สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันจันทร์ที่ 27 กรกฏาคม 2563

[สายน้ำ]

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังอ่อนยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย แต่ภาคใต้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักไว้ด้วย

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 28-31 ก.ค. 63 คาดว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทย มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 27 ก.ค. - 1 ส.ค. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 27 - 31 ก.ค. 63 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก เดลินิวส์


เตือนเล่นน้ำระวังแมงกะพรุน หลังชาวประมงถูกพิษดับ

ทช.ชี้ระยองพบได้ทั้งแมงกะพรุนกล่องและแมงกะพรุนไฟ ยังระบุไม่ได้ชาวประมงดับจากชนิดใดต้องให้แพทย์วินิจฉัย เตือนระมัดระวังกิจกรรมทางน้ำ หากโดนพิษแมงกะพรุนใช้น้ำส้มสายชูราดทันที


?
เมื่อวันที่ 26 ก.ค. นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวถึง กรณีชาวประมงจ.ระยองถูกพิษแมงกะพรุนไฟ เป็นแผลไหม้พุพองทั่วตัว โดยแพทย์ระบุเสียชีวิตเพราะถูกพิษแมงกะพรุน ว่า ได้สอบถามไปยังสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก จ.ระยอง ตรวจสอบจากภาพ เบื้องต้นเรายังยืนยันไม่ได้ว่าการเสียชีวิตเกิดจากแมงกะพรุนชนิดใด แต่คาดว่าเกิดจากแมงกะพรุนแน่นอน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษของแมงกะพรุน??

นายโสภณ กล่าวว่า โดยทั่วไปผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจาก แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) ซึ่งเป็นแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงถึงชีวิต บริเวณที่สัมผัสแมงกะพรุนกล่อง จะมีรอยแผลเป็นเส้น ๆ ไขว้กันไปมาเป็นรอยไหม้ อาจมีรอยนูนขีดขวางทำให้ปวดมากบริเวณที่สัมผัส อาจหมดสติตัวเขียวและหัวใจหยุดเต้นได้ หรือ มีรอยแผลเป็นเส้นนูนแดง มีอาการปวดบริเวณแผล เจ็บหน้าอก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก เหงื่อแตกภายใน 5-40 นาที


ทั้งนี้แมงกะพรุนกล่องลักษณะทั่วไป ลำตัวใส รูปร่างเป็นกล่องสี่เหลี่ยมมีหนวดยื่นจากแต่ละมุมของร่มหนวด อาจจะมีการแตกแขนง เมื่อสัมผัสถูกแมงกะพรุนมีพิษ พิษของแมงกะพรุนจะเข้าสู่ผิวหนังทันที ซึ่งความรุนแรงของพิษที่ได้รับนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของแมงกะพรุนกล่องและปริมาณพิษที่ได้รับ โดยชนิดที่มีหนวดหลายเส้นจะมีพิษรุนแรงทำให้เสียชีวิตได้?



อธิบดี ทช. กล่าวอีกว่า ส่วนแมงกะพรุนไฟ (Sea nettles) โดยทั่วไปจะมีลักษณะรูปร่างคล้ายร่ม ลำตัวประกอบด้วยวุ้นเป็นส่วนใหญ่ ล่องลอยไปตาม กระแสน้ำและแรงคลื่นลม ทุกส่วนของแมงกะพรุนไฟมีเข็มพิษยกเว้นผิวร่มด้านบน เมื่อร่างกายสัมผัสกับแมงกะพรุนไฟ พิษจะ เข้าสู่ผิวหนังทันที ลักษณะอาการบริเวณผิวหนังที่โดนสัมผัสจะเป็นผื่นหรือปื้นแดง ปวดแสบปวดร้อน?

