#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 11 เมษายน 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย อนึ่งในช่วงวันที่ 12- 14 เมษายน 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นซึ่งมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะได้รับผลกระทบก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 10 - 11 เม.ย. 63 บริเวณประเทศไทยจะมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ และมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนในช่วงวันที่ 12 - 14 เม. ย. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและมีลมกระโชกแรง รวมทั้งอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 15 - 16 เม. ย. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ตลอดช่วง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 12 - 14 เม. ย. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงลูกเห็บตก โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ********************************************************************************************************************************************************* ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 12 - 14 เมษายน 2563)" ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 11 เมษายน 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ซึ่งมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ กับมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะได้รับผลกระทบก่อน ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ฟ้าผ่า และลูกเห็บตกที่อาจเกิดขึ้น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ มีดังนี้ ในช่วงวันที่ 12 เมษายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดน่าน พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ในช่วงวันที่ 13-14 เมษายน 2563 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน พะเยา แพร่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย กำแพงเพชร และตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี ชัยนาท อ่างทอง สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และ ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนอีกระลอก จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทำให้เกิดการปะทะกันของมวลอากาศเย็นและอากาศร้อน ส่งผลทำให้มีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 11-04-2020 เมื่อ 03:51 |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
สวยถนัดตา! หาดพัทยา?-?จอมเทียน? หลังเมืองพัทยาสั่งห้ามทำกิจกรรมบนชายหาดทุกรูปแบบ? ศูนย์ข่าว?ศรี?ราชา ?- เมืองพัทยา?เข้ม?! สั่งงดทำกิจกรรมทุกรูปแบบบนชายหาดพัทยา?-?จอมเทียน? หลังพบยังมีนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติ?ดื้อแพ่งทำกิจกรรมต่างๆ และนอนอาบแดดตามปกติ? ส่ง? จนท.นำเชือกกั้นพร้อมติดป้ายเตือน? ทำบรรยากาศ?เงียบเหงาถนัดตา จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จ.ชลบุรี? จนต้องมีการประกาศนโยบาย? Lock? Down เมืองพัทยา? เพื่อควบคุมพื้นที่โซนไข่แดง? ที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มากเกือบ? 3? พัน? และผู้ป่วยติดเชื้อ จำนวน? 26? คน จาก? 33? คนในเขต? อ.บางละมุง? จ.ชลบุรี? ล้วนอาศัยอยู่ในพื้นที่โซนไข่แดง?ทั้งหมดนั้น วันนี้? (10? เม.ย.)? ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า? เมืองพัทยา? ยังได้กำหนดมาตรการเข้มเพิ่มเติมด้วยการออกข้อบังคับเรื่องการงดใช้พื้นที่ชายหาดพัทยา? และจอมเทียน? อย่างเป็นทางการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว? หลังที่ผ่านมาพบว่าบริเวณชายหาดนาจอมเทียน? ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และยังพบนักท่องเที่ยวต่างชาติบางส่วนเข้ามานอนอาบแดด และจับกลุ่มรับประทานอาหาร รวมถึงนั่งดื่มแอลกอฮอล์อย่างไม่สนใจต่อสถานการณ์?ที่เกิดขึ้น นายพัฒนา บุญสวัสดิ์ รองนายกเมืองพัทยา บอกว่า ในวันนี้? เมืองพัทยา?ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ชายหาดทั้ง? 2? แห่ง? เพื่อติดป้ายประชาสัมพันธ์ทั้งภาษาไทย-อังกฤษ เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวใช้พื้นที่ชายหาดอย่างเด็ดขาด? ตามคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งนำเชือกไปขึงกั้นตลอดแนวชายหาดจอมเทียน "แต่ก็ยังพบว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งมาจับกลุ่มนั่งดื่มแอลกอฮอล์กันอยู่? เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการประชาสัมพันธ์และตักเตือน ส่วนหน้าร้านสะดวกซื้อก็ให้เก็บโต๊ะที่วางอยู่หน้าร้านเพราะมักมีนักท่องเที่ยวซื้อของแล้วนำมากินหน้าร้านเช่นกัน" นายพัฒนา? กล่าว และจากการสังเกต?การณ์บรรยากาศทั่วไปบริเวณชายหาดจอมเทียน จ.ชลบุรี ของผู้สื่อข่าว? พบว่า หลังจากที่เมืองพัทยา? ได้ประชาสัมพันธ์เรื่องการงดทำกิจกรรม?บริเวณ?ชายหาด? ทำให้ในวันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาทำกิจกรรม?เหมือนวันก่อนๆ? และไม่มีนักท่องเที่ยวออกมานั่งจับกลุ่มตามใต้ต้นไม้ หรือริมทางเดิน รวมทั้งนอนอาบแดดริมชายหาดเช่นวันก่อนๆ ส่งผลให้บรรยากาศ?โดยรวมเป็นไปอย่างเงียบเหงา? ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างให้ความร่วมมือและเข้าใจในสถานการณ์?ที่เกิดขึ้น https://mgronline.com/local/detail/9630000037326
