#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป หย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องความร้อนปกคลุมภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ในขณะที่ลมตะวันออกเฉียงใต้และลมใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนยอดดอยและยอดภูยังคงมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด สำหรับภาคใต้และอ่าวไทยมีลมตะวันออกพัดปกคลุม ทำให้มีฝนน้อย อนึ่ง วันที่ 25-26 ก.พ. 2564 ลมตะวันตกในระดับบนพัดพาอากาศเย็นจากประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุมภาคเหนือ จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียสในตอนเช้า กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆบางส่วน กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 24 - 27 ก.พ. 64 ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ในขณะที่ในช่วงวันที่ 25 - 26 ก.พ. 64 จะมีลมตะวันตกในระดับบนพัดพาความหนาวเย็นจากประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในตอนเช้า หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 28 ก.พ. - 1 มี.ค. 64 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังอ่อนทำให้ภาคใต้มีฝนน้อยตลอดช่วง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 24 - 27 ก.พ. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และระมัดระวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย และในช่วงวันที่ 28 ก.พ. - 1 มี.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ฮือฮามุกเมโล แท้ 90.10 กะรัต กุ๊กเมืองพัทยาเก็บไว้นาน 10 ปี ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 กุ๊กหนุ่มใหญ่เมืองพัทยา ซื้อหอยกระโจงโดงเหลืองมาต้มกิน เจอ "มุกเมโล" เม็ดเป้งเลยเก็บไว้บนหิ้งพระร่วม 10 ปี ก่อนส่งตรวจสถาบันอัญมณีแห่งชาติ ตะลึงเป็นของแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำหนัก 90.10 กะรัต ส่วนที่เมืองตรัง มุกเมโลโผล่อีกเม็ด หลังพบในหอยโข่งทะเลเมื่อ 2 ปีก่อน เจ้าของรอส่งตรวจพิสูจน์ มั่นใจเป็นของแท้แน่นอน ลั่นพร้อมขายหากให้ราคาดี กุ๊กหนุ่มใหญ่เฮลั่นพบมุกเมโลหายากของแท้ครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 23 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปฏิพัทธ์ หัตถดล อายุ 57 ปี เดินทางมาลงบันทึกประจำวันที่ สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังนำไข่มุกสีส้ม หรือมุกเมโล ที่ได้มาและเก็บไว้นานร่วม 10 ปี ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) สำนักงานใหญ่ เขตบางรัก กรุงเทพฯ ปรากฏผลการตรวจสอบพบเป็นมุกเมโลของแท้ที่เกิดจากธรรมชาติในหอยหายาก 100 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำหนัก 90.10 กะรัต ทางศูนย์ได้ออกใบรับรองมาให้เพื่อเป็นการยืนยัน สำหรับไข่มุกเมโลของนายปฏิพัทธ์เม็ดนี้ มีขนาดใหญ่กว่ามุกเมโลของนายมลเทียร จันสุข โชเฟอร์รถหัวลาก ที่พบในพื้นที่แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพราะมุกเม็ดนั้นมีน้ำหนักเพียง 65.57 กะรัต เท่านั้น จากการตรวจสอบมูลค่าซื้อขายที่มีการประเมินในท้องตลาดทั่วไป พบมีราคาประมาณ 20,000-70,000 บาท ต่อ 1 กะรัต ขึ้นอยู่กับคุณภาพของมุก นายปฏิพัทธ์ เจ้าของมุกเมโลเม็ดเป้งให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า มีอาชีพเป็นกุ๊กประจำห้องอาหารในเมืองพัทยา ไข่มุกเมโลเม็ดนี้พบมานานตั้งแต่ปี 2554 ได้ซื้อหอยกระโจงโดงเหลืองที่ตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ มาทำอาหาร แต่เมื่อแกะเนื้อหอยออกได้พบลูกกลมๆส่องประกายสีส้ม ตอนแรกคิดว่าเป็นลูกตะกั่วถ่วงน้ำหนักให้หอยหนักขึ้น ลองใช้มีดเจาะแต่เจาะไม่เข้าเพราะแข็งมาก เข้าใจว่าเป็นมุกในหอยแต่ไม่รู้ว่ามีค่ามากน้อยเพียงใด ตัดสินใจเก็บไว้บนหิ้งพระ ต่อมาเมื่อช่วงต้นปีเห็นข่าวการพบมุกเมโลล้ำค่าในเมืองไทย เอะใจลองหยิบมุกที่เก็บไว้ออกมาดูพบมีลักษณะคล้ายกัน รีบหาข้อมูลก่อนจะส่งไปตรวจที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีฯ ปรากฏว่าเป็นของจริง 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมออกใบรับรองให้ จากนั้นได้นำมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำไปเก็บไว้ในเซฟที่ธนาคาร ไข่มุกเมโลเม็ดนี้ เคยมีคนติดต่อขอซื้อ แต่ยังไม่ได้ตกลงราคา ถ้ามีใครให้ราคาดี จะปรึกษาครอบครัวว่าจะขายหรือไม่ วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 45 บ้านป่าเตียว ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อขอดู ?มุกเมโล? จากนายวิรัตน์ แสนรักเลิศภักดี หรือโกรัตน์ อายุ 49 ปี อาชีพเปิดร้านขายขนม และเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว หลังทราบว่าได้พบอัญมณีแห่งท้องทะเล จากการตรวจสอบพบว่ามีขนาดเท่าไข่มุกทั่วไป สีส้มอร่าม นายวิรัตน์อ้างว่า เมื่อกลางปี 2562 ซื้อหอยโข่งทะเล 4-5 ตัว จากตลาดสดเทศบาลเมืองกันตัง ในราคา 100 บาทเศษ มาต้มทำกับแกล้มกินกับเพื่อนและครอบครัว ขณะหั่นเนื้อหอย 1 ใน 5 ตัว พบมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายในเนื้อ ลักษณะเป็นเม็ดมุกกลม แข็ง สีส้ม แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คิดเพียงว่าเป็นมุกที่แปลกดี ตั้งใจจะเก็บเอาไว้ทำหัวแหวนสวมใส่ กระทั่งผ่านมา 2 ปี ปรากฏว่ามีการนำเสนอข่าวทางสื่อมวลชนว่า มีผู้พบมุกเมโล ราคาสูง เมื่อนำมุกที่เก็บไว้มาเปรียบเทียบพบมีลักษณะคล้ายกันมาก ได้แจ้งสื่อมวลชนให้ช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้มีความรู้เข้ามาตรวจสอบว่าเป็นของแท้หรือไม่ "ส่วนตัวมั่นใจว่าเป็นของแท้ 80 เปอร์เซ็นต์ และพร้อมจะขายหากมีใครมาขอซื้อ และตกลงราคาที่พึงพอใจ ก่อนหน้านี้เคยถ่ายภาพเม็ดมุกเมโลไปโพสต์ลงในสื่อโซเชียล ปรากฏว่ามีคนมาขอซื้อในราคา 20,000 บาท แต่ยังไม่ขายเนื่องจากเป็นราคาที่ต่ำเกินไป เพราะดูจากในข่าวมีราคาที่สูงมากกว่าเป็นหลักล้านบาท รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้ของมีค่าหายากไว้ในครอบครอง หากขายได้จริงจะนำเงินมาแบ่งกันในเครือญาติ" นายวิรัตน์กล่าว https://www.thairath.co.th/news/local/east/2038649
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ตะลึง! "เปลือกหอยกระโจงโดงบิดซ้าย" พบได้เพียง 1 ในล้าน ซื้อขายราคาหลักแสน นครศรีธรรมราช - แม่ค้าส่งหอยกระโจงโดงเผยหอยผ่านมือนับแสนตัว ไม่เคยพบ "ไข่มุกเมโล" อันโด่งดัง แต่มีทีเด็ดคือ "เปลือกหอยกระโจงโดงบิดซ้าย" ซึ่งอาจพบได้เพียง 1 ในล้านตัวเท่านั้น ซื้อขายราคานับแสนบาท หลังจากที่ "ไข่มุกเมโล" ไข่มุกธรรมชาติที่ได้จากตัวหอยกระโจงโดง ที่หาได้ยากกลายเป็นข่าวโด่งดัง และเป็นที่ต้องการของผู้คาดหวังอย่างมาก ทั้งที่ จ.ชลบุรี และที่ จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุด วันนี้ (23 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามบรรยากาศที่แพปูซันมา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลหัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช โดยแพปูแห่งนี้ยังคงเป็นแหล่งรับซื้อ "หอยกระโจงโดง" จากชาวประมงเป็นปกติ แม้หอยชนิดนี้จะกำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง หลายพื้นที่มีราคาสูงขึ้น แต่ที่นี่หอยชนิดนี้ในท้องถิ่นจะเรียกว่า "หอยโข่งทะเล" นอกจากไข่มุกเมโลที่ได้จากหอยกระโดง หรือหอยโข่งทะเลชนิดนี้แล้ว หอยกระโจงโดงอีกประเภทจะมีราคาแพงมาก และนี่คือหอยกระโจงโดงที่ว่าจะมีลักษณะผิดแปลกไปจากหอยทั่วไป ลักษณะของวงก้นหอยทุกชนิดจะมีลักษณะที่ "วนขวา" ไปในทางเดียวกัน แต่ในล้านตัวอาจมีเพียง 1 ตัวที่แปลกไปจากพวก กล่าวคือ จะมีลักษณะของวงก้นหอย "วนซ้าย" หรือบิดซ้ายแตกต่างไปจากหอยทั่วไป ส่งผลให้เปลือกหอยชนิดนี้มีราคาสูงมากถึงหลักแสนบาท หรือหลายแสนบาท แล้วแต่สภาพของเปลือกหอยที่ว่า นางมารีเก๊าะ ศรีอุทัย เจ้าของแพปูซันมา เปิดเผยว่า ตั้งแต่เปิดกิจการรับซื้อหอยแกะเนื้อส่งขายมาร่วม 10 ปี คาดว่าหอยกระโจงโดง หรือหอยโข่งทะเล ผ่านมือไปแล้วหลายแสนตัว หรืออาจเป็นล้านตัว ยังไม่เคยพบไข่มุกเมโลในตัวหอยแม้แต่ตัวเดียว แต่ที่พบแล้ว 2-3 ตัว คือ หอยกลับด้าน หรือหอยบิดซ้าย ซึ่งเป็นหอยที่หาได้ยากมาก โดยแต่ละตัวหากมีสภาพสมบูรณ์จะมีราคาหลักแสนบาท หรือหลายแสนบาท แล้วแต่ขนาด และสภาพ ส่วนผู้ซื้อจะเป็นบรรดาพ่อค้าแม่ค้านักสะสมจะซื้อไป ส่วนตัวที่เห็นนั้นมีราคาต่อรองอยู่ที่หลักแสนบาท แต่ยังไม่ตัดสินใจขาย สำหรับธุรกิจหอยกระโจงโดงของนางมารีเก๊าะ จะมีการรับซื้อหอยกระโจงโดง หรือหอยโข่งทะเล หอยโนรี หอยยักษ์ นำมาแกะเนื้อส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ส่วนเปลือกจะมีการจำหน่ายผู้ผลิตของที่ระลึก และผู้ผลิตเครื่องมือกับดักหมึกสาย ในจังหวัดแถบชายฝั่งทะเลทั้งอ่าวไทย และอันดามัน https://mgronline.com/south/detail/9640000018045 ********************************************************************************************************************************************************* ช่วยวาฬนำร่อง 49 ตัวเกยตื้น! ที่อ่าวโกลเด้น นิวซีแลนด์ เผยแพร่: 24 ก.พ. 2564 00:09 ปรับปรุง: 24 ก.พ. 2564 00:09 โดย: เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย กำลังเร่งช่วยเหลือชีวิตวาฬนำร่องหลายสิบตัวที่เกยตื้นบริเวณชายฝั่งของอ่าวโกลเด้น ประเทศนิวซีแลนด์ (เมื่อเช้าวันจันทร์ 22 ก.พ.2021) เจ้าหน้าที่กรมอนุรักษ์ (DOC) กล่าวว่าวาฬเกยตื้นทั้งหมด เป็นวาฬนำร่องครีบยาว จำนวน 49 ตัว ถูกพบในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ Farewell Spit ซึ่งเป็นแหลมยาว 26 กิโลเมตรที่อ่าวโกลเด้น อยู่ห่างจากเมืองท่องเที่ยว Nelson ทางตอนใต้ประมาณ 90 กิโลเมตร (55 ไมล์) ซึ่งในช่วง 15 ปีอ่าวแห่งนี้พบวาฬเข้ามาเกยตื้นประมาณ 10 ตัว ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พบว่ามีวาฬ 9 ตัวตาย เนื่องจากคลื่น น้ำหนักตัว สภาพอากาศ ทำให้ช่วยเหลือไม่ทัน เจ้าหน้าที่ 60 คนกำลังทำงานเพื่อช่วยเหลือพวกมัน ส่วนสาเหตุของการเกยตื้นคาดว่ามาจากสภาพน้ำขึ้นน้ำลง อ่าวตื้นเขิน ทำให้วาฬคำนวณทิศทางผิด การช่วยเหลือวาฬเกยตื้น โดยเจ้าหน้าที่ DOC โดยพยายามให้วาฬมีอุณหภูมิลดลงและตัวเปียก เพื่อให้มันพร้อมที่จะลอยตัวขึ้นตอนที่ระดับน้ำสูงขึ้น ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ไม่แน่ใจว่าเหตุใดชายหาดจึงมีอันตรายถึงตาย แม้ว่าทฤษฎีหนึ่งก็คือการคายน้ำทำให้ก้นทะเลตื้นในอ่าวซึ่งรบกวนระบบโซนาร์นำทางของปลาวาฬ ทั้งนี้ วาฬนำร่องเป็นสัตว์จำพวกวาฬที่อยู่ในสกุล Globicephala สองสายพันธุ์ที่ยังหลงเหลืออยู่คือวาฬนำร่องครีบยาวและวาฬนำร่องครีบสั้น ทั้งสองไม่สามารถแยกแยะได้ทันทีในทะเลและการวิเคราะห์กะโหลกศีรษะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการแยกแยะระหว่างชนิด https://mgronline.com/greeninnovatio.../9640000018189