ทั้งนี้แมงกะพรุนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทะเล แต่มีบางชนิดที่อยู่ในน้ำจืด มักพบในทะเลเขตร้อนหรืออบอุ่น สามารถพบได้ตั้งแต่ บริเวณผิวน้ำจนถึงทะเลลึก พิษของแมงกะพรุนจะกระจายอยู่ทั่วไปในทุกส่วนของแมงกะพรุน แต่จะมีมากที่สุดบริเวณส่วนหนวด (tentacle) จากการสำรวจแมงกะพรุนพิษโดย ทช. ในพื้นที่จ.ระยอง สามารถพบแมงกะพรุนกล่องและกะพรุนไฟ ได้ตลอดทั้งปี ดังนั้นผู้ที่ไปเล่นน้ำทะเลและทำกิจกรรมทางน้ำควรระมัดระวังเป็นพิเศษ



สำหรับวิธีปฐมพยาบาล ผู้ช่วยเหลือต้องแน่ใจว่าตัวเองปลอดภัยจากแมงกะพรุน จากนั้นให้รีบนำผู้บาดเจ็บขึ้นจากน้ำหรือไปยังบริเวณที่ปลอดภัยทันที โดยให้ผู้บาดเจ็บอยู่นิ่งๆ เพื่อกันไม่ให้พิษจากแมงกะพรุนกระจายเข้าสู่ร่างกาย ห้ามขัดถูบริเวณที่ถูกพิษแมงกะพรุนเด็ดขาด ให้รีบน้ำส้มสายชูมาราดบริเวณที่ถูกพิษให้ทั่วถึงอย่างต่อเนื่องนานอย่างน้อย 30 วินาที (ห้ามราดด้วยน้ำจืด)

รวมทั้งเรียกให้คนช่วยเหลือ หรือเรียกรถพยาบาล และควรอยู่กับผู้บาดเจ็บตลอดเวลาเพราะผู้บาดเจ็บอาจหมดสติได้ภายในไม่กี่นาที หากผู้บาดเจ็บ หมดสติไม่หายใจ หรือไม่มีชีพจรให้รีบทำการปั๊มหัวใจโดยกดหน้าอกบริเวณเหนือลิ้นปี่เล็กน้อย เปิดทางเดินหายใจโดยการเชยคางขึ้นจนกว่ารถพยาบาลจะมาถึง หรืออาการดีขึ้น และรีบน้ำส่งโรงพยาบาลทันที


https://www.dailynews.co.th/politics/786832

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์


ดร.ธรณ์ เผย "สมุยเกาะแห่งเต่า" 6 เดือนลูกเต่าเกิดใหม่ รวม 2,800 ตัว วอน ปชช.ช่วยกันรักษาชายหาด

ดร.ธรณ์ เผยเรื่องราวน่ายินดีของเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังพบลูกเต่าเกิดใหม่เพิ่มวันนี้อีก 468 ตัว รวม 6 เดือนที่ผ่านมา 2,800 ตัว แนะควรรีแบรนด์ใหม่ วางโรดแมป 3-5 ปี เชื่อสามารถยกระดับการท่องเที่ยวได้เหมือนออสเตรเลีย-ฮาวาย



วันนี้ (26 ก.ค.) เฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" หรือ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล และรองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ระบุข้อความเผยถึงเรื่องราวที่น่ายินดี เมื่อวาน (25 ก.ค.) ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีลูกเต่าลงทะเล 409 ตัว แต่วันนี้ (26 ก.ค.) มี 468 ตัว เพราะเมื่อคืนมีลูกเต่าเกิดใหม่อีก 59 ตัว และใน 6 เดือนแรก ข้อมูลกรมทะเลระบุว่า มีลูกเต่าเกิดประมาณ 2,800 ตัว เท่าที่มีรายงาน หมายความว่าเกาะสมุยเป็นแหล่งกำเนิดลูกเต่า 16% ของทะเลไทย นั่นคือเหตุผลที่สำคัญยิ่งว่าทำไมที่นี่จึงเป็น เกาะสมุยเกาะแห่งเต่า และแม่เต่าทำหน้าที่เธอแล้ว ถึงเวลาพวกเราคนไทยช่วยกันทำหน้าที่ของเราบ้าง หน้าที่ซึ่งมาพร้อมกับความรัก รักษาหาด ลดขยะพลาสติก ดูแลทะเลให้เป็นบ้านที่สดใส สำหรับน้องเต่าทุกตัวที่วิ่งลงทะเลครับ ขอบคุณคลิปจากเพื่อนธรณ์เกาะสมุย"

