เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 24-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีอากาศเย็นลง และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย ในขณะที่มีลมตะวันออกยังคงพัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ขอให้เกษตรกร บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย0

ในช่วงวันที่ 24 ? 25 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้น สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 26 ? 29 พ.ย. 63 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร

อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีแนวโน้มจะเคลื่อนผ่านประเทศมาเลเซียในช่วงวันที่ 25-27 พ.ย. 63 ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากเกิดขึ้น


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 27 ? 29 พ.ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงด้วย ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง และควรหลีกเลี่ยงการเดืนเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในช่วงวันที่ 25-29 พ.ย. 63









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 24-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด


พบโครงกระดูกวาฬพันปี สมัยเมืองสมุทรอยู่ใต้บาดาล



พบโครงกระดูกวาฬพันปี - การค้นพบโครงกระดูกขนาดใหญ่ในพื้นที่บ่อดินของบริษัทไบรท์ บลู เวอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งอยู่ที่ ม.5 ต.อำแพง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2563 กลายเป็นเรื่องน่าฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 ศูนย์วิจัย ทช. อ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันตก กลุ่มวาฬไทย สำรวจเบื้องต้นแล้วได้ข้อสรุป ว่าน่าจะเป็นกระดูก "วาฬโบราณ" แต่ยังไม่ทราบสายพันธุ์

ต่อมาวันที่ 9 พ.ย. 2563 สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 3 กรมทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกรมศิลปากรและหน่วยงานอื่นๆ ลงพื้นที่อีกครั้ง เพื่อเตรียมกู้ซากขึ้นมา และจะสำรวจหาสายพันธุ์ ขนาด อายุ ที่แท้จริง

นายทินกร ทาทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 3 กล่าวว่า ตอนนี้เท่าที่สันนิษฐานจากชิ้นส่วนที่พบก็คาดว่าน่าจะเป็นวาฬที่มีขนาดใหญ่ เพราะส่วนที่เห็นนั้นเป็นกระดูกที่ค่อนมาทางหาง ส่วนตัวน่าจะอยู่ใต้ดินที่เป็นถนน

หลังจากนี้ต้องรีบขุดกู้ซากให้เร็วที่สุด เพราะถ้าปล่อยไว้จะเสียหายมากกว่านี้ เนื่องจากกระดูกหากอยู่ในดินจะถูกรักษาตามธรรมชาติ แต่ถ้าเมื่อใดถูกขุดขึ้นมา สภาพอากาศและปัจจัยต่างๆ จะทำให้ชำรุด ซึ่งเวลาที่จะใช้กู้ซากนั้นก็ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง อีกทั้งหากสังเกตคร่าวๆ วาฬตัวนี้น่าจะยาวประมาณ 15 เมตรขึ้นไป และเมื่อขุดแล้วก็ต้องเข้าเฝือกกระดูกเป็นส่วนๆ วันหนึ่งจึงน่าจะขุดและเข้าเฝือกโครงกระดูกได้วันละประมาณ 1 เมตรเท่านั้น ต้องค่อยๆ ทำ ป้องกันการเสียหาย และเมื่อ ขุดแล้ว ก็จะต้องนำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ในห้องที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นจะเสียหาย

สำหรับการวิเคราะห์คร่าวๆ นั้น วาฬตัวนี้น่าจะมีอายุมากกว่า 1,000 ปีแน่นอน เพราะดูจากหลักฐานทางธรณีวิทยาควบคู่แล้ว พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นทะเลเมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา จุดนี้อยู่ห่างจากทะเลเข้ามาประมาณ 15.3 กิโลเมตร และอยู่ลึกจาก ผิวดินลงไป 6 เมตร

การพบกระดูกวาฬในพื้นที่ตรงนี้และขนาดลำตัวใหญ่เท่านี้ เพิ่งจะพบเป็นครั้งแรกของไทย ที่ผ่านมาที่เคยพบก็เป็นวาฬในยุคปัจจุบันที่พบในพื้นที่ที่ไม่ห่างจากทะเลมากนัก ซึ่งการพบซากกระดูกในพื้นที่ต่างกัน ก็บ่งบอกถึงสภาพทางธรณีวิทยา ได้ต่างกันด้วยและตอนนี้สิ่งที่นักสำรวจต้องการพบมากที่สุดก็คือส่วนหัว เพราะจะบอกได้ว่า เป็นวาฬสายพันธุ์ไหน และอายุเก่าแก่มากเท่าใด

เพจเฟซบุ๊ก ThaiWhales วาฬไทย ให้รายละเอียดว่า การค้นพบโครงกระดูกวาฬก่อนหน้านี้ในประเทศไทย ชิ้นส่วนที่เก่าแก่ที่สุดในไทยที่เคยพบคือโครงกระดูกวาฬฟิน (Fin whale) ที่หมู่บ้านวิจิตราธานี ถนนบางนา-ตราด ค้นพบขณะมีการก่อสร้างหมู่บ้าน อยู่ห่างจากปากแม่น้ำไม่ต่ำกว่า 3 กิโลเมตร และบางชิ้นกลายเป็นฟอสซิลแล้ว ส่วนกระดูกที่พบล่าสุดนี้ดูจะใหญ่กว่ามาก

โครงกระดูกวาฬที่พบมีส่วนกระดูก สันหลัง (Vertebrate) 5 ชิ้นที่มีขนาดใหญ่ ดูจะใหญ่กว่าซากวาฬบรูด้าที่เคยพบมา ที่ตั้งของกระดูกอยู่บริเวณหมู่ 8 ตำบลโคกขาม จ.สมุทรสาคร ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 2 กิโลเมตร

จากการสังเกตพื้นที่ใกล้กับแม่น้ำท่าจีน มีซากเปลือกหอยเล็กๆ ทับถม อันเป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาว่า พื้นที่แถบนี้เคยเป็นท้องทะเลลึกมาก่อน ไม่ว่า กรุงเทพฯ อยุธยา นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม

ในอดีตโลกอยู่ในช่วงอบอุ่นมากช่วงหนึ่ง เรียกว่าช่วง Medieval Warm Period ตรงกับสมัยทวารวดี หรือก่อนการก่อตั้งกรุงสุโขทัย น้ำแข็งจำนวนมากละลายออกจากขั้วโลกทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้นสูง ทะเลอ่าวไทยในยุคนั้น มีขอบเขตกว้างขวางกว่าปัจจุบันมาก ส่วนพื้นที่หลายจังหวัดในภาคกลางตอนล่างของไทยจึงจมอยู่ใต้ระดับน้ำทะเล

ต่อมาโลกเริ่มเย็นลงจนเข้าสู่ยุคน้ำแข็งย่อย น้ำทะเลเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งตามขั้วโลก ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเริ่มลดลง ประกอบกับการทับถมของตะกอนแม่น้ำหลายร้อยปี ทำให้จังหวัดต่างๆ ในภาคกลางตอนล่างปัจจุบัน เริ่มโผล่ขึ้นเหนือระดับน้ำทะเล ตรงกับยุคกรุงสุโขทัย

การค้นพบกระดูกวาฬครั้งนี้จึงมีคุณค่ามากสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์และธรรมชาติวิทยา


https://www.khaosod.co.th/newspaper/...s/news_5300503

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 24-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ข่าวดี! 'เต่ามะเฟือง'วางไข่รังที่5 ในรอบ20ปี ที่หาดบ้านบางสัก

ข่าวดี! เต่ามะเฟืองวางไข่รังที่5 ในรอบ20ปี ที่หาดบ้านบางสัก ติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิเฝ้าดูแล



23 พ.ย. 63 นายสมศักดิ์ สุมาลี สมาชิก อบต.บางม่วง ได้รับแจ้งจาก นายเริญ หาญทะเล อยู่บ้านเลขที่ 45 ม.7 ต.บางม่วง ว่าพบรอยเต่าขนาดใหญ่ขึ้นวางไข่ที่บริเวณหน้าชายหาดบ้านบางสัก หมู่ที่ 8 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแจ้งทาง ว่าที่ร้อยเอกพงศ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า นายจักรพันธ์ ม่วงยิ้ม ผอ.ส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสุริยะ สอนเสริม ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา)นายหิรัญ กังแฮ หัวหน้างานสัตว์ทะเลหายาก นายธงชัย หันช่อง นายก อบต.บางม่วง นายประชาชม ทันงาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลบางม่วง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 โดยส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา) ได้เดินทางไปตรวจสอบร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฯได้ตรวจวัดขนาดของพายซ้ายไปพายขวา 160 ซม. ขนาดอก 61 ซม.โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดหาตำแหน่งของไข่เต่าหลังจากที่แม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่เป็นหลังที่ 5 ของฤดูกาลวางไข่ ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้พบตำแหน่งของไข่เต่าแล้ว จากการตรวจสอบ บริเวณตำแหน่งของไข่เต่าอยู่พ้นระดับน้ำทะเลท่วมถึงแต่ติดกับรากไม้ จึงมีการขุดไข่เต่าขึ้นจากหลุมเดิม จำนวน 58 ฟอง เป็นไข่สมบูรณ์ จำนวน 36 ฟอง ไข่ลมไม่สมบูรณ์จำนวน 22 ฟอง เคลื่อนย้ายไข่เต่าออกห่างจากที่มีรากไม้ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องติดตั้งวัดอุณหภูมิบริเวณไข่เต่าและทำการฝังกลบเหมือนเดิม เพื่อให้ให้ไข่เต่าฝักตัวตามธรรมชาติ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำคอกและแนวกันคลื่นต่อไป พร้อมกับจัดเวรยามลาดตระเวนบริเวณดังกล่าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง

นายเริญ หาญทะเล กล่าวว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ตนเองได้เดินทางเพื่อมาหาปลาและรุนกุ้งบริเวณชายหาดบางสัก หมู่ที่ 8 จึงได้เห็นร่องรอยบนพื้นที่มีลักษณะเต่าขึ้นมาวางไข่จึงได้รีบแจ้งให้ทางนายสมศักดิ์ สุมาลี สมาชิก อบต.บางม่วง เพื่อให้แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจสอบรอยดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่าเป็นร่องรอยของเต่ามะเฟืองจริง จึงได้ว่างแผนในการขุดเพื่อหาไข่เต่า ตนเองทราบว่าเมื่อก่อนหน้านี้ประมาณ 20 ? 30 ปี บริเวณชายหาดบางสัก เคยพบเต่าขึ้นมาว่างไข่แต่ก็ได้เงียบงายไปนานจนได้มาพบใหม่ในตอนนี้ ตนเองและชาวบ้านเมื่อทราบข่าวก็รู้สึกดีใจที่เต่ามะเฟืองขึ้นมาว่างไข่ที่ชายหาดบางสัก ซึ่งถือว่าธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก


https://www.naewna.com/likesara/533816

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #4  
เก่า 24-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า


ข่าวดี! 'เต่ามะเฟือง'วางไข่รังที่5 ในรอบ20ปี ที่หาดบ้านบางสัก

ข่าวดี! เต่ามะเฟืองวางไข่รังที่5 ในรอบ20ปี ที่หาดบ้านบางสัก ติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิเฝ้าดูแล



23 พ.ย. 63 นายสมศักดิ์ สุมาลี สมาชิก อบต.บางม่วง ได้รับแจ้งจาก นายเริญ หาญทะเล อยู่บ้านเลขที่ 45 ม.7 ต.บางม่วง ว่าพบรอยเต่าขนาดใหญ่ขึ้นวางไข่ที่บริเวณหน้าชายหาดบ้านบางสัก หมู่ที่ 8 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมแจ้งทาง ว่าที่ร้อยเอกพงศ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอตะกั่วป่า นายจักรพันธ์ ม่วงยิ้ม ผอ.ส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสุริยะ สอนเสริม ผอ.ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา)นายหิรัญ กังแฮ หัวหน้างานสัตว์ทะเลหายาก นายธงชัย หันช่อง นายก อบต.บางม่วง นายประชาชม ทันงาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลบางม่วง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 โดยส่วนส่งเสริมและประสานงานเครือข่ายทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 10 (ตะกั่วป่า พังงา) ได้เดินทางไปตรวจสอบร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฯได้ตรวจวัดขนาดของพายซ้ายไปพายขวา 160 ซม. ขนาดอก 61 ซม.โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการขุดหาตำแหน่งของไข่เต่าหลังจากที่แม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่เป็นหลังที่ 5 ของฤดูกาลวางไข่ ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้พบตำแหน่งของไข่เต่าแล้ว จากการตรวจสอบ บริเวณตำแหน่งของไข่เต่าอยู่พ้นระดับน้ำทะเลท่วมถึงแต่ติดกับรากไม้ จึงมีการขุดไข่เต่าขึ้นจากหลุมเดิม จำนวน 58 ฟอง เป็นไข่สมบูรณ์ จำนวน 36 ฟอง ไข่ลมไม่สมบูรณ์จำนวน 22 ฟอง เคลื่อนย้ายไข่เต่าออกห่างจากที่มีรากไม้ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องติดตั้งวัดอุณหภูมิบริเวณไข่เต่าและทำการฝังกลบเหมือนเดิม เพื่อให้ให้ไข่เต่าฝักตัวตามธรรมชาติ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำคอกและแนวกันคลื่นต่อไป พร้อมกับจัดเวรยามลาดตระเวนบริเวณดังกล่าวต่อไปอย่างต่อเนื่อง

