ายทางอากาศของจิสด้า เพื่อคำนวณความหนา และ3.การคำนวณน้ำมันรั่วทางวิศวกรรม ทำให้ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบนาน "ผลสอบสวนน้ำมันรั่วระยองรอบแรก มีตัวเลข 47,000-55,900 ลิตร เพราะไม่สามารถคำนวณเรื่องการค้างท่อ แรงดันในการแตกลักษณะแบบไหน แม้จะไม่ฟันธง 90-100 % แต่ก็อยู่ในค่าตัวเลขดังกล่าวที่เชื่อถือได้" ชี้รั่วซ้ำเหตุจากน้ำมันค้างท่ออ่อน 5,000 ลิตร รองผู้ว่าฯ ระยอง กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์น้ำมันรั่ววันนี้ ที่มีรายงาน 5,000 ลิตร พบว่าสาเหตุมามาจากรอยที่ท่ออ่อนที่มีน้ำมันจากการรั่วรอบแรกค้างอยู่ในท่อ เมื่อมีการยกท่ออ่อนขึ้นมา จะมีน้ำมันค้างท่อและรั่วไหลออกมาอีกครั้ง ตามข้อสันนิษฐานว่าเชื่อว่าจะเอาอยู่ เพราะเป็นน้ำมันจางๆที่ค้างท่อต่อรั่วออกมาประมาณ 5,000 ลิตร "ไม่มั่นใจหลักวิชาการเก็บกู้ทางวิศวกรรม และการเก็บแต่เขาคงประเมินมาแล้ว แต่อาจเกิดความบกพร่อง ทำให้มีน้ำมั่นรั่วออกมา และยังไม่สรุปว่าจะคุมได้ภายใน 1-2 วันนี้แต่มีการส่งเรือ และเฮลิคอปเตอร์ลงไปแล้ว" เมื่อถามว่ามีโอกาสจะมีคราบน้ำมันพัดเข้าฝั่งหรือไม่ รองผู้ว่าฯระยอง กล่าวว่า จากการรายงานพบว่าจุดที่น้ำมันรั่วห่างชายฝั่ง 20 กม. ตอนนี้มีเรือ 9 ลำลงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ ระดมกันเต็มที่ ถึงจะไม่น่ากังวล แต่ไม่ประมาท เบื้องต้น ทางปภ.จะพิจารณาประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติโดยใช้ประกาศฉบับเดิม ส่วนการเยียวยาประชาชน 4-5 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่วครั้งแรก ทางบริษัทมีการทำแผนและรายละเอียดการเยียวยา ซึ่งมีความชัดเจนแล้วคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ก็จะชัดเจน https://news.thaipbs.or.th/content/312576
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|