#1
|
||||
|
||||
'เกาะกระ' แดนสวรรค์กลางอ่าวไทย
'เกาะกระ' แดนสวรรค์กลางอ่าวไทย ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ชะลอการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ดังนั้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ ททท. จึงได้ดำเนินโครงการ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นและสร้างกระแสให้คนไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยว สำหรับนิยามของคำว่า 12 เดือน คือ ปรากฏการณ์ธรรมชาติสุดยอดมุมมองของการท่องเที่ยว ที่ถูกคัดสรรว่าสวยที่สุด น่าดูที่สุด โดยครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปสัมผัส ซึ่งมีแนวคิดมาจากการได้ไปชื่นชมแหล่งท่องเที่ยวในตำแหน่งและในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด โดย ททท.ได้คัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่จะปรากฏความงามออกมาให้ดูได้เฉพาะในแต่ละเดือนตามปีปฏิทินเดือนละ 2 แห่ง ให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเดินทางได้ตลอดปีทั้ง 12 เดือน ส่วน 7 ดาว หมายถึง ความมหัศจรรย์แห่งความสวยงามที่เกิดขึ้นยามค่ำคืนที่น่าสนใจที่สุด และ 9 ตะวัน เป็นสุดยอดแห่งปรากฏการณ์ภาคกลางวัน ที่ความงดงามได้ปรากฏให้ได้เห็นชัดเจน ซึ่งหากพลาดไปเที่ยวชมในปีนี้ ก็คงต้องรอ ณ เวลานี้ในปีถัดไป จึงนับได้ว่าการสร้างกระแสการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพื่อให้คนไทยตื่นตัวที่จะออกมาท่องเที่ยวกันมากขึ้น นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้จัดทีมงานถ่ายทำสารคดีตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วจังหวัด เพื่อนำมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างแรงดึงดูดใจกระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาในจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามนโยบาย เซอร์วิสลิงก์ (Service Link) มี นายธีระพงศ์ ช่วยชู ปลัดอำเภอ ช่วยราชการปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นหัวหน้าทีม นายสุโรจน์ นวลมังสอ บรรณาธิการสำนักข่าวนครโพสต์ เป็นผู้ประสานงานและเก็บรายละเอียดข้อมูล ซึ่ง นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม ชายหาดสะอ้าน บ้านปลาสะอาด คืนธรรมชาติสู่เกาะกระ ครั้งที่ 3 บริเวณบ้านแพรกเมือง อบต.หน้าสตน อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ในขณะที่คณะฯ ได้เดินทางไปสำรวจและถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่ เกาะกระ เพื่อนำมาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวทางทะเล รวมทั้งหามาตรการในการควบคุมป้องกันการทำลายทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะกระและบริเวณรอบ ๆ ทางด้าน นายสุเทพ เกื้อสังข์ ผอ.ททท.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เกาะกระ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในอ่าวไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถือว่ายังบริสุทธิ์ ในปัจจุบันเกาะกระกลายเป็นแดนสวรรค์ของนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวทางทะเลทั้งชาวไทยและต่างประเทศใฝ่ฝันว่าในชีวิตจะมีโอกาสสักครั้งที่จะได้ไปเยือนเกาะกระ ดังนั้นหากไม่มีการบริหารจัดการให้ดีและเหมาะสม เกาะกระอาจจะเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็วจากการที่นักท่องเที่ยวแห่ไปเที่ยว นักวิชาการสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผน (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทำการสำรวจ เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อยกระดับพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับท้องถิ่น เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยพบว่าเกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช มีความสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรทางทะเล และเกาะกระเป็นเกาะที่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีหาดทรายยาวประมาณ 150 เมตร มีแนวปะการังกว่า 400 ไร่ มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดของอ่าวไทย โดยพบปะการังแปรงล้างขวดหลายชนิด เกาะกระเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลหลายชนิด เช่น เต่าตนุ เต่ามะเฟือง เต่ากระ เต่าหญ้า เต่าหัวค้อน โดยเต่าทะเลในไทยอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะเหลือจำนวนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่พบไม่ถึง 500 ตัว เนื่องจากชายหาดที่เป็นที่วางไข่ถูกบุกรุก โดยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และในปัจจุบันเหลือสถานที่วางไข่ของเต่าทะเลเพียงไม่กี่แห่ง โดยที่ยังสมบูรณ์ที่สุดคือที่เกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช โดยเฉพาะ เต่าตนุ ซึ่งเป็นเต่ากระดองแข็งเป็นสัตว์สงวนและคุ้มครอง อยู่ในบัญชีอนุสัญญาไซเตสบัญชี 1 ซึ่งถือว่าใกล้สูญพันธุ์ นอกจากนี้เกาะกระยังมีแนวป่าชายเลนที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำหายากหลากหลายชนิด กรมทรัพยากรทางทะเลได้จัดทำแผนอนุรักษ์แหล่งวางไข่ของเต่าทะเลแบบยั่งยืนต่อจากการอนุรักษ์ และเพาะพันธุ์เต่าทะเลเพื่อปล่อยสู่ธรรมชาติที่เกาะมันใน จ.ระยอง โดยได้เสนอต่อที่ประชุมอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพครั้งที่ 5 ที่ประเทศเยอรมนี เกี่ยวกับกิจกรรมการอนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเลเป็นโครงการเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตโลก อนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเล และได้เสนอให้เกาะกระเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระหว่างประเทศ (Ramsar Site) ประเภทพื้นที่คุ้มครองทางทะเล โดยเกาะกระมีชายหาดที่เต่าทะเลขึ้นมาวางไข่มากที่สุด เพื่ออนุรักษ์แหล่งวางไข่เต่าทะเลอีกแห่งหนึ่งในเมืองไทย เพราะโดยภาพรวมเกาะกระยังห่างไกลจากการรบกวนโดยกิจกรรมของมนุษย์ หมู่เกาะกระ ประกอบด้วยเกาะ 3 เกาะ และเกาะบริวารอีก 2 เกาะ คือ เกาะกลาง และ เกาะเล็ก และเกาะขนาดเล็กอีก 1 เกาะ ที่ชาวบ้านเรียกว่า กองหิน ซึ่งเกาะที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดพื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นภูเขาสูง มีแนวหาดทรายสั้น ๆ อยู่ทางทิศตะวันตก ปัจจุบันเกาะกระนับเป็นแดนสวรรค์ของนักดำน้ำและตกปลาที่นิยมเดินทางไปทำกิจกรรม กันอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง แต่เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้าไปดำน้ำดูปะการังส่วนหนึ่งยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และขาดความชำนาญในการว่ายน้ำ ในช่วงการดำน้ำจึงเหยียบปะการังพังเสียหาย นอกจากนี้ยังถูกชาวบ้านบุกรุกในลักษณะต่าง ๆ ทำให้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้รับความเสียหายไม่น้อย และสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ พบว่าน่าจะมีการจับสัตว์น้ำโดยเฉพาะเต่าทะเลขนาดใหญ่กินเป็นอาหารด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเฝ้าระวังและควบคุมอย่างใกล้ชิด ก่อนที่เกาะกระแดนสวรรค์จะเสียหายไปมากกว่านี้ !. จาก : เดลินิวส์ วันที่ 23 กรกฎาคม 2552
