#1
|
||||
|
||||
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมประเทศลาว ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง พายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) ?ไมสัก? บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. ? 4 ก.ย. 63 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง อนึ่ง พายุระดับ 4 (โซนร้อนกำลังแรง) ?ไมสัก? บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์มีการเคลื่อนตัวไปทางคาบสมุทรเกาหลีและญี่ปุ่น และคาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 5 (ไต้ฝุ่น) ในระยะต่อไป พายุนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 30 ส.ค. ? 4 ก.ย. 63 ขอให้ประชาชนในบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#2
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ
ชาวมอริเชียสประท้วง รบ.จัดการน้ำมันรั่วช้า เชื่อต้นเหตุทำโลมาตาย 39 ตัว ชาวมอริเชียสจำนวนมากออกมารวมตัวประท้วงในเมืองหลวง เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำมันรั่วจากเรือสินค้าล่าช้า บางคนถึงขั้นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ประชาชนนับพันคนสวมชุดสีดำออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลในกรุงพอร์ตลูอิส เมืองหลวงของประเทศมอริเชียส ในวันเสาร์ที่ 29 ส.ค. 2563 เพื่อประท้วงรัฐบาลที่จัดการปัญญาน้ำมันนับพันตันรั่ว จากเรือสินค้าญี่ปุ่นที่มาเกยตื้นบริเวณชายฝั่งของประเทศล่าช้า จนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ การประท้วงของประชาชนเกิดขึ้นหลังมีรายงานว่า พบโลมาถึง 39 ตัวเกยตื้นตายบริเวณชายฝั่งของมอริเชียส ซึ่งผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นเพราะผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วดังกล่าว และกล่าวโทษรัฐบาลว่าควรป้องกันเหตุน้ำมันรั่วได้ดีกว่านี้ รวมทั้งไม่พอใจที่รัฐบาลตัดสินใจจมส่วนหนึ่งของเรือที่หักเป็น 2 ส่วนลงก้นทะเลด้วย ผู้ประท้วงหลายคนชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ขณะที่ผู้ชุมนุมหญิงคนหนึ่งบอกกับนักข่าวของบีบีซีว่า "ฉันมาในวันนี้เพราะเราต้องการความจริง พวกเขาไม่ทำอะไรเลยตอนที่เรือเข้าหาชายฝั่งของเรา 12 วันที่พวกเขาไม่ทำอะไรเลยกระทั่งน้ำมันรั่วออกมา แล้วตอนนี้ผู้คนนับพันและสัตว์น้ำได้รับผลกระทบแล้ว" ทั้งนี้ เรือสินค้า 'เอ็มวี วาคาชิโอะ' ชนกับแนวปะการังและเกยตื้นนอกชายฝั่งของเกาะมอริเชียส เกยตื้นที่ 'ปอนเต เดอนี' (Pointe d'Esny) พื้นที่ชุ่มน้ำทางตะวันออกของมอริเชียส ตั้งแต่ 25 ก.ค. โดยจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติทางทะเล 'บลู เบย์' และชายหาดซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างมากของเมืองมาเอบวร์ก หลังจากนั้นราว 2 สัปดาห์น้ำมันก็เริ่มรั่วไหลออกมา ทำให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทางธรรมชาติ ก่อนจะจับกุมตัวกัปตันเรือและตั้งข้อหาก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยในการเดินเรือ รัฐบาลยังสัญญาจะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนเหตุน้ำมันรั่วที่เกิดขึ้นด้วย อนึ่ง ยังไม่มีการยืนยันว่าโลมาทั้ง 39 ตัวตายเพราะคราบน้ำมันที่รั่วไหลออกมาหรือไม่ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ชันสูตรซากโลมา 2 ตัว และพบรอยกัดของฉลาม แต่ไม่พบร่องรอยของสารไฮโดรคาร์บอนในร่างของมัน อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม เรียกร้องให้มีการตรวจสอบอิสระ เพื่อหาสาเหตุการตายของพวกมันอย่างละเอียด https://www.thairath.co.th/news/foreign/1920679
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#3
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์
ชาวมอริเชียสประท้วง "โลมาตายเกลื่อน" ใกล้จุดน้ำมันเรือญี่ปุ่นรั่ว รอยเตอร์ - ผู้ประท้วงหลายพันคนชุมนุมในเมืองหลวงพอร์ตหลุยส์ของมอริเชียสในวันเสาร์ (29) เพื่อเรียกร้องให้มีการสืบสวนเหตุน้ำมันรั่วไหลจากเรือญี่ปุ่นลำหนึ่งและการตายของโลมาอย่างน้อย 40 ตัวที่ถูกพบใกล้จุดน้ำมันรั่วไหล บรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเรียกร้องให้มีการสืบสวนว่า โลมาเหล่านี้เสียชีวิตเพราะการรั่วไหลหรือไม่ หลังจากเรือขนส่ง MV Wakashio ลำนี้ ชนแนวปะการังเมื่อเดือนที่แล้ว ผู้ประท้วงคนหนึ่งชูป้ายรูปโลมาตัวหนึ่งถูกชโลมด้วน้ำมันและมีข้อความว่า "ชีวิตเราก็สำคัญ" และอีกป้ายหนึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ธงชาติมอริเชียสถูกโบกทั่วจัตุรัสเซนต์หลุยส์คาธีดรัล "เราไม่เชื่อใจรัฐบาลและข้อมูลที่พวกเขาป้อนให้พวกเราในเรื่องเกี่ยวกับการจัดการและการตอบสนองต่อการรั่วไหล" ฟาบิโอลา มอนตี วัย 33 ปี นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมชาวมอริเชียส บอกรอยเตอร์จากจัตุรัส รัฐบาล ระบุว่า พวกเขาจะทำการชันสูตรซากโลมาทั้งหมดและจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำมัน ได้มีการสืบสวนเกิดขึ้นแล้วสองทิศทาง ทางคือโดยตำรวจเกี่ยวกับความรับผิดชอบของลูกเรือ อีกทางหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่กระทรวงการขนส่งทางเรือเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรือลำดังกล่าว จนถึงตอนนี้ สัตว์แพทย์ได้ตรวจสอบซากโลมาไปเพียงสองซาก ซึ่งมีร่องรอยบาดแผล แต่ไม่มีร่องรอยของน้ำมันในร่างกาย อ้างจากผลการชันสูตรเบื้องต้น การชันสูตรซากโลมาสองตัวแรกดำเนินการโดยศูนย์วิจัยการประมงอัลเบียนภายใต้รัฐบาล ผลการชันสูตรซากโลมา 25 ตัวที่ถูกซัดเกยฝั่งเมื่อวันพุธ (26) และวันพฤหัสบดี (27) คาดว่าจะออกมาในอีกไม่กี่วัน อ้างจาก จัสวิน ซอก อัปปาดู จากกระทรวงการประมง กลุ่มด้านสิ่งแวดล้อมท้องถิ่น Eco-Sud ซึ่งมีส่วนร่วมในการประท้วงวันเสาร์ (29) ระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันศุกร์ (28) ว่า ตัวแทนจากกลุ่มประชาสังคมควรมีส่วนร่วมในการชันสูตรด้วยและเรียกร้องความคิดเห็นอีกด้านจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ https://mgronline.com/around/detail/9630000088750
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#4
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก แนวหน้า
สุดตื่นตาธรรมชาติใต้ทะเลหมู่เกาะพีพีพบปะการังงอกงามเพียบ เหมาะแก่ นทท.ดำน้ำ วันที่ 29 ส.ค.63 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า วันนี้ได้สั่งการให้ชุดนักดำน้ำหน่วยพิทักษ์เกาะพีพี 7 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ร่วมกับชุดดำน้ำฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการัง และสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ วันที่สองของแผนดังกล่าวในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหมู่เกาะพีพี ตรงบริเวณโดยรอบแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่ทั้ง 2 แห่งอยู่ติดกันรวมเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ที่ระดับน้ำลึก 10 - 20 เมตร พบแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีการถูกทำลายแต่อย่างใด ทั้งยังพบปะการังที่กำลังเจริญเติบโตที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ได้ทำการฟื้นฟูมาก่อนหน้านี้ 3 ปี และที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกจำนวนมาก แต่ห่างออกไปจากบริเวณแนวปะการังของแหลมหินจ้อง และบริเวณหินกลาง ประมาณ 200 เมตร นักดำน้ำได้พบซากอวนลอบหรือไซดักจับปลาที่ผุพังแล้วมากว่า 2 ปี ที่ชาวประมงเข้ามาลักลอบวางลอบดักจับสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลอันดามันจำนวน 3 ปาก ซึ่งแต่ละปากอยู่ห่างกันออกไปประมาณ 50 เมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวปะการัง จึงได้ทำการเก็บกู้ขึ้นมาและนำไปทำลายบนฝั่ง รวมน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม นายวรพจน์ กล่าวต่อไปว่า การออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นมาตรการในการป้องกันและป้องปรามการลักลอบจับทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวไม่มีชาวประมงเข้ามาทำการลับลอบวางลอบหรือไซดักจับปลาแต่อย่างใด จึงทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นมีปะการังหลายๆ ชนิดงอกงามและเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์น้ำ เหมาะแก่การท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังและปลาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการดำน้ำนำเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต ที่นำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำชมปะการังอย่าไปแตะต้องหรือจับ ทั้งอย่าทำให้มีฝุ่นละอองทรายเกิดขึ้น เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองทรายไปทับถมปะการัง จะทำให้ปะการังตายได้ https://www.naewna.com/likesara/514888 ********************************************************************************************************************************************************* กระบี่ฟื้นฟูเกาะพีพี รอนักท่องเที่ยวไปเยือน หัวหน้าเกาะพีพีเผยสำรวจพื้นที่ใต้ทะเลเกาะพีพีแหลมหินจ้องหินกลางมีปะการังเกิดขึ้นมากพร้อมกู้ซากลอบดักจับปลา รอรับนักท่องเที่ยวไปเยือน เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2563 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดนักดำน้ำหน่วยพิทักษ์เกาะพีพี 7 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ร่วมกับชุดดำน้ำฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการัง และสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ วันที่สองของแผนดังกล่าวในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหมู่เกาะพีพี ตรงบริเวณโดยรอบแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่ทั้ง 2 แห่งอยู่ติดกันรวมเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ที่ระดับน้ำลึก 10 - 20 เมตร พบแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีการถูกทำลายแต่อย่างใด ทั้งยังพบปะการังที่กำลังเจริญเติบโตที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ได้ทำการฟื้นฟูมาก่อนหน้านี้ 3 ปี และที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกจำนวนมาก แต่ห่างออกไปจากบริเวณแนวปะการังของแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง ประมาณ 200 เมตร นักดำน้ำได้พบซากอวนลอบหรือไซดักจับปลาที่ผุพังแล้วมากว่า 2 ปี ที่ชาวประมงเข้ามาลักลอบวางลอบดักจับสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลอันดามัน จำนวน 3 ปาก ซึ่งแต่ละปากอยู่ห่างกันออกไปประมาณ 50 เมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวปะการังจึงได้ทำการเก็บกู้ขึ้นมาและนำไปทำลายบนฝั่ง รวมน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม นายวรพจน์ กล่าวต่อไปว่าการออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นมาตรการในการป้องกันและป้องปรามการลักลอบจับทรัพยากรสัตว์น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวไม่มีชาวประมงเข้ามาทำการลับลอบวางลอบหรือไซดักจับปลาแต่อย่างใด จึงทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีปะการังหลายๆชนิดงอกงามและเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์น้ำ เหมาะแก่การท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังและปลาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการดำน้ำนำเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต ที่นำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำชมปะการังอย่าไปแตะต้องหรือจับ ทั้งอย่าทำให้มีฝุ่นละอองทรายเกิดขึ้น เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองทรายไปทับถมปะการัง จะทำให้ปะการังตายได้ https://www.naewna.com/local/514993
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
#5
|
||||
|
||||
ขอบคุณข่าวจาก Nation TV
กู้ซากลอบดักปลาสวยงาม กระบี่ - อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ สำรวจพื้นที่ใต้ทะเลเกาะพีพีเลแหลมหินจ้อยหินกลางเกาะพีพีมีปะการังเกิดขึ้นมากพร้อมกู้ซากลอบดักจับปลาสวยงามทำลายทิ้ง เมื่อวันที่ 29 ส.ค.63 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดนักดำน้ำหน่วยพิทักษ์เกาะพีพี 7 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ร่วมกับชุดดำน้ำฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวปะการัง และสัตว์น้ำที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลหมู่เกาะพีพี ตรงบริเวณโดยรอบแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ที่ระดับน้ำลึก 10 - 20 เมตร พบแนวปะการังและทรัพยากรสัตว์น้ำยังมีความอุดมสมบูรณ์ไม่มีการถูกทำลายแต่อย่างใด ทั้งยังพบปะการังที่กำลังเจริญเติบโตที่ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ได้ทำการฟื้นฟูมาก่อนหน้านี้ 3 ปี และที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอีกจำนวนมาก แต่ห่างออกไปจากบริเวณแนวปะการังของแหลมหินจ้องและบริเวณหินกลาง ประมาณ 200 เมตร นักดำน้ำได้พบซากอวนลอบหรือไซดักจับปลาที่ผุพังแล้วมากว่า 2 ปี ที่ชาวประมงเข้ามาลักลอบวางลอบดักจับสัตว์น้ำใต้ท้องทะเลอันดามัน จำนวน 3 ปาก ซึ่งแต่ละปากอยู่ห่างกันออกไปประมาณ 50 เมตร ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวปะการังจึงได้ทำการเก็บกู้ขึ้นมาและนำไปทำลายบนฝั่ง รวมน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งการออกแผนปฏิบัติการดูแลป้องกันรักษาและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ท้องทะเล เป็นมาตรการในการป้องกันและป้องปรามการลักลอบจับทรัพยากรสัตว์น้ำ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ปัจจุบันบริเวณดังกล่าวไม่มีชาวประมงเข้ามาทำการลับลอบวางลอบหรือไซดักจับปลาแต่อย่างใด จึงทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีปะการังหลายๆชนิดงอกงามและเป็นแหล่งที่อาศัยของสัตว์น้ำ เหมาะแก่การท่องเที่ยวดำน้ำชมปะการังและปลาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการดำน้ำนำเที่ยวทั้งในจังหวัดกระบี่และจังหวัดภูเก็ต ที่นำนักท่องเที่ยวมาดำน้ำชมปะการังอย่าไปแตะต้องหรือจับ ทั้งอย่าทำให้มีฝุ่นละอองทรายเกิดขึ้น เพราะจะทำให้ฝุ่นละอองทรายไปทับถมปะการัง จะทำให้ปะการังตายได้ https://www.nationtv.tv/main/content...ampaign=recent
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
|