#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 2 กรกฏาคม 2565
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 6 ก.ค. 65 อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง "ชบา" (CHABA) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 2?3 ก.ค. 65 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 1 ? 2 ก.ค. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 - 3เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 3 ? 7 ก.ค. 65 ร่องมรสุมจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศเมียนมาและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อนึ่ง พายุโซนร้อนกำลังแรง "ชบา" มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 2?3 ก.ค. 65 โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย ข้อควรระวัง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดอกจากฝั่งจนถึงวันที่ 6 ก.ค. 65 ****************************************************************************************************** ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุโซนร้อนกำลังแรง "ชบา" (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2565)" ฉบับที่ 10 ลงวันที่ 02 กรกฎาคม 2565 เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (2 ก.ค. 65) พายุโซนร้อนกำลังแรง "ชบา" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 20.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 111.9 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 17 กม./ชม. คาดว่าในช่วงวันที่ 2?3 ก.ค. 65 จะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย อนึ่ง ในวันที่ 2 ก.ค. 65 ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 6 ก.ค. 65 จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้ ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน และอุตรดิตถ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
?ยุทธพล? สร้างแนวร่วมอนุรักษ์ทะเล ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดการประชุมความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของชุมชนชายฝั่งและอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ครั้งที่ 2 ที่ อบต.แหลมผักเบี้ย ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ว่า หน้าที่ของอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล (อสทล.) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีจิตอาสา มีใจรักทรัพยากรธรรมชาติ สมัครเข้ามาเป็น อสทล.มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือการปฏิบัติงานราชการกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการอนุรักษ์ สงวน คุ้มครองและฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในท้องถิ่น อีกทั้งช่วยสร้างความตระหนักให้ภาคประชาชนรับรู้สภาพปัญหาด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของท้องถิ่น รวมถึงการกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้อง รักษาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่หรือในชุมชนของตน ตลอดจนเป็นกำลังสำคัญในการประชาสัมพันธ์ รับแจ้งข่าวสารและเบาะแสการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย ที่ปรึกษา รมว.ทส.กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ทส.ได้ผลักดันให้การแก้ปัญหาขยะทะเลเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีความพยายามใช้มาตรการทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ เช่น การผลักดันการทดลองเก็บค่าใช้ถุงพลาสติก การออกมาตรการลดปริมาณขยะที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย การจัดทำและพัฒนาระบบฐานข้อมูลขยะทะเล การสนับสนุนโครงการอาสาสมัครเก็บขยะใต้ทะเลควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทางคือ การไม่สร้างขยะใหม่เพิ่ม การลดการผลิตขยะต้นทางแทนการสร้างเตาเผาหรือบ่อฝังกลบกำจัดขยะ ตลอดจนแก้ปัญหาในเชิงรุก ด้วยการส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ให้กับชุมชนชายฝั่งทั่วประเทศ ในการคัดแยกขยะอย่างถูกต้องและปลอดภัย เป็นต้น. https://www.thairath.co.th/news/loca...0wJnJ1bGU9MA== ****************************************************************************************************** ค้นพบซากเรือพิฆาตของสหรัฐฯในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเร็วๆนี้ทีมนักสำรวจชาวอเมริกันและบริษัทสำรวจในอังกฤษเปิดเผยการค้นพบซากเรือของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่จมลงใต้ทะเลในสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นซากเรือที่อยู่ลึกที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ โดยอยู่ที่ระดับความลึกราว 6.9 กิโลเมตรนอกชายฝั่งฟิลิปปินส์ ซากเรือดังกล่าวถูกระบุว่าเป็นเรือพิฆาต ยูเอสเอส ซามูเอล บี โรเบิร์ตส (USS Samuel B. Roberts) หรือที่รู้จักในชื่อ ?แซมมี บี? (Sammy B) ด้านบริษัทคาลาดัน โอเชียนิก ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีทางทะเลที่ตั้งอยู่ในเมืองดัลลัสในสหรัฐฯ เผยว่า นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบเรือรบที่มีชื่อเสียงอย่างไม่น่าเชื่อลำนี้ ขณะที่การจมอยู่ที่ความลึก 6.9 กิโลเมตร ส่งผลให้ทำลายสถิติของซากเรือยูเอสเอส จอห์นสตัน ที่จมในพื้นที่เดียวกัน โดยอยู่ที่ระดับความลึกราว 6.5 กิโลเมตร ทั้งนี้ เรือทั้ง 2 ลำมีส่วนสนับสนุนชัยชนะของสหรัฐอเมริกาในยุทธการที่เมืองซามาร์ในเดือน ต.ค.2487 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธนาวีที่อ่าวเลย์เต ได้รับการขนานนามว่าเป็นการรบทางเรือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะแม้จะไร้อาวุธ แต่เรือแซมมี บี ก็โจมตีกองเรือของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่นำโดยเรือรบยามาโตะ ซึ่งเป็นเรือประจัญบานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา ก่อนที่แซมมี บี จะจมลงใต้กองเพลิงในทะเลฟิลิปปินส์ และได้ชื่อว่าเป็นเรือพิฆาตคุ้มกันที่ต่อสู้เหมือนเรือประจัญบาน โดยในบรรดาลูกเรือ 224 คน มี 89 คนเสียชีวิตในครั้งนั้น. https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/2433146 ****************************************************************************************************** อย่างกับหนังไททานิค เรือสำราญพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งเสียหาย เกิดเหตุไม่คาดคิดกับเรือสำราญนอร์วีเจียน ซัน เมื่อจู่ๆ ก็ล่องไปชนกับภูเขาน้ำแข็งใกล้อะแลสกา จนเรือได้รับความเสียหาย ยังเคราะห์ดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เรือสำราญนอร์วีเจียน ซัน ต้องยกเลิกทริปล่องเรือไปยังอะแลสกานาน 9 คืนกะทันหัน หลังจากประสบอุบัติเหตุชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งบริเวณชายฝั่งอะแลสกาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตามเวลาในท้องถิ่น จนเรือได้รับความเสียหาย ทำให้กัปตันต้องตัดสินใจหันหัวเรือกลับเข้าฝั่งที่เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามนับว่ายังโชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ และมีผู้โดยสารบนเรือสามารถถ่ายคลิปวิดีโอ ขณะที่ฝั่งด้านหน้าขวาของเรือชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งด้วย ซึ่งคลิปนี้กลายเป็นคลิปไวรัลในโลกออนไลน์ และถูกพูดถึงว่ามีความคล้ายคลึงกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเรือไททานิค เพียงแต่เหตุการณ์ล่าสุดนี้ไม่ได้ทำให้เรือสำราญขนาดยักษ์อับปางลง และมีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด ภูเขาน้ำแข็งที่ปะทะกับเรือครั้งนี้ นับว่าเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดเล็ก โดยมองเห็นส่วนของยอดน้ำแข็งลอยเหนือน้ำกว้างไม่ถึง 3.3 ฟุต หรือราว 1 เมตรเท่านั้น แต่มีขนาดน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำกว้างราว 6.6 ฟุต หรือประมาณ 2 เมตร ทำให้ความเสียหายที่เกิดกับเรือไม่รุนแรงมากนัก แต่เพื่อความปลอดภัยก็จำเป็นต้องร่นระยะเวลาในการล่องเรือลง เพื่อให้มีการตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียดก่อน สำหรับสาเหตุเบื้องต้นทางโฆษกของเรือสำราญนอร์วีเจียนระบุว่า ในช่วงเกิดเหตุมีหมอกลงหนาจัด ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นย่ำแย่ จนทำให้เรือไปชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งแต่ก็เป็นการปะทะที่ไม่รุนแรงมากนัก เพราะเรือล่องมาด้วยความเร็วค่อนข้างต่ำ โดยผู้โดยสารที่ถูกยกเลิกทริปจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน และยังให้เครดิตพิเศษสำหรับการใช้บริการครั้งต่อไปเพื่อเป็นการชดเชย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับเรือสำราญที่ล่องเข้าไปในทะเลที่มีธารน้ำแข็งอยู่ใกล้เคียง เพราะมักจะเกิดการแยกตัวของก้อนน้ำแข็งและลอยออกมาในทะเล โดยกัปตันเรือจะมองเห็นภูเขาน้ำแข็งเหล่านี้ล่วงหน้าในระยะไม่เกิน 1,000 ฟุต หรือราว 300 เมตรเท่านั้น. ที่มา : เอบีซีนิวส์ https://www.thairath.co.th/news/foreign/2433730
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ตะลึง! ญี่ปุ่นพบ "ปลาใต้ทะเลลึก" สุดยอดนักล่าที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกและอยู่ใต้ทะเลลึกกว่า 2,000 เมตร ภาพจาก Jamstec.go.jp ญี่ปุ่นเผยภาพปลาใต้ทะเลลึกสายพันธุ์ใหม่ "นาร์เซเตส โชนัน" ซึ่งค้นพบเมื่อปีที่แล้วในอ่าว Suruga นอกชายฝั่งของจังหวัด Shizuoka เป็นปลา Teleost ใต้ทะเลลึกที่ใหญ่ที่สุดที่อาศัยอยู่ที่ความลึก 2,000 เมตร หรือมากกว่านั้น เฟซบุ๊กเพจครบเครื่องเรื่องญี่ปุ่น โพสต์ข้อความว่า ปลาทะเลน้ำลึก "Narcetes shonan" ถูกค้นพบโดยหน่วยงาน Japan Agency for Marine-Earth Science and Technology (JAMSTEC) ในอ่าว Suruga นอกชายฝั่งจังหวัด Shizuoka และได้รับการจดทะเบียนเป็นสายพันธุ์ใหม่ในปี 2021 ปลา Narcetes shonan ยาวประมาณ 2.5 เมตร ถูกถ่ายโดยกล้องที่ติดตั้งที่ความลึก 2,091 เมตร และเป็นปลา teleost ใต้ทะเลลึกที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อาศัยอยู่ที่ความลึก 2,000 เมตรขึ้นไป ซึ่งปลา "นาร์เซเตส โชนัน" เป็นที่รู้จักในฐานะนักล่าชั้นยอด ซึ่งเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของระบบนิเวศน์และไม่มีอะไรให้ไล่ล่าพวกมัน และก่อนหน้านี้เคยคิดว่าจะอาศัยอยู่ในอ่าวสุรุกะ อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ถูกพบที่ภูเขา Genroku บนสันเขากลางมหาสมุทร ห่างจากอ่าว Suruga ไปทางใต้ 400 กิโลเมตร ทางหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโลกใต้ทะเลแห่งประเทศญี่ปุ่น (JAMSTEC) กล่าวว่า "ผู้ล่าอันดับต้น ๆ ของแต่ละระบบนิเวศได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ซึ่งสามารถทำลายห่วงโซ่อาหาร และทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อระบบนิเวศทั้งหมดได้ในที่สุด เราอยากจะวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทั่วโลกต่อระบบนิเวศใต้ทะเลลึก " https://mgronline.com/travel/detail/9650000062726
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|