#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีอากาศเย็นลง และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย ในขณะที่มีลมตะวันออกยังคงพัดนำความชื้น เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมียังคงฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ขอให้เกษตรกรบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเตรียมการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย0 ในช่วงวันที่ 23 ? 25 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 26 ? 28 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 22 ? 23 พ.ย. ขอให้เกษตรกรบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย สำหรับภาคใต้ให้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและตกสะสม ตลอดช่วง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์
ฮือฮา!สาวเมืองคอนพบก้อนประหลาด คาด"อำพันทะเล" สาวเมืองคอน พบก้อนประหลาดคล้าย "อำพันทะเล" ระบุผู้เป็นพ่อพบลอยทะเลมาเกยชายหาด ขณะที่ชาวโลกออนไลน์รอลุ้นใช่ไม่ใช่ ถ้าใช่เป็นเศรษฐีในพริบตา ? เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก "ลัลล์ลลิล ทองวิโรจน์" ได้โพสต์ข้อความลงในกลุ่มแฟนเพจ "ประเทศคอน" โดยระบุว่า "พอดีพ่อพบก้อนประหลาดลอยทะเลมาเกยชายหาด มีกลิ่นคาวกำลังสงสัยว่าเป็นก้อนอำพันทะเลหรือเปล่าเราจะส่งหน่วยงานไหนตรวจสอบได้บ้างคะ" ซึ่งภายหลังจากที่ได้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าวออกไป ได้มีชาวโลกออนไลน์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยสมาชิกเพจประเทศคอน ต่างวิจารณ์กันไปต่างๆนานา โดยบางคนเห็นว่าจะเป็นอำพันทะเล? หรือ อ้วกปลาวาฬ ที่มีราคาแพง พร้อมกับบอกว่าคนที่ครอบครองรวยเละแน่งานนี้ สำหรับอ้วกวาฬ ซึ่งเรียกกันว่าอำพันทะเล เป็นของหายาก ราคาแพง เกิดจากการสำรอก และอึของวาฬหัวทุย โดยมีราคาสูงมากเนื่องจากมีความจำเป็นในอุตสาหกรรมการทำน้ำหอม https://www.dailynews.co.th/regional/808446 ********************************************************************************************************************************************************* "ฉลาม"ขย้ำหนุ่มใหญ่ออสซี่ ดับสยองเป็นรายที่8ของปี ชายวัย 55 ปีถูกปลาฉลามดอดขย้ำ บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ขณะลงเล่นน้ำชายหาด บนชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย ทางภาคตะวันตกของออสเตรเลีย เมื่อเช้าวันอาทิตย์ นับเป็นผู้เสียชีวิตจากคมเขี้ยวของฉลาม รายที่ 8 ของประเทศ ในปีนี้ สำนักข่าวเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า สำนักงานตำรวจรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ได้รับแจ้งเหตุประชาชนถูกปลาฉลามทำร้าย จึงส่งชุดเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่ชายหาดเคเบิล ในเขตเมืองบรูม พบชายวัย 55 ปี ได้รับการช่วยเหลือจากประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ นำร่างขึ้นจากน้ำมาบนชายหาด และทำการปฐมพยาบาล แต่ผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิตลง เนื่องจากเสียเลือดมาก และบาดแผลฉกรรจ์ ที่ขาและมือ จากคนเขี้ยวฉลาม ก่อนที่หน่วยแพทย์พยาบาลฉุกเฉินจะไปรับตัวส่งโรงพยาบาล นายยีน เพียร์ส หัวหน้าสำนักงานตำรวจเขตคิมเบอร์ลีย์ เผยว่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 8.40 น. ผู้ตายกำลังเล่นโต้คลื่นด้วยบอดี้บอร์ด ห่างจากฝั่งชายหาดประมาณ 30 ? 40 เมตร จู่ๆ ถูกฉลามตัวเขื่องพุ่งเข้าโจมตี สามีภรรยาคู่หนึ่งที่เล่นน้ำอยู่ไม่ไกล รีบเข้าช่วยเหลือ ประคองร่างขึ้นฝั่ง เบื้องต้นยังไมีทราบชนิดของฉลาม แต่ประชาชนท้องถิ่นเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า น่าจะเป็นฉลามเสือ ซึ่งพลัดหลงเข้าสู่เขตน้ำตื้น เนื่องจากไล่ติดตามฝูงปลาขนาดเล็ก นายเพียร์สเผยอีกว่า ตำรวจใช้ปืนยิงฉลามเพชฌฆาต ซึ่งยังว่ายน้ำวนเวียนอยู่ที่บริเวณเกิดเหตุเกือบครึ่งชั่วโมง สำหรับ เคเบิล บีช หาดทรายขาวความยาว 22 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในชายหาดยอดนิยม สำหรับทั้งชาวออสเตรเลียและชาวต่างชาติ?