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ดร.ธรณ์ได้โพสต์ถึงสมุยว่าแนะควรรีแบรนด์ วางโรดแมป 3-5 ปี เริ่มลงมือทำกันวันนี้ เชื่อสามารถยกระดับการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานเดียวกับ Great Barrier Reef ในออสเตรเลีย หรือในฮาวายได้ โดยมีรายละเอียดว่า "มาสมุยทั้งที ต้องมีสาระหน่อย จึงลองเขียนหนึ่งโหลน่ารู้ในทะเลสมุย และเป้าหมายใหม่ของเกาะสมุย มาฝากเพื่อนธรณ์ครับ

หนึ่ง - ในบรรดา 3 เกาะใหญ่ของไทย เกาะสมุยเป็นเกาะเดียวที่มีแนวปะการังรอบเกาะ ระยะทางเกือบ 70 กิโลเมตร

(อีก 2 เกาะ คือ เกาะภูเก็ต และเกาะช้าง มีแนวปะการังน้อยกว่ามาก)

สอง - แนวปะการังเกาะสมุยใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

สาม - แม่เต่าที่มาวางไข่ที่เกาะสมุย จะเข้ามาทางทิศตะวันออกและทิศใต้ เพราะหันไปทางทะเลเปิด น้ำลึกกว่า แนวปะการังแคบกว่าฝั่งอื่นที่กว้างและน้ำตื้นมาก

สี่ - เกาะแตนและเกาะเล็กๆ ทางใต้ของเกาะสมุย รวมกันเรียกว่า "หมู่เกาะทะเลใต้" ลงเรือไปเที่ยวได้ที่บ้านตลิ่งงาม

ห้า - เกาะแตนมีประวัติว่าหมาห้ามขึ้น อยู่แล้วตาย จะเป็นเพราะอะไรไม่ทราบ

หก - ฝั่งตะวันตกเกาะแตนมีอ่าวที่เจ๋งมาก น้อยแห่งในเมืองไทยที่จะมีทั้งป่าชายเลน หญ้าทะเล และแนวปะการัง อยู่รวมกันในอ่าวเดียว

ที่นี่จึงเป็นเขตที่ควรเป็นโมเดล Blue Carbon ดูดซับก๊าซเรือนกระจกสู้โลกร้อน (เรื่องนี้เก็บไว้เล่าให้ฟังต่อไปครับ)

เจ็ด - เกาะมัดสุ่มสวยมาก สมัยก่อนมีฟาร์มหอยมุกแต่ไปแล้ว ปัจจุบันคือเกาะแห่งหมู ใครมาเหยียบหาด จะมีคุณหมูวิ่งมาต้อนรับ

แปด - ฝั่งเหนือเกาะสมุยแถวแม่น้ำ เงียบสงบทะเลเรียบเพราะแนวปะการังอยู่ห่างฝั่งคอยกันคลื่นลม เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวรักการพักผ่อนชอบ

เก้า - เฉวงมีหาดสวย เป็นย่านดังสไตล์อินเตอร์ ปัจจุบันเงียบเพราะโควิด

ใกล้ฝั่งมีเกาะชื่อมัดหลัง แถวนี้มีหญ้าทะเลกับปะการังอยู่ใกล้กัน

เคยเป็นจุดที่ผมทำ Thesis ปริญญาโทด้าน Reef Geomorphology เป็นครั้งแรกของไทย

สิบ - ฝั่งตะวันตกใกล้แผ่นดินใหญ่เจริญก่อนใคร สมัยโน้นท่าเรือหน้าทอนเป็นประตูสู่เกาะสมุย

แถวนี้มีแนวปะการังอยู่บ้างแต่ไม่มาก แต่มีหญ้าทะเลในที่ลึกจนถึงสิบเมตร

สิบเอ็ด - สมัยผมสำรวจรอบเกาะ แหลมสอเป็นเขตที่แนวปะการังสวยสุด แต่ปัจจุบันสภาพเปลี่ยนไป

อย่างไรก็ตาม หากเกาะสมุยไปตามทางนิวนอร์มัล ผมมั่นใจว่าปะการังแถวนี้ยังพอฟื้นได้ เพราะน้ำไหลเวียนดีครับ

สิบสอง - การพลิกฟื้นทะเลสมุย หากจะทำจริงจัง ต้องสำรวจ/วางแผนให้จริงจัง

ในยุทธศาสตร์ชาติมีคำว่า Marine Spatial Planning ซึ่งน่าลองทำมากที่เกาะสมุย

คำดังกล่าวหมายถึงแบ่งเขตการใช้สอยประโยชน์และพยายามพัฒนาให้เป็นตามนั้น เช่น เขตดำน้ำ เขตดูแลเต่าวางไข่หรี่ไฟรักษาความสงบบนชายหาดนะจ๊ะ ฯลฯ

สมุยมีศักยภาพสมบูรณ์แบบที่จะเป็นโมเดล MSP ที่จะยกระดับการท่องเที่ยวทะเลไทยให้ได้มาตรฐานเดียวกับ Great Barrier Reef ในออสเตรเลียหรือในฮาวาย

ผมไม่ได้หมายถึงความเจริญสีสันบันเทิง

ผมหมายถึงความยั่งยืนและแบรนด์ใหม่ที่จะมีความหมายมากหลังโควิด

หากคนสมุยอยากไป หากผู้ที่เกี่ยวข้องเห็นพ้อง เราสามารถตั้งเป้าหมายเช่นนั้นได้

เมื่อมีเป้าชัดแล้ว เราวางโรดแมป 3-5 ปี แล้วเริ่มลงมือทำกันวันนี้ นั่นคือสิ่งที่จะ "รีแบรนด์" สมุยอย่างแท้จริงครับ"


https://mgronline.com/onlinesection/.../9630000076550

[สายน้ำ]

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


"เต่ามะเฟือง" วางไข่นอกฤดูกาลรังที่ 3 หาดท้ายเหมือง

เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ทำคอกป้องกันภัยคุกคามหลุมไข่เต่ามะเฟือง หลังพบเต่าทะเลขึ้นวางไข่นอกฤดูกาลรังที่ 3


ภาพ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

วันนี้ (26 ก.ค.2563) นายหฤษฎ์ชัย ฤทธิช่วย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จ.พังงา กล่าวว่า เมื่อเวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบร่องรอยที่คาดว่าเป็นการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเลบริเวณชายหาดในเขตอุทยานฯ ห่างจากเขาหน้ายักษ์มาทางทิศใต้ 2 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและขุดหาไข่เต่า พบไข่เต่าทะเลอยู่ลึกจากพื้นทราย 90 เซนติเมตร วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไข่เต่าได้ 5 เซนติเมตร สันนิษฐานว่าจะเป็นไข่ของเต่ามะเฟือง โดยพิจารณาจากร่อยรอยแล้วไม่สามารถระบุเวลาที่แม่เต่าขึ้นวางไข่ได้ เพราะร่องรอยลบเลือนในช่วงฝนตกหนัก จึงถมทรายกลบดังเดิมเพื่อให้ไข่เต่าเพาะฟักตามธรรมชาติ และทำคอกป้องกันภัยคุกคาม รวมทั้งปักไม้เป็นแนวกันคลื่นหลุมไข่เต่า


ภาพ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

ทั้งนี้ ร่องรอยไข่เต่าทะเลดังกล่าว เป็นร่อยรอยการขึ้นวางไข่รอยที่ 4 (พบไข่เต่า 3 รัง) ที่พบการขึ้นวางไข่นอกฤดูกาลในเขตอุทยานฯ


https://news.thaipbs.or.th/content/294924