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
|||
|
|||
โอ้ว น่าเที่ยวมากกกก
|
#3
|
||||
|
||||
ลองไปอ่านเรื่องและชมภาพเกาะกระเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
http://www.saveoursea.net/boardapr20...hp?topic=393.0
__________________
Saaychol |
#4
|
||||
|
||||
ข้างบนมีป่าชายเลนด้วยเหรอครับ น่าสนใจ
|
#5
|
||||
|
||||
ไม่น่าจะเป็นป่าชายเลน.....แต่เป็น ป่าชายหาด (Beach Forest) มากกว่าค่ะ
ป่าชายหาด มีลักษณะดังนี้ค่ะ ป่าชายหาดเป็นสังคมพืชที่พบบริเวณชายฝั่งทะเลซึ่งมีดินเป็นทรายจัด อากาศมีไอเค็มสูง แต่น้ำทะเลท่วมไม่ถึง ในประเทศไทยพบตามชายฝั่งทะเลที่มีหาดทราย ทั้งภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคใต้ โดยเฉพาะที่ เกาะตะรุเตา ยังมีป่าชายหาดอันสวยงามสมบูรณ์มากแห่งหนึ่ง ป่าชนิดนี้มีปัจจัยกำหนดค่อนข้างเฉพาะทำให้กระจายขาดเป็นตอน ๆ สลับกับป่าชายเลนและสังคมผาหิน พรรณไม้ส่วนใหญ่ในป่าชายหาดเป็นพืชทนเค็ม (Halophytes) ทนความแห้งแล้งและภาวะขาดน้ำได้ดี ลำต้นคดงอแตกกิ่งก้านมาก กิ่งสั้น ใบหนาแข็ง ประกอบด้วยไม้พุ่มหนามหลายชนิด พื้นป่ามักโล่งเตียนมีซากใบสนแห้งที่ย่อยสลายช้าปกคลุมเป็นชั้นหนา กลายเป็นอุปสรรคสกัดกั้นการสืบพันธุ์ของไม้ชนิดอื่น พรรณไม้เด่นที่พบ เช่น สนทะเล สลัดได ข่อย หนามเค็ด ปะปนกับ ยางนา กระทิง หูกวาง และเสม็ด บนหาดทรายสามารถพบผักบุ้งทะเล หญ้าลอยลม และถั่วคล้า เลื้อยรุกล้ำเข้ายึดหาดทรายเพื่อแสดงกระบวนการทดแทนตามธรรมชาติ รากที่ออกตามข้อของพืชเหล่านี้ ทำให้ยึดทรายได้มั่นคงและเป็นที่ฝากเมล็ดของสน สำหรับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายหาดจะมีไม่มากชนิดนัก เนื่องจากเป็นพื้นที่แห้งแล้งขาดอาหารและน้ำจืด สัตว์ส่วนหนึ่งจึงเคลื่อนย้ายไปมากับป่าบกข้างเคียง เช่น เก้ง หมูป่า กระต่ายป่า ส่วนนกที่พบเห็นเป็นประจำ เช่น เหยี่ยวแดง ไก่ป่า และนกกระปูดใหญ่ เป็นต้น สังคมป่าชายหาดของประเทศไทยได้รับการอนุรักษ์ไว้ค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่จึงถูกบุกรุกก่อตั้งเป็นชุมชน ท่าเทียบเรือ และแหล่งท่องเที่ยว จนเหลือป่าชายหาดเป็นผืนเล็ก ๆ เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ข้อมูลจาก.....http://www.tropicalforest.or.th/p46.htm
__________________
Saaychol |
#6
|
||||
|
||||
ถึงว่าครับ เคยดูภาพเกาะกระจากหนังสือท่องเที่ยวมานาน เห็นแต่โขดผาหินกับชายหาด ไม่เห็นจะมีอ่าวลึกๆ ให้เกิดป่าชายเลนได้ตรงใหน
ป่าชายเลนที่อยู่บนเกาะที่โดดเดี่ยวจากแผ่นดินใหญ่นี่ น่าสนใจพวกสัตว์ในป่า ว่าจะมีชนิดรายงานใหม่ๆ อยู่ |
#7
|
||||
|
||||
ได้อ่านและชมภาพเพิ่มเติมแล้วครับ เยี่ยมไปเลยครับพี่สายชล ..
เกาะกระนี่มีเรื่องราวมากมายจริงๆ ทั้งเรื่องราวในอดีตและการทำงานของสมาชิกร่วมกับกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ได้เห็นภาพการทำงาน การเก็บตัวอย่าง เจ๋งๆจริงครับ
__________________
If we see the hearts of others, peace will follow You may say I'm a dreamer .. but I'm not the only one: John Lennon |
#8
|
||||
|
||||
อ้างอิง:
แนวปะการังอันสมบูรณ์หนาแน่นอย่างในภาพ คงแหลกเละจากการทิ้งสมอเรือท่องเที่ยวทั้งเล็กและใหญ่ จนแหลกสลายไปเหมือนแนวปะการังติดหาดที่เกาะนางยวนหรือเกาะเต่า ซึ่งในอดีตเคยมีแน่นหนาจนไม่สามารถว่ายน้ำผ่านแนวปะการังไปขึ้นหาดได้ ผมไม่เชื่อว่าถ้าการท่องเที่ยวบูมขึ้นมาแล้ว เจ้าหน้าที่จะดูแลได้ทั่วถึง เอาแค่งานทำความสะอาดเกาะกระที่ผ่านมา น้องคนหนึ่งที่ได้ไปร่วมทำงานได้ตกตะลึงมาแล้วกับวิธีการกำจัดอวนของคณะทำงาน ที่แทนที่จะใช้ของมีคมค่อยๆตัดเลาะอวนออกมาจากปะการัง แต่ท่านเลือกใช้วิธีกระชากลากดึงผืนอวนขึ้นมา ผลก็คือ ไม่ใช่ได้แต่อวนขึ้นมาเท่านั้น ท่านยังได้ยอดของปะการังติดอวนขึ้นมาเป็นจำนวนมากอีกด้วย ทำกันแบบนี้แล้ว จะให้ผมเชื่อหรือว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะสามารถปกป้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติอันสมบูรณ์นี้ได้หากการท่องเที่ยวเข้าไปถึงเกาะกระ นี่ยังไม่นับถึงเต่าที่จะต้องกระเจิดกระเจิงจนหาที่วางไข่ไม่ได้อีกด้วยนะครับ อ้างอิง:
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#9
|
|||
|
|||
อยากไปๆๆ
ได้ข่าวมาว่าชมรมดำน้ำสงขลาก็จะไป ตอนสิ้นเดือนนี้อ่ะคะ |
#10
|
||||
|
||||
เห็นภาพใต้ทะเลที่เกาะกระที่มีฝูงปลาข้างเหลือง ว่ายอยู่เหนือปะการังโต๊ะ....ปะการังเขากวาง ปะการังกิ่งอื่นๆ ที่นำไปลงในเดลินิวส์แล้ว รู้สึกคุ้นตาคุ้นใจมากๆ
สายชลเลยลองมานั่งอ่านและชมภาพเรื่อง หมู่เกาะกระ....แนวปะการังแข็งแห่งความหลากหลาย ที่สายชลนำมาลงทั้งใน SOS และในห้อง Blueplanet ของ Pantip อีกรอบอย่างละเอียด โป๊ะเช๊ะ.....ภาพที่เดลินิวส์นำไปใช้ เป็นภาพที่สองสายได้ถ่ายไว้ที่เกาะกระและนำมาลงปิดท้ายเรื่อง หมู่เกาะกระ....แนวปะการังแข็งแห่งความหลากหลาย ทั้งใน SOS และในห้อง Blueplanet ของ Pantip จริงๆด้วย แต่ท่านผู้สื่อข่าวของเดลินิวส์ (คุณ ไพฑูรย์ อินทศิลา.....ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม) ท่านไม่ได้ขออนุญาตเราเพื่อนำภาพไปใช้ หรือ อ้างอิงที่มาของภาพ แถมยังตัดชื่อเราที่เป็นเจ้าของภาพออกไปเสียด้วย จนภาพปะการังโต๊ะในภาพแหว่งไป (ทำให้ครั้งแรกนั้นเรามองผ่านไปเฉยๆ เพราะเราจะไม่ถ่ายภาพส่วนสำคัญๆอย่างปะการังโต๊ะให้ขาดแหว่งหายไปอย่างนั้นแน่ๆ) มาลองเปรียบเทียบภาพของเรากับภาพของเดลินิวส์ดูนะคะ.... ภาพของสองสายใน SOS ที่ http://www.saveoursea.net/boardapr20...?topic=393.150 ภาพของสองสายใน Pantip ที่ http://topicstock.pantip.com/bluepla.../E5916729.html ภาพในเดลินิวส์ ที่ http://www.dailynews.co.th/newstartp...ะกระ ข่าวของเดลินิวส์เรื่องนี้เป็นข่าวที่มีประโยชน์ หากจะมีการขอนำภาพของเราไปใช้ประกอบเรื่องนั้น เรายินดีจะสนับสนุนเต็มที่ โดยจะขอเพียงช่วยอ้างอิงที่มาของภาพให้เป็นเครดิตกับ SOS และ Pantip ด้วย หรือถ้าเป็นภาพที่ไปขอจากอาจารย์บอย (ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง) แห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่เราได้มอบไว้ให้อาจารย์ใช้เพื่อเป็นประโยชน์ทางการศึกษาแล้ว เราก็จะไม่ติดใจอันใดเลย แต่การที่เดลินิวส์นำภาพจาก SOS และ Pantip ไปใช้โดยตัดชื่อของเราผู้เป็นเจ้าของภาพออกดื้อๆนั้น บอกตรงๆค่ะว่า....ไม่ชอบ ขอถามความเห็นพวกเราหน่อย.....เราควรจะทำอย่างไรกับกรณีนี้ดีคะ.....
__________________
Saaychol แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายชล : 30-07-2009 เมื่อ 15:01 |
|
|