นับเป็นผู้เสียชีวิตจากการถูกฉลามทำร้าย รายที่ 8 ของออสเตรเลียในปีนี้ จากการโจมตีทั้งหมดอย่างน้อย 22 ครั้ง และจำนวนผู้เสียชีวิตปีนี้นับว่าสูงสุด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวม 9 ราย https://www.dailynews.co.th/foreign/808436
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ฮือฮา! นักท่องเที่ยวพบหมึกยักษ์หายาก สีแดงทั้งตัวที่กระบี่ กระบี่ - ฮือฮา! นักท่องเที่ยวพบปลาหมึกยักษ์หายาก สีแดงทั้งตัวโผล่ชายหาดหลังเกาะปอดะ ยาวประมาณ 2 ฟุต หนักกว่า 2 กก.เจ้าของบริษัททัวร์นำไปปล่อยทะเลลึก นักวิชาการเผยเป็นหมึกไดม่อนหายาก เคยพบครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อน กำลังกลายเป็นที่ฮือฮาในกลุ่มผู้ประกอบการนำเที่ยว จ.กระบี่ เมื่อนักท่องเที่ยวเจอปลาหมึกตัวสีแดงขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 2 ฟุต หนักกว่า 2 กก. หลังโผล่ขึ้นมาบริเวณน้ำตื้นบนอ่าวบุหยา ใกล้กับเกาะปอดะ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ สร้างความตื่นเต้นแก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการนำเที่ยวเป็นอย่างมาก ต่างพากันถ่ายภาพเป็นทีระลึก เนื่องจากไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน จากนั้นผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวจึงได้นำไปปล่อยกลางทะเล ก่อนที่หมึกตัวดังกล่าวได้ดำน้ำหายไป นายอภิวัฒน์ เหลืองอ่อน อายุ 36 ปี เจ้าของ บริษัทนำเที่ยวกระบี่ จิงเฉิง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่นำหมึกดังกล่าวไปปล่อยกลางทะเล เปิดเผยว่า เจอหมึกตัวดังกล่าวเมื่อประมาณ กลางเดือนที่ผ่านมา ขณะนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำตื้นที่บริเวณอ่าวบุหยา ซึ่งอยู่ด้านหลังเกาะปอดะ ขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังเล่นน้ำชายหาด ปรากฏว่า มีปลาหมึกตัวดังกล่าวลักษณะสีแดงทั้งตัว เวียนว่ายหากินบริเวณน้ำตื้นชายหาด นักท่องเที่ยวพากันมามุงดูด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากไม่เคยพบเห็นมาก่อน ขณะที่ตนทำบริษัททัวร์มากว่า 10 ปี ก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมา เคยเห็นแต่ในสารคดีญี่ปุ่น หลังจากที่ทุกคนถ่ายภาพเรียบร้อยจึงได้นำหมึกตัวดังกล่าวไปปล่อยกลางทะเล ห่างจากชายหาดอ่าวบุหยาประมาณ 100 เมตร เพื่อให้กลับไปที่อยู่ของมัน ขณะที่นายรากิยา ปราบดิน กรรมการสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ ซึ่งประกอบอาชีพเรือไดหมึกมาหลายสิบปี กล่าวว่า คาดว่าหมึกตัวดังกล่าวจะเป็นหมึกค้างคาว อยู่ในทะเลลึก ที่ผ่านมา นานๆ ครั้งจึงจะพบแต่ไม่นิยมนำมากินเป็นอาหาร เพราะเนื้อเหนียวและแข็ง ด้าน ดร.อนุวัฒน์ นทีวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า หมึกดังกล่าวเป็นหมึกไดม่อน (Diamond squid) เป็นหมึกที่อาศัยในทะเลลึกเขตร้อน หรือเขตอบอุ่น ตัวที่พบน่าจะยังเล็กอยู่ ส่วนตัวใหญ่จะมีความยาวประมาณ 2-3 เมตร คาดว่าน่าจะหลงเข้ามาในช่วงสภาพน้ำทะเลเปลี่ยนแปลง ซึ่งในประเทศไทยตนพบครั้งแรกที่ฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ส่วนฝั่งอ่าวไทยยังไม่มีรายงานการพบหมึกดังกล่าว และได้มีการทำบันทึกเอาไว้ที่ศูนย์วิจัยฯ พบได้ทั่วโลก โดยหมึกไดม่อน อาศัยอยู่ในทะเลลึก หรือมหาสมุทร บางครั้งว่ายน้ำเข้ามาใกล้ชายฝั่ง มักอยู่กันเป็นคู่ผัวเมีย ญี่ปุ่นจับเป็นหมึกเศรษฐกิจ https://mgronline.com/south/detail/9630000120224
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|