#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอังคารที่ 18 พฤษภาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนเพิ่มมากขึ้นกับมีลมกระโชกแรง โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงที่ยังคงเกิดขึ้นในช่วงนี้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนในตอนกลางวัน กับมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 17 - 18 พ.ค. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19 - 23 พ.ค. 64 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเล อันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณทะเลอันดามันคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 19 - 23 พ.ค. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ศรชล.ภาค 3 แถลงเก็บกู้ถังเชื้อเพลิงจรวด ในทะเลภูเก็ต ยันไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ศรชล.ภาค 3 แถลงเก็บกู้ถังเชื้อเพลิงจรวด ในทะเลภูเก็ต คาดใช้งานหมดแล้วสลัดทิ้งขณะส่งขึ้นอวกาศ ยันไม่มีสารพิษกระทบสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจาก ศรชล.จังหวัดภูเก็ต ว่ามีชาวประมงพื้นบ้านพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายวัตถุระเบิด บริเวณเกาะแอล จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 พ.ค. นั้น พล.ร.ท.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผอ.ศรชล.ภาค 3 /ผบ.ทัพเรือภาค3 (ทรภ.3) สั่งการให้บูรณาการหน่วยงานต่างๆ ดังนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด หรืออีโอดี, ชุดปฏิบัติการพิเศษ (ชปพ.), หน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเล กองทัพเรือ เกาะภูเก็ต (นรภ.ทร.), และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย พร้อมด้วยหมวดเรือเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3 และชาวบ้านที่แจ้งเหตุ ในเบื้องต้นอีโอดีได้ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่วัตถุระเบิด และไม่มีสารพิษ จากนั้นได้ดำเนินการตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้งกับทางกรมสรรพาวุธทหารเรือ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับกลับมา คาดว่าน่าจะเป็นชิ้นส่วนของกระสวยหรือจรวดอวกาศ ต่อมา ศรชล.ภาค 3 จึงประสานงานกับสถาบันพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ และภูมิสารสนเทศ (GITSDA) ตรวจสอบภาพถ่ายอีกครั้ง ผลที่ได้รับตรงกันคือ ทั้งสองหน่วยงาน ยืนยันว่าวัตถุดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนของถังเชื้อเพลิงของจรวดหรือกระสวยที่ใช้ส่งไปยังอวกาศ แล้วจะถูกสลัดทิ้งออกเป็นช่วงในการส่งขึ้น ซึ่งรายละเอียดทางผู้เชี่ยวชาญของ GISTDA จะตรวจสอบต่อไป หลังจากนั้นในวันที่ 12 พ.ค. ทาง ศรชล.ภาค 3 จึงทำหนังสือขอให้ทาง GISTDA ส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมวางแผนการเก็บกู้ ร่วมกับ ศรชล.ภาค 3 และ ทรภ.3 ในช่วงระหว่าง 16-18 พ.ค. ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จในวันนี้ (17 พ.ค.) จากการตรวจสอบโดยละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญของ GISTDA และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในเรื่องของสารไฮดราซีนที่เป็นเชื้อเพลิงที่บรรจุในถังน่าจะถูกใช้งานจนหมดเรียบร้อย ประกอบกับการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบจุดที่พบ สภาพแวดล้อมทางทะเลปกติ มีสัตว์น้ำ ปะการัง หอยเม่น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่าวัตถุดังกล่าว ไม่ได้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ในการเก็บกู้ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ได้ใช้ความระมัดระวังและป้องกันอย่างเต็มที่ ทั้งทีมเก็บกู้และยุทโธปกรณ์ที่ใช้มีความปลอดภัย ขอยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมด ศรชล.ภาค 3 ตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยประชาชน เจ้าหน้าที่ และผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลในพื้นที่เป็นอันดับแรก สำหรับการดำเนินการต่อไป หลังจากตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญโดยละเอียด ศรชล.ภาค 3 จะทำการส่งมอบวัตถุดังกล่าว ให้กับ GISTDA ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัย นำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางอวกาศของประเทศไทยในอนาคต หลังจากนั้นจะนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์อวกาศของ GISTDA เพื่อให้ประชาชนได้ชมต่อไป https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6403964
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยโพสต์
ฮือฮา! ชาวบ้านตกปลาเจอ 'ฉลาม' ในแม่น้ำตรังเป็นครั้งแรก 17 พ.ค.64 - ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายกล้อย เกื้อนะ อายุ 48 ปีอยู่บ้านเลขที่ 196/2 หมู่ที่ 5 ต.บางรัก อ.เมือง จ.ตรัง หลังมีข่าวว่านายกล้อย เป็นคนตกปลาฉลามในแม่น้ำตรังได้เป็นตัวแรกและคนแรกในจ.ตรัง โดยเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายกล้อยฯ ได้ไปตกปลาในแม่น้ำตรัง บริเวณบ้านหนองบัว ต.นาตาล่วง อ.เมืองตรัง โดยใช้ลูกปลาดุกเป็นเหยื่อล่อ ทิ้งไว้ 1 คืนก่อนที่รุ่งเช้าจะไปดูเบ็ดที่ปักไว้ และพบว่าเป็นปลาตัวใหญ่ ตอนแรกคิดว่าเป็นปลาสวาย แต่เมื่อจับขึ้นมาได้กลับพบว่าเป็นปลาฉลามที่ยังมีชีวิตอยู่ ชั่งน้ำหนักได้ 3.9 กิโลกรัม ความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ซึ่งก็ได้สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านที่พบเห็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากในแม่น้ำตรังยังไม่เคยมีใครตกได้ปลาฉลามแม้แต่คนเดียว โดยปลาฉลามที่ได้คาดว่าจะเป็นฉลามทรายหรือฉลามหัวบาตร ที่สามารถอาศัยอยู่ในน้ำจืดได้ ประกอบกับแม่น้ำตรังเป็นแม่น้ำที่เชื่อมติดกับทะเลบริเวณปากอ่าวในอำเภอกันตัง จ.ตรัง ทำให้มีน้ำทะเลหนุนสูงและบางช่วงจะเป็นน้ำกร่อย จึงเป็นไปได้กว่าลูกฉลามตัวนี้อาจจะว่ายน้ำพลัดหลงเข้ามา จนกระทั่งมาติดเบ็ดของชาวบ้าน ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าในเวลาต่อมานายกล้อย ได้เอาไปให้น้องสาวทำเป็นอาหารไปแล้ว อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวการพบปลาฉลามในแม่น้ำตรัง ทำให้สองฝั่งแม่น้ำตรังเกิดความตื่นกลัวเป็นอย่างมากว่า จะยังมีฉลามอาศัยอยู่อีกหรือไม่ หรือมีตัวแม่เข้ามาด้วยหรือไม่ ชาวบ้านจึงงดลงเล่นน้ำในแม่น้ำตรังตลอดสายเป็นการชั่วคราว ขณะที่นายกล้อยยังเชื่อว่าจะยังมีฉลามอยู่ในพื้นที่ คาดหากได้กลิ่นเลือดก็กลัวว่าจะเข้ามาทำร้ายคนได้ ล่าสุด นายโกวิทย์ เก้าเอี้ยน ประมงจ.ตรังระบุว่าน่าจะเป็นฉลามหัวบาตร ซึ่งจะลงตรวจสอบแหล่งที่พบอีกครั้ง ด้านนายกล้อย เกื้อนะ ชาวบ้านที่ตกได้ฉลามตัวดังกล่าวเล่าว่า วันเกิดเหตุตนได้เอาลูกปลาดุกไปเป็นเหยื่อล่อทิ้งไว้ 1 คืนก่อนที่จะมาดูในตอนเช้า ซึ่งตอนแรกคิดว่าเป็นปลากดหรือปลาสวาย แต่เมื่อเอามาดูใกล้ๆกลับพบว่าเป็นปลาฉลาม ซึ่งในชีวิตตกปลามาเกือบ 20 ปีแล้วยังไม่เคยพบเห็น ทำให้รู้สึกแปลกใจและยืนงงอยู่พักใหญ่ เพราะไม่เชื่อว่าบริเวณบ้านป่าหมาก-หนองบัว ต.นาตาล่วง จะมีฉลามอาศัยอยู่ได้ โดยมีชาวบ้านสนใจมาดูเป็นจำนวนมาก https://www.thaipost.net/main/detail/103203
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
'นายกฯตุ้ย'เหลือทน! โพสต์ซัดพวกสายเมาเกลื่อนหาด 'แหกกฏ'แต่ทำอะไรได้ยาก 17 พ.ค.64 "ตุ้ย"ณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข จ.ชลบุรี โพสต์ภาพกลุ่มคนเมาสุรานอนสลบไสลที่หาดวอนนภาและหาดบางแสน เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) โดยระบุว่า สภาพที่ไม่อยากเห็นก็ต้องเห็น จนเป็นภาพชินตาที่หาดวอนนภาและบางแสน นี่ขนาดช่วงนี้ที่ประกาศห้ามรวมกลุ่ม ดื่ม กิน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ซึ่งปกติ ห้ามสูบบุหรี่และ ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่แล้วที่หาดสาธารณะ) และตลอดแนว มีเสียงตามสายประกาศเป็นช่วงๆ มี จนท. ทั้งเทศกิจ และ ตำรวจ มาเตือนบ้างเป็นบางเวลา แต่เหมือนจิตสำนึกคนกลุ่มนี้ก็ไม่เคยแคร์ใครนอกจากตัวเอง ดูสภาพคนเหล่านั้น ดูไม่ได้เลย เมาแอ๋ นอนสลบไสล ช่วงนี้ ตำรวจมาจับไปโรงพักบ้างแล้ว อยากให้จับต่อเนื่องต่อไปครับ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ หลายๆคนถามว่าทำไมไม่บังคับใช้กฏหมาย? คำตอบคือ ทางปฏิบัติทำได้ยาก ต้องจับซึ่งหน้าต้องเป็น จนท. ตำรวจถึงมีอำนาจครบ ต้องพาไปโรงพัก ต้อง......ต้อง ต้อง เต็มไปหมด การที่จะลงโทษคนผิดทำไมต้องทำให้ยุ่งยากก็ไม่เข้าใจเหมือนกันครับ ทั่วประเทศเราถึงมีแต่คนแบบนี้ เพราะทำอะไรได้ยากจริง https://www.naewna.com/likesara/573666
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|