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก BBCThai
ระบบนิเวศมหาสมุทรเขตร้อนใกล้ถึงภาวะล่มสลายในอีกสิบปีข้างหน้า แม้จะทราบกันดีว่าภาวะโลกร้อนกำลังทำให้เกิดหายนะต่อความหลากหลายทางชีวภาพไปทั่วโลก แต่ในบางพื้นที่ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศและลักษณะทางภูมิศาสตร์ต่างออกไป ผลกระทบจากปรากฏการณ์นี้อาจรุนแรงขึ้นและมาถึงอย่างรวดเร็วกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และแอฟริกาใต้ รายงานถึงผลการศึกษาล่าสุดในวารสาร Nature ว่าสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรของเขตร้อนอาจต้องล้มตายลงอย่างมหาศาล หรือเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ภายในปี 2030 จนระบบนิเวศแถบนั้นต้องถึงคราวล่มสลาย เนื่องจากไม่อาจทนต่ออุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นหลายองศาเซลเซียสได้ เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายในเวลาราวหนึ่งทศวรรษข้างหน้า หากมนุษย์ไม่สามารถตัดลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้เลยแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสภาพการณ์ที่เรียกว่า RCP8.5 หมายถึงมนุษย์ไม่พยายามหยุดยั้งภาวะโลกร้อน และปล่อยให้แนวโน้มของปรากฏการณ์ดังกล่าวดำเนินไปดังเช่นในปัจจุบัน จนโลกมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นถึง 4 องศาเซลเซียส ภายในปี 2100 มีการนำข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกตลอดช่วง 150 ปีที่ผ่านมา สร้างเป็นแบบจำลองคอมพิวเตอร์ที่สามารถคำนวณถึงแนวโน้มในอนาคต แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับข้อมูลการกระจายตัวของสิ่งมีชีวิตกว่า 30,000 ชนิดพันธุ์ เช่นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ปลา ที่ดำรงชีวิตอยู่ในบริเวณต่าง ๆ โดยแบ่งพื้นที่ทั่วโลกออกเป็นส่วนละ 100 ตารางกิโลเมตร ดร. อเล็กซ์ ปิโกต์ ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม ยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (UCL) หนึ่งในทีมผู้วิจัยบอกว่า "แบบจำลองของเราคาดการณ์ว่า อุณหภูมิโลกจะพุ่งสูงขึ้นจนถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งจะก่อให้เกิดหายนะใหญ่หลวงต่อประชากรส่วนใหญ่ของสิ่งมีชีวิตในแถบมหาสมุทรเขตร้อนเป็นอันดับแรก" "ถ้าอุณหภูมิสูงเกินขีดจำกัดที่เหล่าสัตว์จะรับได้ อัตราความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ในภูมิภาคดังกล่าวก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก" ดร. ปิโกต์กล่าว ผลวิจัยล่าสุดพบว่า หาดทรายครึ่งหนึ่งของโลกจะจมทะเลหายไปภายในปี 2100 Image copyrightGETTY CREATIVE STOCK อย่างไรก็ตาม สภาพการณ์ในอนาคตจะเลวร้ายดังเช่นที่งานวิจัยได้ทำนายไว้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความพยายามของมนุษย์ในการหยุดยั้งภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน หากปล่อยให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นไปตามยถากรรม จนอุณหภูมิโลกสูงขึ้นอีก 4 องศาเซลเซียส ประชากร 15% ของสัตว์ทุกชนิดบนโลกจะตายลง และเกิดความเสียหายถาวรต่อระบบนิเวศในหลายพื้นที่ โดยไม่อาจจะแก้ไขฟื้นฟูให้กลับคืนมาเป็นดังเดิมได้ แต่ถ้ามนุษย์สามารถชะลอความรุนแรงของภาวะโลกร้อนสำเร็จ โดยทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียสได้ ตลอดช่วงหลายสิบปีข้างหน้า จำนวนของประชากรสัตว์โลกที่ต้องตายจะลดลงเหลือเพียง 2% เท่านั้น ทีมผู้วิจัยยังระบุว่า ขณะนี้ผลกระทบรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในเขตร้อนก็ได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว เช่นการฟอกขาวครั้งใหญ่ของแนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟนอกชายฝั่งออสเตรเลีย ส่วนภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกในละติจูดที่สูงขึ้นไปกว่าเขตร้อนนั้น จะเกิดปรากฏการณ์นี้เช่นกันภายในปี 2050 หรืออีก 30 ปีข้างหน้า https://www.bbc.com/thai/features-52242356
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|