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ลูกฉลามหน้าเหมือนคน ที่แท้กลายพันธุ์ ชาวบ้านแห่ดู ขอซื้อก็มี ลูกฉลามหน้าเหมือนคน ? เดลีเมล์ รายงานเบื้องหลังภาพลูกฉลามที่ประมงอินโดนีเซียจับได้ หน้าตาเหมือนคน เนื่องจากกลายพันธุ์ นายอับดุลเลาะห์ นูเรน อายุ 48 ปี ออกหาปลาใกล้เขตโรเท เอ็นดาว จังหวัดนูซาเติงการาตะวันออก บังเอิญอวนไปลากติดฉลามมาตัวหนึ่ง วันต่อมาเมื่อผ่าท้องพบว่ามีลูกอยู่ 3 ตัว ตัวหนึ่งสะดุดตามาก เพราะหน้าเหมือนมนุษย์ เหมือยมีดวงตาดวงใหญ่อยู่ด้านหลังจมูกมัน "ผมจับตัวแม่มันได้ก่อน มันติดอวนมา พออีกวันผมก็ผ่าท้องมัน เจอลูก 3 ตัวในท้อง ปรากฏว่า 2 ตัวก็หน้าตาเหมือนแม่มันนั่นแหละ แต่ตัวที่สาม มันหน้าเหมือนคนมาก" นายนูเรนกล่าว ประมงรายนี้นำซากลูกฉลามกลับบ้าน เพื่อจะได้ช่วยดองเก็บไวเ เพื่อนบ้านแห่มาดูกันมาก และเสนอว่าอยากจะซื้อไป แต่นายนูเรนไม่ขาย "บ้านผมคนแน่นเลย เพราะอยากจะมาดูฉลาม หลายคนบอกขอซื้อได้ไหม ผมบอกว่าผมขอเก็บรักษาไว้ดีกว่า เชื่อว่าจะนำโชคดีมาให้ผม" นายนูเรนกล่าว https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6014974
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
ตื่นตาฝูงโลมา8ตัว! ว่ายน้ำอวดโฉมอ่าวนุ้ย เขตอุทยานฯหมู่เกาะพีพี 22 กุมภาพันธ์ 2564 คลิปฝูงโลมาโผล่อวดโฉมให้นักท่องเที่ยว บริเวณอ่าวนุ้ยเกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ระหว่างนักท่องเที่ยงนั่งเรือสปีดโบ๊ทไปหมู่เกาะพีพีและเกาะไม้ไผ่ เมื่อช่วงเช้าและช่วงบ่ายวันนี้ (22 ก.พ.) สร้างความตื่นเต้นแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก โดยฝูงโลมาดังกล่าว มีอยู่ประมาณ 7-8 ตัว ขนาดตั้งแต่ 1.5 -2เมตร ว่ายน้ำอวดโฉมให้เห็นในระยะใกล้ ท่ามกลางน้ำทะเลใส นักท่องเที่ยวไม่รอช้าต่างหยิบโทรศัพท์ถ่ายภาพฝูงโลมา โผล่ดำผุดดำว่ายให้นักท่องเที่ยวเห็นอยู่นานประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะว่ายน้ำหายไปในทะเลลึก นายปองพล โมฬี เจ้าของเรือซีอีเกิ้ลทัวร์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวคนไทย จำนวน 6 คน ได้เช่าเหมาลำเรือสปีดโบ๊ท ของบริษัท 1 ลำ เพื่อไปท่องเที่ยวที่บริเวณหมู่เกาะพีพี ระหว่าง ไปถึงที่บริเวณอ่าวนุ้ย ปรากฏว่าพบฝูงโลมา เวียนว่ายกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ ประมาณ 7-8 ตัว เกาะกลุ่มกันไป สร้างความตื่นเต้นแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จากนั้นไกด์นำเที่ยวจึงให้คนขับเรือวนเวียนอยู่สักพักเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป ก่อนทีจะเดินทางไปท่องเที่ยวจุดอื่นๆ ซึ่งทริปดังกล่าวสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก และไกด์นำเที่ยวได้นำคลิปมาเผยแพร่ ในเพจ Krabi Travel Guide by Sea eagle tour เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลกระบี่ และการที่ได้เจอโลมาแบบใกล้ชิด นับว่าโชคดีมากๆ https://www.naewna.com/channel/554641
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|