นายเริญ หาญทะเล กล่าวว่า เมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ตนเองได้เดินทางเพื่อมาหาปลาและรุนกุ้งบริเวณชายหาดบางสัก หมู่ที่ 8 จึงได้เห็นร่องรอยบนพื้นที่มีลักษณะเต่าขึ้นมาวางไข่จึงได้รีบแจ้งให้ทางนายสมศักดิ์ สุมาลี สมาชิก อบต.บางม่วง เพื่อให้แจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางมาตรวจสอบรอยดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบว่าเป็นร่องรอยของเต่ามะเฟืองจริง จึงได้ว่างแผนในการขุดเพื่อหาไข่เต่า ตนเองทราบว่าเมื่อก่อนหน้านี้ประมาณ 20 ? 30 ปี บริเวณชายหาดบางสัก เคยพบเต่าขึ้นมาว่างไข่แต่ก็ได้เงียบงายไปนานจนได้มาพบใหม่ในตอนนี้ ตนเองและชาวบ้านเมื่อทราบข่าวก็รู้สึกดีใจที่เต่ามะเฟืองขึ้นมาว่างไข่ที่ชายหาดบางสัก ซึ่งถือว่าธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก


https://www.naewna.com/likesara/533816

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #5  
เก่า 24-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย


อันซีนถ้ำใต้ทะเล เกาะเชือก



ตรัง 23 พ.ย.-อัศจรรย์อันซีนไทยแลนด์ พบถ้ำใต้ทะเลที่เกาะเชือก จ.ตรัง เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลสวยงามหลากชนิด

เปิดภาพถ้ำใต้ทะเลที่ถูกค้นพบด้วยนักท่องเที่ยวและไกด์นำเที่ยว ที่พากันไปดำน้ำชมปะการังบริเวณเกาะเชือก อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง เมื่อวันหยุดยาว 4 วันที่ผ่านมา ปรากฏว่าไกด์นำเที่ยว และนักท่องเที่ยวว่ายไปว่ายมา ได้ค้นพบถ้ำใต้ทะเลที่สวยงามและบันทึกภาพไว้ได้

ภายในถ้ำดังกล่าวเต็มไปด้วยปลาสวยงามหลากชนิด ที่จะเข้ามาทักทายนักท่องเที่ยวที่อย่างใกล้ชิด สำหรับทริปนี้ บริษัทนำเที่ยวนำนักท่องเที่ยวไป 4 เกาะสำคัญของทะเลตรัง ทั้งถ้ำมรกต เกาะกระดาน เกาะม้า และเกาะเชือก และเมื่อเดินทางไปถึงเกาะเชือก จุดสุดท้ายของทริป จึงลงไปดำน้ำชมปะการังน้ำตื้น และปลาสวยงาม จนพบถ้ำดังกล่าวโดยบังเอิญ

ทั้งนี้ทางไกด์นำเที่ยวได้แจ้งว่า หากมีกลุ่มใดจะเข้าไปชมความสวยงามของถ้ำใต้ทะเลที่เกาะเชือก ต้องแจ้งไกด์ก่อนการเข้าถ้ำทุกครั้ง ไม่อนุญาตให้เข้าโดยลำพัง เพื่อความปลอดภัย.


https://tna.mcot.net/region-588800

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #6  
เก่า 24-11-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก BBCThai


มลภาวะ "ไมโครพลาสติก" แพร่ไปถึงส่วนยอดของเขาเอเวอเรสต์แล้ว



ปัญหาการปนเปื้อนของอนุภาคพลาสติกขนาดจิ๋วที่เล็กกว่า 5 มิลลิเมตร หรือ "ไมโครพลาสติก" ในสิ่งแวดล้อม ได้ลุกลามไปทั่วทุกมุมโลก โดยล่าสุดครอบคลุมถึงจุดลึกที่สุดของมหาสมุทร และจุดสูงสุดบนหลังคาโลกเรียบร้อยแล้ว

ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพลีมัทของสหราชอาณาจักร ตีพิมพ์รายงานวิจัยในวารสาร One Earth โดยระบุว่าตรวจพบมลภาวะของไมโครพลาสติกบนเขาเอเวอเรสต์เป็นครั้งแรก ซึ่งอนุภาคพลาสติกเหล่านี้ถูกพบอยู่ในหิมะที่ระดับความสูงมากที่สุด 8,440 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ห่างจากยอดเขาเพียง 408 เมตรเท่านั้น

ก่อนหน้านี้มีการค้นพบชิ้นส่วนพลาสติกขนาดจิ๋ว ที่ด้านล่างสุดของร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา (Mariana Trench) มาแล้ว โดยพบตรงจุดที่ลึกถึง 11 กิโลเมตรจากผิวน้ำ คาดว่าเป็นเศษพลาสติกที่ย่อยสลายและแยกตัวออกจากแพของขยะชิ้นใหญ่ ก่อนจะจมลงสู่ก้นทะเล

ดร. อิโมเจน แนปเปอร์ ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า ได้เก็บตัวอย่างน้ำ 900 มิลลิลิตรจากลำธารสายต่าง ๆ บนเขาเอเวอเรสต์มาทั้งหมด 8 ตัวอย่าง และได้เก็บหิมะปริมาณ 300 มิลลิลิตรจากจุดต่าง ๆ บนเขามาทั้งสิ้น 11 ตัวอย่างด้วยกัน ซึ่งผลวิเคราะห์พบว่ามีไมโครพลาสติกปนเปื้อนในตัวอย่างหิมะทั้งหมดที่เก็บมา และยังพบการปนเปื้อนในลำธาร 3 สาย

ตำแหน่งที่พบมลภาวะจากไมโครพลาสติกปนเปื้อนอยู่หนาแน่นที่สุด ได้แก่บริเวณเอเวอเรสต์เบสแคมป์ (EBC) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่บรรดานักปีนเขาใช้เตรียมตัวก่อนขึ้นพิชิตยอดเอเวอเรสต์ ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีกิจกรรมของมนุษย์เกิดขึ้นมากที่สุดไปด้วย

ภาพเมื่อปี 1993 ก่อนการรณรงค์เก็บกวาดบนเขาเอเวอเรสต์ครั้งใหญ่ เผยให้เห็นขยะพลาสติกถูกทิ้งไว้จำนวนมาก

ทีมผู้วิจัยพบไมโครพลาสติกที่ EBC ในปริมาณโดยเฉลี่ย 79 อนุภาคต่อหิมะ 1 ลิตร ส่วนไมโครพลาสติกที่พบใกล้กับจุดสูงสุดของเอเวอเรสต์นั้น อยู่ในปริมาณโดยเฉลี่ย 12 อนุภาคต่อหิมะ 1 ลิตร

ชิ้นส่วนไมโครพลาสติกที่พบบนเขาเอเวอเรสต์ส่วนใหญ่ มาจากเส้นใยสังเคราะห์จำพวกโพลีเอสเทอร์และอะครีลิก ซึ่งใช้ทำเสื้อผ้าและของใช้ที่จำเป็นสำหรับการปีนเขา

นอกจากนี้ การเดินไปมารอบ ๆ เพียง 20 นาที การซักผ้า หรือเปิดขวดพลาสติกเพียงชั่วขณะ ก็สามารถปลดปล่อยอนุภาคไมโครพลาสติกให้ออกมาปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมได้แล้ว

แม้นักวิทยาศาสตร์จะยังไม่ทราบชัดว่า ไมโครพลาสติกเป็นอันตรายต่อร่างกายของสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศหรือไม่ แต่ก็เป็นการดีที่เราจะระมัดระวังป้องกันไว้ก่อน โดยหยุดยั้งมลภาวะของไมโครพลาสติกไม่ให้แพร่กระจายออกไปมากกว่านี้

"ปัญหาของเราในขณะนี้เหมือนกับน้ำที่ไหลล้นออกมาจากในอ่าง ทำให้ต้องคอยเช็ดพื้นที่มีน้ำเจิ่งนองอยู่ร่ำไป อันที่จริงเราควรจะปิดก๊อกน้ำเสียในทันที ซึ่งก็คือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยไม่ปล่อยให้ไมโครพลาสติกออกไปปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมเสียแต่แรกนั่นเอง" ดร. แนปเปอร์กล่าว


https://www.bbc.com/thai/features-55034731

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:55


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger