เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้นเป็นกำลังปานกลาง

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นมาและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 26 - 31 ส.ค. 67 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 26 - 28 ส.ค. 67 จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนและประเทศเมียนมา ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 ? 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 26 - 30 ส.ค. 67 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 27 ? 30 ส.ค. 67 นี้ไว้ด้วย



******************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ฉบับที่ 2 (150/2567) (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 26?28 สิงหาคม 2567)


ในช่วงวันที่ 26?28 ส.ค. 67 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน และประเทศเมียนมา

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้


ในวันที่ 26 สิงหาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ นครราชสีมา และบุรีรัมย์

ภาคกลาง: จังหวัดลพบุรี สระบุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล


ในวันที่ 27 สิงหาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครราชสีมา และบุรีรัมย์

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี และกาญจนบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล


ในวันที่ 28 สิงหาคม 2567

ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย และกำแพงเพชร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี

ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่


สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น โดยในช่วงวันที่ 27?29 ส.ค. 67 ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2?3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1?2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าว เดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันดังกล่าวนี้ไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


ผวาคราบน้ำมันดำถล่มชายหาดบางเสร่ ทัวริสต์ไม่กล้าลงเล่นน้ำหวั่นอันตราย



นักท่องเที่ยวผวา คราบน้ำมันดำถล่มชายหาดบางเสร่ ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ทำลายทัศนียภาพแหล่งท่องเที่ยว และไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเลหวั่นอันตราย
เมื่อเวลา 17:00 น วันที่ 25 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชายหาดบางเสร่ ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต้องพบกับวิกฤตคราบน้ำมันจำนวนมาก ซัดเกยตลอดแนวชายหาด ทำลายทัศนียภาพแหล่งท่องเที่ยว และทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันแตกตื่น ผวาไม่กล้าลงเล่นน้ำทะเล

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า คราบน้ำมันดังกล่าว เป็นลักษณะคล้ายน้ำมันเครื่อง หรือ น้ำมันเตา มีสีดำเข้มเหนียว เกาะตัวกันเป็นกลุ่มก้อน และกระจายตัวอยู่บนหาดทรายขาว ทำให้ตลอดแนวชายหาดเป็นสีดำอยากเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ยังพบว่า ในน้ำทะเลยังมี คราบน้ำมันลักษณะเป็นฟิล์มบางลอยเหนือน้ำ ส่งกลิ่นเหม็นฉุนคลุ้งไปทั่วบริเวณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์คราบน้ำมันซัดเกยชายหาด เป็นผลพวงมาจากวันที่ 22 ส.ค.67 ซึ่งอ่าวบางเสร่แห่งนี้ ได้ถูกคราบน้ำมันจำนวนมหาศาล ถาโลมลอยดาดดื่นทั่วอ่าว ในรัศมีห่างไกลฝั่งออกไปราว 1 กิโลเมตร แต่ยังไม่เข้าเกยติดชายหาด และสถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายในวันต่อมาไม่พบว่ามีคราบน้ำมันปรากฏดังที่เห็น แต่ในวันนี้กลับพบว่ามีคราบน้ำมันถูกซัดเกยชายหาดจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม แต่มีการสันนิษฐานกันไว้ว่า น้ำมันดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นน้ำมันเตา หรือน้ำมันเครื่อง ที่ถูกปล่อยออกมาจากเรือใหญ่ในทะเล ในขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และหาผู้กระทำการดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ล่าสุด เทศบาลตำบลบางเสร่ ได้รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้วโดยจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ฯ เร่งเข้าดำเนินการเก็บกู้คราบน้ำมัน เพื่อฟื้นฟูบริเวณชายหาดบางเสร่แห่งนี้ ให้กลับมามีสภาพธรรมชาติที่สวยงามดังเดิม


https://www.dailynews.co.th/news/3790945/

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


นักวิทย์ศึกษาพบ "ปูหิมะอะแลสกา" กว่าหมื่นล้านตัวหายวับ เพราะโลกร้อน-ทะเลอุ่น



นักวิทย์ศึกษาพบ "ปูหิมะอะแลสกา" ? ซินหัว รายงานการศึกษาฉบับใหม่จากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NOAA) ว่าอุตสาหกรรมการประมง "ปูหิมะ" ในรัฐอะแลสกา หยุดชะงักไปในปี 2565

หลังประชากรปูหิมะหายไปอย่างน่าตกใจ และนักวิทยาศาสตร์มั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากฝีมือมนุษย์เป็นสาเหตุทำให้ระบบนิเวศเกิดการเปลี่ยนแปลงจนส่งผลกระทบต่อสัตว์ชนิดนี้

คณะนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงจากสภาพระบบนิเวศอาร์กติกไปเป็น "ระบบนิเวศกึ่งอาร์กติก" (sub-Arctic) นั้นมีแนวโน้มว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ถึงร้อยละ 98 ซึ่งผลลัพธ์อันเลวร้ายได้ทำให้ปูหายไปราว 10,000 ล้านตัวระหว่างปี 2561-2564 ขณะที่อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าหายวับเหลือเพียงศูนย์ จากเดิม 227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เกือบ 7,700 ล้านบาท)

ผลการศึกษาครั้งก่อนพบว่าคลื่นความร้อนใน น่านน้ำทะเลแบริ่ง (Bering Sea) อาจเร่งกระบวนการเผาผลาญของปู และเมื่อไม่มีแหล่งอาหารเพียงพอที่จะชดเชยปูหิมะอะแลสกาจึงอดอาหารตาย

นายไมค์ ลิตโซว์ ผู้อำนวยการห้องแล็บโคเดียก สังกัดศูนย์วิทยาศาสตร์การประมงอะแลสกา ระบุว่าสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือสภาพแวดล้อมแบบอาร์กติกที่เอื้อให้ปูหิมะเป็นชนิดพันธุ์เด่นในทะเลแบริ่งทางตะวันออกเฉียงใต้จะลดลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต

รายงานยังเผยอีกว่าจำนวนปูหิมะลดลงมากถึงร้อยละ 92 สวนทางกับประชากรปูหิมะที่อุดมสมบูรณ์ในช่วงหลายปีก่อนหน้านั้นซึ่งสร้างความงุนงงอย่างมากให้กับบรรดานักวิทยาศาสตร์และกลุ่มคนจับปู

ทั้งนี้ อุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและน้ำแข็งในทะเลที่ละลายหายไปในปี 2561-2564 ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการอยู่รอดของปูมากขึ้นเรื่อยๆ แม้อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อปูมากนัก แต่กลับส่งผลต่อการเผาผลาญทำให้ปูต้องการสารอาหารมากขึ้น ขณะที่เหยื่อหรืออาหารมีจำนวนไม่เพียงพอสำหรับการล่า


https://www.khaosod.co.th/around-the...oogle_vignette

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:29


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger