เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 08-02-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม : วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563

ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิต่ำสุด 12-22 องศาเซลเซียส สำหรับยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-15 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาถึงประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่เข้ามาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในคืนวันนี้ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลงและมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง

ฝุ่นละอองในระยะนี้ ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีกำลังแรงมากกว่าเมื่อวาน ทำให้การสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควัน น้อยกว่าเมื่อวาน ส่วนภาคเหนืออากาศยกตัวได้ไม่ดีในตอนเช้าและลมอ่อน ทำให้ตอนเช้ามีการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควัน ส่วนตอนบ่ายจะดีขึ้นเนื่องจากอากาศยกตัวได้ดี


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

เมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 7 - 8 ก.พ. 63 บริเวณประเทศไทยตอนบนมีหมอกในตอนเช้า กับมีอากาศเย็นถึงหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-16 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนบางแห่ง

ส่วนในช่วงวันที่ 9-13 ก.พ. 63 ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีลูกเห็บตกบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือตอนบน หลังจากนั้นจะมีอากาศหนาวเย็นลง บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-12 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส สำหรับภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2 ? 3 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 9 - 13 ก.พ. 63 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่งไว้ด้วย รวมถึงดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนไว้ด้วย สำหรับชาวเรือบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง


*********************************************************************************************************************************************************



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทย (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 9 ? 13 กุมภาพันธ์ 2563)" ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 07 กุมภาพันธ์ 2563

ในช่วงวันที่ 9-13 กุมภาพันธ์ 2563 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะแรก โดยในบริเวณภาคเหนือตอนบนจะมีลูกเห็บตกบางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง โดยมีผลกระทบตามภาคต่างๆดังนี้

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ 2563 มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส กับมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-17 องศาเซลเซียส สำหรับยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 1-10 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นบริเวณยอดดอยในภาคเหนือ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ 2563 จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในบริเวณจังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลง 3-6 องศาเซลเซียส กับมีอากาศหนาว และลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 12-18 องศาเซลเซียส สำหรับยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส

ภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส

ภาคใต้ จะมีฝนเพิ่มขึ้น ในช่วงวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ 2563 กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง ปัตตานี และนราธิวาส สำหรับคลื่นลมบริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 9-12 กุมภาพันธ์ 2563

ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่คลื่นอากาศในกระแสลมฝ่ายตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระมัดระวังอันตรายและรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน สำหรับเกษตรกรควรระวังความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย









__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สายน้ำ : 08-02-2020 เมื่อ 04:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #2  
เก่า 08-02-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


สร้างทางเชื่อมอ่าวมาหยา ข้องใจอนุรักษ์หรือทำลาย


(ภาพ) ภาพมุมสูงมองเห็นฝั่งอ่าวโล๊ะซามะ มุมซ้ายของเกาะ ที่จะถูกใช้เป็นสถานที่สร้างท่าเทียบเรือ เพื่อให้เรือนำเที่ยวมาจอดส่งนักท่องเที่ยวไปยังอ่าวมาหยา.

นับตั้งแต่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศปิด "อ่าวมาหยา" ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หมู่ 7 ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2561

ให้เหตุผลว่าเพื่อต้องการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติบนอ่าวมาหยา หลังจากที่ต้องแบกรับกับการท่องเที่ยวที่ถาโถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง นับตั้งแต่บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่ของฮอลลีวูด ใช้พื้นที่แห่งนี้ในการถ่ายทำภาพยนตร์ "เดอะบีช" เผยแพร่ไปทั่วโลกเมื่อปี 2543

โดยกำหนดจะเปิดให้เข้าเที่ยวชมได้อีกครั้งภายในเดือน พ.ค.2564 และกำหนดเส้นทางเข้าไปยังอ่าวมาหยาใหม่ ด้วยการสร้างท่าเรือบริเวณ "อ่าวโล๊ะซามะ"

อ่าวโล๊ะซามะ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ เกาะพีพีเล อยู่ด้านหลัง อ่าวมาหยา แม้ชื่อเสียงของ อ่าวโล๊ะซามะ จะไม่โด่งดังเท่า อ่าวมาหยา แต่พื้นที่แห่งนี้ถือเป็น จุดดำน้ำชมปะการังสวยที่สุด อีกแห่งของเกาะพีพีเล เพราะความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศใต้ทะเล

อีกทั้งเป็นแหล่งปะการังน้ำตื้นและน้ำลึกที่สวยงามอีกแห่ง นักดำน้ำจากทั่วโลกต่างชื่นชมในความงามและความสมบูรณ์ แม้จะมีบางส่วนที่ได้รับความเสียหายจากผลกระทบทางธรรมชาติ ปะการังฟอกขาว แต่โดยรวมยังถือว่าเป็นโลกใต้น้ำที่ยังคงความสวยงาม

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้ประกอบการบนเกาะพีพี พยายามออกมาคัดค้านโครงการดังกล่าว โดยให้เหตุผลเรื่องความไม่เหมาะสม เพราะหากมีการสร้างท่าเรือบริเวณอ่าวโล๊ะซามะ นอกจากต้องเนรมิตท่าเทียบเรือขึ้นมาแล้ว ยังต้องสร้างทางเดินเชื่อมต่อ 2 อ่าว ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศของอ่าวโล๊ะซามะ และเกาะพีพีเล



ภาพแบบจำลอง ท่าเทียบเรืออ่าวโล๊ะซามะ เพื่อเชื่อม อ่าวโล๊ะซามะ กับ อ่าวมาหยา เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เตรียมก่อสร้างเพื่อใช้เป็นทางเข้าอ่าวมาหยา จ.กระบี่ และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทำลายธรรมชาติหรืออนุรักษ์กันแน่.

นายปิยะวัฒน์ ขุนบรรเทิง อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้ประกอบการบนเกาะพีพี ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า หากมีการใช้พื้นที่อ่าวโล๊ะซามะเป็นท่าเรือสำหรับเข้าเที่ยวชมอ่าวมาหยา เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะ แนวปะการังใต้อ่าวโล๊ะซามะ ปัญหาขยะที่จะเกิดขึ้นจากทางเดินบอร์ดวอล์ก ระยะทางหลายร้อยเมตร ซึ่งจะยากต่อการดูแลรักษา ที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการ และชาวบ้าน เคยเสนอแนะให้ กรมอุทยานฯ พิจารณาทบทวนอีกครั้งกับโครงการดังกล่าว

"เราเคยเสนอให้มีการสร้างท่าเรือแบบลอยน้ำบริเวณด้านหน้าอ่าวมาหยาแทน และให้เรือรับส่ง นทท.บริเวณด้านหน้าอ่าวมาหยา แต่ห้ามเข้าไปจอดในบริเวณอ่าว โดยให้เลือกจุดที่ไม่กระทบต่อการฟื้นฟูปะการังที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อ
คิดเห็น ข้อเสนอแนะของชาวบ้านถูกหมางเมิน" นายปิยะวัฒน์ กล่าว

ด้าน นายโสภณ จันทรพุธ หนึ่งในนักดำน้ำบนเกาะพีพี กล่าวว่า สิ่งที่ชาวบ้านบนเกาะพีพีเสนอแนวทางไปนั้น เป็นข้อเสนอที่อิงจากสภาพพื้นที่เป็นหลัก เพราะชาวบ้านรู้ดีเรื่องของทิศทางคลื่นลม เข้าใจสภาพของอ่าวมาหยา อ่าวโล๊ะซามะ จะมีปัญหาหลายอย่าง ทั้งพื้นที่คับแคบ ไม่สามารถรองรับปริมาณเรือจำนวนมากในแต่ละวันได้


แผนผังการก่อสร้างท่าเทียบเรืออ่าวโล๊ะซามะ ซึ่งกำลังเป็นที่วิตกของบรรดาผู้ประกอบการและนักดำน้ำว่าอาจจะทำลายสิ่งแวดล้อมในอนาคต.

ในบางช่วงของแต่ละปี จะมีคลื่นลมแรง เพราะเป็นฝั่งที่เปิดรับลมมรสุม สำคัญที่สุดเราจะสูญเสียแหล่งดำน้ำที่สวยงามอีกแห่งไปโดยปริยาย ซึ่งถือเป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นแหล่งสุดท้ายของเกาะพีพีที่หลงเหลืออยู่ แนวคิด ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการในพื้นที่ถูกปฏิเสธ กรมอุทยานฯยังคงยึดมั่นในแนวทางของตัวเอง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ม.ค.63 อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี โดย นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หน.อุทยานฯ ทำหนังสือด่วนถึง ชมรมเรือท่องเที่ยวบนเกาะพีพี เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ทางอุทยานฯจะดำเนินการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณอ่าวมาหยา และโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ ก่อสร้างทางเดินยกระดับ ระเบียงชมวิว พร้อมม้านั่งอเนกประสงค์

ทั้ง 2 โครงการ ใช้งบประมาณดำเนินการกว่า 17 ล้านบาทเศษ มีการนำเรือบาสขนาดใหญ่ ขนถ่ายอุปกรณ์ในการก่อสร้างเข้ามายังอ่าวมาหยา ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากโครงการดังกล่าวไม่ได้มีการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่แต่อย่างใด

นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หน.อุทยานฯ กล่าวว่า กรมอุทยานฯ ได้อนุมัติการก่อสร้างท่าเทียบเรือลอยน้ำที่อ่าวโล๊ะซามะ มีทางเดินเพื่อไม่ให้เหยียบย่ำทราย เมื่อด้านหน้าอ่าวมาหยาเข้าไม่ได้ก็ต้องเตรียมความพร้อม เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก คือให้เข้าทางด้านหลัง

"เป็นท่าเทียบเรื่อลอยน้ำชั่วคราว เป็นสะพานออกมาที่อ่าวโล๊ะซามะ ซึ่งแผนนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของ คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติทางทะเล ส่วนการขนส่งอุปกรณ์และวัสดุในการก่อสร้างเข้าไปยังเกาะนั้น ได้ศึกษาวิจัยดูตารางน้ำขึ้น
น้ำลง ตามหลักการต้องเข้าวันที่น้ำขึ้นสูงสุด เพื่อไม่ให้ไปโดนปะการัง เมื่อน้ำขึ้นสูงสุดเรือขนส่งสามารถเข้าไปได้ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ" นายวรพจน์ กล่าว

ทั้งหมดนี้คือเสียงสะท้อนของชาวบ้านในพื้นที่ ดังนั้น กรมอุทยานฯ ควรนำไปพิจารณา อย่าปล่อยให้เกิดเสียงครหาได้ว่า "รักษาธรรมชาติบนอ่าวมาหยา ด้วยการฆาตกรรมธรรมชาติอ่าวโล๊ะซามะ"

ไม่ควรมองคนพื้นที่เป็นฝ่ายตรงข้าม เพราะอุทยานฯเป็นหน่วยงานดูแลรักษาพื้นที่ แต่ชาวบ้านต้องใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติเหล่านี้ตลอดไป.


https://www.thairath.co.th/news/local/east/1766271

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
  #3  
เก่า 08-02-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,879
Default

ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS


แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่หาดไม้ขาว

แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ที่หาดไม้ขาวเป็นรังที่ 3 ของ จ.ภูเก็ต และถือเป็นรังที่ 9 ของประเทศไทย แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของท้องทะเลอันดามัน



วันนี้ (7 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่และชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ร่วมกันตรวจสอบร่องรอยการวางไข่ของเต่ามะเฟือง ก่อนจะขุดหลุมสำรวจ พบเป็นร่องรอยเต่ามะเฟือง ความยาวของพาย 136 เซนติเมตร และหลุมไข่เต่า ซึ่งนับเป็นรังที่ 3 ของ จ.ภูเก็ต และเป็นรังที่ 9 เมื่อรวมทั้งภูเก็ตและพังงา สะท้อนความสมบูรณ์ของท้องทะเลอันดามัน



บริเวณรังไข่เต่าดังกล่าวน้ำทะเลท่วมไม่ถึง ประกอบกับการวางไข่ไว้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง จึงไม่สามารถขุดขึ้นมานับจำนวนได้ จึงปล่อยไปตามธรรมชาติ โดยจัดทำคอกล้อมไว้เพื่อป้องกันอันตรายจากสัตว์อื่นและจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง


https://news.thaipbs.or.th/content/288753

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:11


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2024, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger